การท่องเที่ยวในประเทศช่วงนี้ถือว่ายังไม่กลับเป็นปกติเท่าไรนัก หลายคนเลือกที่จะท่องเที่ยวแบบใกล้ๆ บ้าน หรือเลือกเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับเพื่อความสบายใจและประหยัดเงินในกระเป๋า
สำหรับคนที่อยู่กรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่อยากไปเที่ยวไกล เราขอแนะนำให้มาเยือน “ปทุมธานี” จังหวัดชานกรุงที่หลายคนอาจไม่เคยลองมาเที่ยวแบบจริงจัง วันนี้เป็นโอกาสดีแล้ว และทางจังหวัดปทุมธานีก็พร้อมและยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเป็นอย่างยิ่ง โดยพ่อเมืองปทุม หรือนายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ก็ได้ผุดโครงการ “วันเดียวเที่ยวปทุม” เพื่อปลุกกระแสการท่องเที่ยวในจังหวัดปทุมให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ในโครงการนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย แนะนำเส้นทางไว้หลายสไตล์สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจที่แตกต่างกัน อย่างในวันนี้ที่เราได้ลองมาเที่ยวเมืองปทุมแบบชิลๆ เที่ยวชมวัดต่างๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไหว้พระทำบุญ ชมวัดงามเก่าแก่ และปิดท้ายที่จิบกาแฟที่คาเฟ่เก๋ๆ เที่ยวง่ายแบบเพลินๆ จนอยากมาชวนให้ไปเที่ยวด้วยกัน
เริ่มต้นที่ “วัดชินวรารามวรวิหาร” อ.เมืองปทุมธานี อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ที่นี่เดิมชื่อวัดมะขามใต้ เป็นวัดเก่าแก่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และได้รับการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒนา สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๖
เราเข้าไปกราบกราบ “พระพุทธชินวร” หรือหลวงพ่อทองคำ พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยซึ่งอัญเชิญมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้าไปชมจิตรกรรมฝาผนังเรื่องทศชาติชาดกที่งดงามภายในอุโบสถกันด้วย
มาเยือนปทุมธานีทั้งที ต้องแวะมากราบ "ศาลหลักเมือง" เป็นสิริมงคลกันเสียหน่อย โดยศาลหลักเมืองนี้ตั้งอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดปทุมธานี เป็นศาลาแบบจัตุรมุขยอดปรางค์ ภายในประดิษฐานเสาหลักเมืองทำจากไม้ชัยพฤกษ์ รวมถึงมีรูปเคารพของพระกาฬไชยศรี พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองปทุมธานี มีผู้คนมากราบไหว้บูชากันอยู่มิได้ขาด
และที่อยู่ติดกับศาลหลักเมืองก็คือ “ศาลพระปทุมธรรมราช” พระพุทธรูปเก่าแก่ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยตั้งใจจะให้เป็นพระพุทธรูปประจำเมืองปทุมธานี โดยพระองค์เป็นผู้พระราชทานนาม “พระปทุมธรรมราช” ให้ด้วย ปัจจุบันพระปทุมธรรมราชองค์จริงประดิษฐานอยู่ที่วัดบางหลวง อ.เมืองปทุมธานี ทางจังหวัดได้จัดสร้างองค์จำลองขึ้นเมื่อปี 2561 และนำไปประดิษฐานในที่สำคัญต่างๆ รวมถึงที่ศาลากลางจังหวัดแห่งนี้
จากนั้นมาเยือนวัดงามที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่สมัยอยุธยาคือ “วัดสิงห์” อ.สามโคก วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ยังปรากฏเจดีย์ โบสถ์ วิหารเก่ามีเสน่ห์ ที่โดดเด่นคือวิหารโถง หรือศาลาดิน ซึ่งเป็นอาคารทรงไทยจั่วลูกฟักงดงาม ภายในศาลาดินประดิษฐาน “หลวงพ่อโต” ที่ชาวบ้านเชื่อถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 320 ปี และด้านหลังของหลวงพ่อโตจะมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ประดิษฐานอยู่
นอกจากนั้นแล้ว โบสถ์วิหารก็ล้วนเก่าแก่ เราจะเห็นถึงศิลปกรรมสมัยอยุธยาได้เด่นชัดจากวิหารน้อยที่มีฐานอาคารแอ่นโค้งเหมือนท้องสำเภา อีกทั้งยังมีงานสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญคือ "โกศพญากราย" ซึ่งเป็นที่บรรจุอัฐิของท่านอดีตเจ้าอาวาส และพระราชาคณะในสมัยรัชกาลที่ ๒ ซึ่งตกแต่งอย่างงดงามด้วยฝีมือการปั้นปูนสดที่หาชมได้ยาก
อีกหนึ่งวัดสำคัญที่หลายๆ คนอาจเคยมาเยือนแล้ว นั่นก็คือ “วัดโบสถ์” อ.สามโคก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีประวัติเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดสร้อยนางหงษ์ เชื่อกันว่าสร้างขึ้นโดยชาวมอญที่อพยพมาจากเมืองหงสาวดี มีพระพุทธรูปสำคัญของวัดคือ “หลวงพ่อเหลือ” ที่อยู่คู่วัดและคู่เมืองปทุมธานีมาเนิ่นนาน
ส่วนปัจจุบัน ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพรและถ่ายภาพกับรูปปั้นหลวงพ่อโสธรองค์จำลอง และรูปปั้นหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ปางเทศนาธรรม อีกทั้งยังมีมีวิหารท้าวจาตุคามรามเทพ วิหารพระสีวลี และหลวงปู่ทวดอีกด้วย
และด้วยความที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คนมักจะมาให้ทำบุญทำทานให้อาหารปลา จนตอนนี้มีปลาอยู่บริเวณริมน้ำหน้าวัดเต็มไปหมด ยิ่งช่วงน้ำลงยิ่งทำให้เห็นปลาจำนวนมหาศาลรอกินอาหารกันอยู่เต็มไปหมด
มาปิดท้ายจิบเครื่องดื่มเย็นๆ และท่องเที่ยวกันที่ “Wisdom Farm” แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่จะทำให้เราได้ผ่อนคลายทั้งกายและใจไปกับท้องทุ่งนาสีเขียวขจี โดยที่นี่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ อ.คลองหลวง โดยเป็นรูปแบบของพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้กลางแจ้งสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ให้เราได้มาสัมผัสกลิ่นอายแห่งท้องทุ่ง มาเดินเที่ยวถ่ายรูปชิคๆ บนสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวไปกลางทุ่งนา
นอกจากจะมาเดินสะพานไม้ไผ่ทอดยาวริมทุ่งนาที่เป็นจุดไฮไลต์ของที่นี่แล้ว ยังมีพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ด้านการเกษตรอีกมากมายให้ได้ชมกันด้วย เช่น โซนฐานเรียนเรียนรู้สัตว์ในวิถีเกษตรและพื้นที่เกษตรพอเพียง โซนบ้านเรือนไทย 4 ภาค ที่มีบ้านจำลองเสมือนจริง รวมถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ โซนความรู้เรื่องบ้านดิน ฯลฯ
เราสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของ Wisdom Farm ได้โดยการเข้าไปชมเรือขุดเก่าแก่สมัยรัชกาลที่ ๕ ที่เคยใช้ขุดลอกคลองแสนแสบในปี 2449 ซึ่งขณะนั้นมีตะกอนตื้นเขินมาก เมื่อเราเดินขึ้นมาชมภายในของเรือก็จได้พบกับทางเชื่อมสู่ทางเดินบนยอดไม้ ซึ่งเป็นจุดชมวิวมุมสูงที่ทำให้เห็นบรรยากาศของฟาร์มได้โดยรอบ
และหากเดินกันจนเหนื่อยหมดแรงแล้วก็มาแวะจิบเครื่องดื่มกันที่ Wisdom Café ที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา เป็นอันปิดทริปเล็กๆ น่ารักในเมืองปทุมธานีแห่งนี้ได้อย่างสวยงามมากทีเดียว
ไม่เพียงเส้นทางท่องเที่ยวที่กล่าวมานี้เท่านั้น ก็ยังมีเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวสายอาร์ต ชมวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และศิลปะแบบโบราณ อาทิ วัดปัญญานันทาราม ที่มีภาพปริศนาธรรมแบบ 3 มิติ วัดป่าคลอง 11 ที่ได้รับฉายาว่าคำชะโนด 2 วัดเจดีย์หอย ที่สร้างจากซากเปลือกหอยนางรมอายุกว่า 5,500 ปี เป็นต้น หรือนักท่องเที่ยวสายชิมช้อปชิลก็สามารถมาเที่ยวตลาดอิงน้ำสามโคก ตลาดน้ำ 100 ปี ลำลูกกา วัดนังคัลจันตรี ตลาดเก่าระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว น่าเดินน่าช้อปเป็นอย่างยิ่ง
รวมถึงนักท่องเที่ยวสายมิวเซียม ก็มีหลายพิพิธภัณฑ์ให้เลือกชม อาทิ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์พระราม 9 ทัวร์ชมความหลากหลายของระบบนิเวศทั่วโลก พิพิธภัณฑ์บัว แหล่งรวบรวมพันธุ์บัวมากกว่า 400 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นดังสัญลักษณ์ของปทุมธานี พิพิธภัณฑ์หินแปลก บ้านครูธานีหอมชื่น ห้องเรียนธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชีวิตชาวนาไทย ล้วนแล้วแต่น่าเที่ยวทั้งนั้นเลย
แอบกระซิบอีกว่า ขณะนี้ทางจังหวัดปทุมฯ เขาก็กำลังสร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ประจำจังหวัด ซึ่งก็คือ “ประติมากรรมดอกบัว 100 ปี” ขึ้นที่สวนเทพปทุม ใกล้กับศาลากลางจังหวัดหลังเก่า โดยเป็นประติมากรรมโลหะที่ได้รับการออกแบบโดยศิลปินแห่งชาติ 13 คน ซึ่งน่าจะสำเร็จเสร็จสิ้นราวต้นปี 2564 ซึ่งก่อนจะถึงเวลานั้นเราก็คงจะได้กลับมาเยือนปทุมธานีอีกหลายๆ ครั้งเพื่อเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยไปอีกเพียบเลย
.........................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR