xs
xsm
sm
md
lg

“แก่งกระจาน” มหัศจรรย์แห่งผืนป่า มรดกโลกใต้พระบารมี รัชกาลที่ ๙

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี


ทะเลหมอก กม. 36-เขาพะเนินทุ่ง อช.แก่งกระจาน ผืนป่ามรดกโลกใต้พระบารมี ร.9
มรดกโลก “กลุ่มป่าแก่งกระจาน” เป็นอีกหนึ่งผืนป่าใต้พระบารมี “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” เกิดจากพระวิสัยทัศน์อันยาวไกล ซึ่งมีพระราชดำริให้อนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำแห่งนี้ไว้ อันนำไปสู่การจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ก่อนที่จะได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอันทรงคุณค่าแห่งใหม่ของไทย

กำเนิด อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

“เรื่องป่าต้นน้ำ ลำธารของแม่น้ำเพชรบุรี ขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาอย่าให้มีการลักลอบตัดไม้ ถางป่า ทำไร่ในป่าต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรี เพราะจะทำให้เกิดความแห้งแล้ง แม้จะได้มีการให้สัมปทานป่าแปลงนี้ไปบ้างแล้ว ก็ขอให้ เจ้าหน้าที่ตรวจดูแลการทำไม้ อย่าให้เป็นการทำลายป่าเกิดขึ้น”

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) เมื่อครั้ง เสด็จพระราชดำเนินเขื่อนแก่งกระจาน อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2522

ในหลวง ร.๙ สมเด็จพระพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ เมื่อครั้งเสด็จฯ เขื่อนแก่งกระจาน ปี 2522 (ภาพจากหนังสือ “อุทยานแห่งชาติใต้ร่มบารมีจักรีภูมิพล” ของกรมอุทยานฯ)
จากพระราชดำรัสดังกล่าว ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลตามติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2522 ที่ให้รักษาป่าไว้โดยการประกาศให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ “กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้” (สมัยนั้นยังไม่มีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช) จึงได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารแม่น้ำเพชรบุรีเหนือเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี แล้วดำเนินการจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” ขึ้น เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2524

แก่งกระจาน มหัศจรรย์แห่งผืนป่า


อช.แก่งกระจาน เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 28 ของประเทศ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดของประเทศไทย ราว 2,915 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1.8 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ อ.หนองหญ้าปล้อง อ.แก่งกระจาน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ผืนป่าแก่งกระจาน แหล่งต้นน้ำสำคัญ
อช.แก่งกระจาน มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาซับซ้อนในเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นป่าเขตแดนระหว่างประเทศไทยและพม่า มีจุดสูงสุดคือ “ยอดเขางะงันนิยวกตอง” ที่มีความสูง 1,513 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่กลางป่าลึกบริเวณแนวชายแดน

ผืนป่าแก่งกระจานมีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมาก เป็นป่าต้นน้ำแหล่งกำเนิดแม่น้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปราณบุรี รวมถึงเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยหรือ “บ้านของสัตว์ป่า” นานาชนิดอันชุกชุม (ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กลุ่มป่าแก่งกระจานได้เป็นมรดกโลก)

สมเสร็จ ที่อช.แก่งกระจาน (ภาพ : Thailand Wildlife)
นอกจากนี้ป่าแก่งกระจานยังเป็นแหล่งดูนกชั้นเยี่ยมอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย (บางคนยกให้เป็นอันดับหนึ่ง) ที่นี่มีนกอาศัยอยู่มากกว่า 500 ชนิด จนได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งการดูนก” ของเมืองไทย โดยพบนกเงือกดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าถึง 6 ชนิด (จากนกเงือก 13 ชนิดที่พบในเมืองไทย)

ขณะที่นกหายากชนิดอื่น ๆ ที่พบในอุทยานฯแห่งนี้ก็อย่างเช่น นกขมิ้นขาว นกเปล้าท้องขาว นกพญาปากกว้างท้องแดง นกจาบคาหัวสีส้ม นกจาบคาเคราแดง นกแว่นสีเทา นกกระแตหาด เป็นต้น

นกจาบคาหัวสีส้ม (ภาพ : อช.แก่งกระจาน)
รวมถึงเป็นถิ่นอยู่อาศัยของนกสุดหายากชนิดหนึ่งในโลกอย่าง “นกกะลิงเขียดหางหนาม” ที่ในเมืองไทยพบได้เพียงแห่งเดียวคือที่ อช.แก่งกระจานแห่งนี้ ซึ่งทางอุทยานฯ ได้สร้างรูปปั้นนกกะลิงเขียดหางหนามและนกเงือก เกาะอยู่คู่กันบนป้ายอุทยานเพื่อเป็นดังนกสัญลักษณ์ของผืนป่าแก่งกระจานแห่งนี้

นอกจากจะเป็นแหล่งดูนกชั้นเยี่ยมแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งดูผีเสื้อชั้นดี ที่มีผีเสื้อมากกว่า 250 ชนิด ซึ่งในช่วงหน้าแล้ง เดือน มี.ค.-มิ.ย. จะพบเจอผีเสื้อมากที่สุด

โป่งผีเสื้อ แคมป์บ้านกร่าง
เหล่าผีเสื้อปีกสวยพวกนี้ไม่เพียงมาตอมดอกไม้ดูดน้ำหวานเท่านั้น แต่ยังออกมาหากิน เกลือแร่และแร่ธาตุต่างๆ ตามดินโป่งที่พื้นดิน ตามซากสัตว์ ซากผลไม้ รวมไปถึงมูลสัตว์ด้วย และจะมีมากโดยเฉพาะตามริมลำธารที่ชื้นแฉะ

สำหรับผีเสื้อที่สามารถพบเจอได้ง่ายก็อย่างเช่น ผีเสื้อเณร ผีเสื้อหางติ่งปารีส ผีเสื้อหางดาบลายขีด ผีเสื้อ และผีเสื้อปลายปีกส้มใหญ่ เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถพบผีเสื้อได้ทั่วไปตามชายป่า ริมสายน้ำลำธาร ตามริมหุบห้วยที่มีความชุ่มชื้น และที่ “แคมป์บ้านกร่าง” ซึ่งเป็นไฮไลท์จุดชมผีเสื้อแห่งแก่งกระจาน ที่นี่มีโป่งผีเสื้อ และจุดย่อย ๆ ให้ชมผีเสื้อกันอย่างหลากหลาย

เที่ยว อช.แก่งกระจาน


รูปปั้นนกกะลิงเขียดหางหนามและนกเงือกที่ป้ายอุทยานฯ
นอกจากจะเป็นบ้านของสัตว์อันชุกชุม สามารถเที่ยวดูนก ผีเสื้อ และถ้าโชคดีก็จะเจอสัตว์อื่น ๆ ได้หลากหลายแล้ว อช.แก่งกระจาน ยังเป็นปอดธรรมชาติป่าใหญ่ใกล้กรุงฯ ที่นอกจากจะอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมากไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย

อุทยานฯแห่งนี้ มีน้ำตกกระจายอยู่เกือบ 10 แห่งทั้งในจุดที่เดินเข้าถึงไม่ยากและในป่าลึก อาทิ น้ำตกแม่กระดังลา น้ำตกชลนาฏ น้ำตกผาน้ำหยด น้ำตกธารทิพย์ และ 2 น้ำตกไฮไลท์ ได้แก่

น้ำตกป่าละอู (ภาพจาก อช.แก่งกระจาน)
-“น้ำตกทอทิพย์” (อ.แก่งกระจาน) ที่มีทั้งหมด 9 ชั้น ไหลลดหลั่นกันลงมาจากหน้าผาหิน นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าจากจุดชมทะเลหมอก กม.36 ไปประมาณ 5 กม.

-“น้ำตกป่าละอู” (อ.หัวหิน) เป็นน้ำตกขึ้นชื่อของหัวหินประกอบด้วยน้ำตกป่าละอูใหญ่และ น้ำตกป่าละอูน้อย มีทั้งหมด 15 ชั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินป่าเข้าไปเที่ยวชมเองได้ถึงชั้น 7 (ส่วนชั้นที่เหลืออยู่ในป่าลึกเข้าถึงลำบาก ต้องมี จนท.นำทางเข้าไป)

ยามเย็นที่จุดชมวิวเขาพะเนินทุ่ง
อช.แก่งกระจานยังมีไฮไลท์คือ “เขาพะเนินทุ่ง” ขุนเขาที่มี “ยอดเขาพะเนินทุ่ง” ที่มีความสูง 1,207 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นจุดสูงสุดอันดับสองของผืนป่าแก่งกระจานแห่งนี้

เขาพะเนินทุ่ง มีสภาพแวดล้อมเป็นขุนเขาสลับซับซ้อน มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีคล้ายขุนเขาทางภาคเหนือของบ้านเรา ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมทะเลหมอกใกล้กรุงฯ ที่สวยที่สุด

ทะเลหมอกจุดชมวิวเขาพะเนินทุ่ง
เขาพะเนินทุ่งมีจุดชมทะเลหมอกที่เป็นไฮไลท์สวยงามอยู่ 2 จุดด้วยกัน ได้แก่

-“จุดชมวิวเขาพะเนินทุ่ง” ที่ทางอุทยานฯ ได้ทำลานกว้างสำหรับชมวิว พร้อมป้าย เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่กับทะเลหมอกที่จะเห็นลอยอยู่ในแอ่งหุบเขาเบื้องล่าง

-“จุดชมวิว กม. 36” เป็นจุดชมวิวต้องห้ามพลาด แห่งผืนป่าแก่งกระจาน ตั้งอยู่ห่างจากพะเนินไปทุ่งไปประมาณ 6 กม. ที่นี่นอกจากจะได้ชมทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งอย่างสวยงามกว่างไกลแบบพาโนรามาแล้ว ยังสามารถเห็นหมอกได้อย่างใกล้ชิดท่ามกลางองค์ประกอบของธรรมชาติที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ

พระอาทิตย์ตกที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน (ภาพ อช. แก่งกระจาน)
นอกจากนี้ อช.แก่งกระจานยังมีอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญคือ “อ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน” ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี มีลานกางเต็นท์กว้างขวาง ให้กางใกล้ทะเลสาบในบรรยากาศสุดฟิน กลางคืนนอนดูดาว ตอนเช้าตรู่ขึ้นไปชมทะเลหมอกบนเขาพะเนินทุ่งแบบครบเครื่องเรื่อง “นอนเต็นท์ริมน้ำ กลางคืนดูดาว เช้าดูทะเลหมอก”

มรดกโลก “กลุ่มป่าแก่งกระจาน”


อช.แก่งกระจาน เป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดแห่ง “กลุ่มป่าแก่งกระจาน” มรดกโลกแห่งใหม่ ลำดับที่ 6 ของไทย

กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี มีเนื้อที่ประมาณ 2.5 ล้านไร่ (4,089 ตารางกิโลเมตร) ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วย อช.แก่งกระจาน อช.กุยบุรี อช.เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน และ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี

ช้างป่า อุทยานฯกุยบุรี (ภาพ : อช.กุยบุรี)
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มป่าแก่งกระจานได้เป็นมรดกโลกก็คือ หลักเกณฑ์ข้อที่ 10 (X) ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากป่าแห่งนี้เป็นถิ่นอาศัยทางธรรมชาติในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงพบชนิดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่มีคุณค่ายิ่งด้านการอนุรักษ์และวิทยาศาสตร์ โดยมีชนิดพันธุ์สำคัญที่ถูกคุกคามเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (หลักเกณฑ์การพิจารณาเป็นมรดกโลก มี 10 ข้อ ข้อที่1-6 เป็นหลักเกณฑ์แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ข้อที่ 7-10 เป็นหลักเกณฑ์แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ)

กลุ่มป่าแก่งกระจานได้ชื่อว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ของสัตว์ป่า ซึ่งสำรวจพบสัตว์ป่ามากถึง 459 ชนิด โดยมีสัตว์ป่าที่อยู่ในขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ จระเข้น้ำจืด ลิ่นชวา เต่าเหลือง และ เต่าหก

ทะเลหมอก จุดชมวิว กม. 36
นับได้ว่ามรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการดำเนินการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ความหลากหลายทางชีวภาพ ชนิดพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ ที่ปัจจุบันมีคุณค่าในระดับโลก

ทั้งนี้เมื่อย้อนไปในอดีต จะเห็นได้ว่าความสำเร็จของมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน เกิดจากพระวิสัยทัศน์อันยาวไกลของ “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ที่มีพระราชดำริให้อนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำแห่งนี้ไว้ อันนำไปสู่การจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพัฒนายกระดับสู่ “มรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน” ผืนป่าอันทรงคุณค่าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก


มรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน บ้านหลังใหญ่ของสัตว์ป่า (ภาพ  : อช. แก่งกระจาน)
#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น