Youtube :Travel MGR
"เชียงแสน" เป็นเมืองเก่าแก่มากแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร มีซากกำแพงเมืองโบราณยังคงเหลือร่อยรอยให้ลได้ชมกัน เมืองโบราณแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขง มีกำแพงเมืองเป็นคูเมือง 3 ด้าน ยกเว้นด้านทิศตะวันออกซึ่งติดแม่น้ำโขง ภายในเขตกำแพงเมืองเก่าประกอบด้วยวัดร้างและโบราณสถานที่สร้างในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-21
สถานที่สำคัญต่างๆ ของเชียงแสนล้วนมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาให้เราได้เรียนรู้ รวมถึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย ทั้งทางประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งยังเป็นแหล่งค้าขายระหว่างประเทศที่สำคัญ
เมื่อเรามาถึงเมืองโบราณเชียงแสนแล้ว จุดหมายแรกเราจะต้องไปรู้จักกับประวัติความเป็นมาของเมืองโบราณแห่งนี้กันก่อน โดยมุ่งหน้าไปที่ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน" ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงแสน เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่ได้มาจากบริเวณเมืองโบราณเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง
เริ่มตั้งแต่เศียรพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ภายในอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.อาคารจัดแสดงหลัก โดยในส่วนของชั้นล่าง ได้แก่ เรื่องภูมิสถานเมืองเชียงแสน เรื่องเชียงแสนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เรื่องลวดลายปูนปั้นจากวัดป่าสัก เรื่องพระพุทธรูปศิลปะล้านนาเมืองเชียงแสน เรื่องศิลาจารึกในจังหวัดเชียงราย
ส่วนชั้นบนจัดแสดงเรื่องโบราณสถานที่สำคัญในเมืองเชียงแสน เรื่องโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดค้นและขุดแต่งทางโบราณคดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 ถึงปัจจุบัน ทั้งในเมืองเชียงแสนและพื้นที่อื่นๆ ในจังหวัดเชียงราย อาทิ พระพุทธรูป เครื่องประดับเจดีย์ แผ่นอิฐมีจารึก และเครื่องสำริด
และส่วนที่ 2.อาคารจัดแสดงส่วนขยาย จัดแสดงเรื่องเครื่องถ้วยล้านนาในจังหวัดเชียงราย นับเป็นการศึกษาค้นคว้าเรื่องเครื่องถ้วยล้านนาที่ผลิตจากแหล่งเตาเผาในจังหวัดเชียงราย ส่วนเรื่องถัดมาจัดแสดงเกี่ยวกับชาติพันธุ์วิทยา ได้แก่ เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มชนแถบลุ่มน้ำโขง เครื่องมือทำมาหากินในชีวิตประจำวัน เครื่องดนตรีพื้นเมือง ดาบและอาวุธต่างๆ เรื่องเชียงแสนในอดีต และเรื่องการเข้ามาของกลุ่มชนต่างๆ เช่น ไทยลื้อ ไทยใหญ่ รวมทั้วชาวไทยภูเขา
นอกจากนั้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ยังได้รวบรวมวัตถุหลักฐานและเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับวัฒนธรรม ศาสนา และความเชื่อ และขนบธรรมเนียมประเพณีของกลุ่มชนชาวเชียงแสน เช่น ตุง เครื่องตั้งธรรมหลวง หีบธรรม และเจดีย์จำลอง เป็นต้น
ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสนมีวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง ชื่อว่า "วัดพระธาตุเจดีย์หลวง" ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่โตที่สุดของเมืองเชียงแสน สร้างโดยพระเจ้าแสนภู ใช้สำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุกระดูกหน้าอก เจดีย์ประธานเป็นทรงระฆังกลมฐานสูงแปดเหลี่ยมแบบล้านนา ถือได้ว่าเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเชียงแสน
ติดกับเจดีย์ประธานจะเป็นวิหารของวัด โดยส่วนของหลังคาได้มีการสร้างใหม่ขึ้นมาใหม่เพื่อคลุมโบราณสถาน และพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารเอาไว้ นั่นก็คือ "หลวงพ่อเชียงแสน สิงห์ ๑" พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่สีทองเหลืองอร่ามน่าเลื่อมใส
จากนั้นออกเดินทางต่อไปที่ "วัดป่าสัก" วัดร้างที่มีองค์เจดีย์อันงดงามและค่อนข้างสมบูรณ์ ลักษณะเป็นทรงมณฑปยอดระฆัง ฐานกว้าง 8 เมตร สูง 12.5 เมตร ตกแต่งลวดลายปูนปั้นวิจิตรด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลมาจากหริภุญชัย รูปแบบฐานคล้ายกับองค์เจดีย์กู่กุด จ.ลำพูน มีศิลปกรรมผสมผสานทั้ง พุกาม ขอม สุโขทัย ลวดลายปูนปั้นที่อยู่เหนือกาลเวลาเนิ่นนานหลายร้อยปีแลดูงดงาม ถือเป็นเจดีย์ที่มีความสวยงามมากที่สุดองค์หนึ่งในศิลปะล้านนาและศิลปะไทย
จากวัดป่าสักมุ่งหน้าไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตร ก็มาถึง "อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ" หรือที่รู้จักกันว่า "หอฝิ่น" มาเรียนรู้ในเรื่องความเป็นมาของฝิ่น ตัวอาคารจัดแสดงเป็นอาคารคอนกรีต สถาปัตยกรรมร่วมสมัย ความสูง 2 ชั้น เชื่อมต่อกับส่วนอุโมงค์ ความยาว 137 เมตร ที่เจาะเนินเขาเข้าไป เป็นส่วนต่อจากอาคารต้อนรับ ซึ่งเจาะเข้าไปเป็นทางยาวที่จะไปทะลุยังอาคารที่เป็นส่วนที่จัดแสดงที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ภายในอุโมงค์จะมีการสร้างบรรยากาศด้วยควันและม่านแสงให้ความรู้สึกเกี่ยวกับความลึกลับ ความหวาดระแวง ความเจ็บปวด อันเป็นความรู้สึกของผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
เมื่อเดินพ้นอุโมงค์แล้ว ก็มาถึงโซนจัดแสดงถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝิ่นในสามเหลี่ยมทองคำ โดยจะมีเจ้าหน้าที่บรรยายให้ความรู้ถึงต้นกำเนิดฝิ่น มีต้นฝิ่นและดอกฝิ่นจำลองให้ได้ชมกัน จากนั้นเดินชมไปยังจุดต่อไปตามทางเดิน ทั้งโซนสงครามฝิ่น ผู้นำฝิ่นเข้ามาในเอเชีย ผลกระทบของฝิ่น การยุติการดำรงชีวิตที่ต้องพึ่งพิงกับการปลูกฝิ่นและเสพฝิ่น การฟื้นฟูสภาพชีวิตประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใจกลางสามเหลี่ยมทองคำของประเทศไทย เป็นการแสดงนิทรรศการพร้อมสัมผัสกับเรื่องราวต่างๆของฝิ่นแบบเสมือนจริง ซึ่งใช้เวลาชมเรื่องราวต่าง ๆ ในหอฝิ่นประมาณ 2-3 ชั่วโมง
หลังจากได้รู้เรื่องราวความเป็นมาและผลกระทบอันเลวร้ายของฝิ่นแล้ว จากนั้นเดินทางไปยัง "สามเหลี่ยมทองคำ" ซึ่งในอดีตเคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันไม่มีฝิ่นหลงเหลืออีกแล้ว คงไว้แต่ทิวทัศน์ที่เงียบสงบ ของลำน้ำและเขตแดนของ 3 ประเทศ ไทย ลาว พม่า ส่วนที่มาของคำว่า “สามเหลี่ยมทองคำ” นั้นมาจากการขายฝิ่นในสมัยก่อนใช้ทองคำในการซื้อขาย รวมถึงการค้าขายบริเวณชายแดน โดยมีทองคำเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า
จากบริเวณจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ จะสามารถมองเห็นหมู่บ้านในฝั่งลาวอย่างชัดเจน ส่วนทางพม่าซึ่งอยู่ด้านตะวันตกนั้นจะมีต้นไม้รกร้าง ไม่มีหมู่บ้านหรือสิ่งก่อสร้างให้เห็น
ไฮไลต์ของจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ นอกจากจะมีทัศนียภาพอันงดงามแล้ว ยังมี "พระพุทธนวล้านตื้อ ลือโลก" เป็นองค์พระขนาดใหญ่ริมแม่น้ำโขงให้เราได้กราบไหว้สักการะ ใกล้กันนั้นจะมีร้านค้าขายของที่ระลึก โดยสินค้าส่วนมากจะเป็นงานแฮนด์เมด อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า ลายชาวเขา ให้ได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกให้กับตัวเองหรือเพื่อนฝูง
เมืองโบราณเชียงแสน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนชอบแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ การมาเที่ยวชมเมืองเก่าแห่งนี้สามารถมาเที่ยวได้ทุกวัน และทุกวัย เรียกว่าได้ทั้งความรู้และอิ่มบุญ อิ่มใจกันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
"เชียงแสน" เป็นเมืองเก่าแก่มากแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร มีซากกำแพงเมืองโบราณยังคงเหลือร่อยรอยให้ลได้ชมกัน เมืองโบราณแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขง มีกำแพงเมืองเป็นคูเมือง 3 ด้าน ยกเว้นด้านทิศตะวันออกซึ่งติดแม่น้ำโขง ภายในเขตกำแพงเมืองเก่าประกอบด้วยวัดร้างและโบราณสถานที่สร้างในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-21
สถานที่สำคัญต่างๆ ของเชียงแสนล้วนมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาให้เราได้เรียนรู้ รวมถึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย ทั้งทางประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งยังเป็นแหล่งค้าขายระหว่างประเทศที่สำคัญ
เมื่อเรามาถึงเมืองโบราณเชียงแสนแล้ว จุดหมายแรกเราจะต้องไปรู้จักกับประวัติความเป็นมาของเมืองโบราณแห่งนี้กันก่อน โดยมุ่งหน้าไปที่ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน" ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงแสน เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่ได้มาจากบริเวณเมืองโบราณเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง
เริ่มตั้งแต่เศียรพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ภายในอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.อาคารจัดแสดงหลัก โดยในส่วนของชั้นล่าง ได้แก่ เรื่องภูมิสถานเมืองเชียงแสน เรื่องเชียงแสนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เรื่องลวดลายปูนปั้นจากวัดป่าสัก เรื่องพระพุทธรูปศิลปะล้านนาเมืองเชียงแสน เรื่องศิลาจารึกในจังหวัดเชียงราย
ส่วนชั้นบนจัดแสดงเรื่องโบราณสถานที่สำคัญในเมืองเชียงแสน เรื่องโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดค้นและขุดแต่งทางโบราณคดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 ถึงปัจจุบัน ทั้งในเมืองเชียงแสนและพื้นที่อื่นๆ ในจังหวัดเชียงราย อาทิ พระพุทธรูป เครื่องประดับเจดีย์ แผ่นอิฐมีจารึก และเครื่องสำริด
และส่วนที่ 2.อาคารจัดแสดงส่วนขยาย จัดแสดงเรื่องเครื่องถ้วยล้านนาในจังหวัดเชียงราย นับเป็นการศึกษาค้นคว้าเรื่องเครื่องถ้วยล้านนาที่ผลิตจากแหล่งเตาเผาในจังหวัดเชียงราย ส่วนเรื่องถัดมาจัดแสดงเกี่ยวกับชาติพันธุ์วิทยา ได้แก่ เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มชนแถบลุ่มน้ำโขง เครื่องมือทำมาหากินในชีวิตประจำวัน เครื่องดนตรีพื้นเมือง ดาบและอาวุธต่างๆ เรื่องเชียงแสนในอดีต และเรื่องการเข้ามาของกลุ่มชนต่างๆ เช่น ไทยลื้อ ไทยใหญ่ รวมทั้วชาวไทยภูเขา
นอกจากนั้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ยังได้รวบรวมวัตถุหลักฐานและเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับวัฒนธรรม ศาสนา และความเชื่อ และขนบธรรมเนียมประเพณีของกลุ่มชนชาวเชียงแสน เช่น ตุง เครื่องตั้งธรรมหลวง หีบธรรม และเจดีย์จำลอง เป็นต้น
ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสนมีวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง ชื่อว่า "วัดพระธาตุเจดีย์หลวง" ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่โตที่สุดของเมืองเชียงแสน สร้างโดยพระเจ้าแสนภู ใช้สำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุกระดูกหน้าอก เจดีย์ประธานเป็นทรงระฆังกลมฐานสูงแปดเหลี่ยมแบบล้านนา ถือได้ว่าเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเชียงแสน
ติดกับเจดีย์ประธานจะเป็นวิหารของวัด โดยส่วนของหลังคาได้มีการสร้างใหม่ขึ้นมาใหม่เพื่อคลุมโบราณสถาน และพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารเอาไว้ นั่นก็คือ "หลวงพ่อเชียงแสน สิงห์ ๑" พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่สีทองเหลืองอร่ามน่าเลื่อมใส
จากนั้นออกเดินทางต่อไปที่ "วัดป่าสัก" วัดร้างที่มีองค์เจดีย์อันงดงามและค่อนข้างสมบูรณ์ ลักษณะเป็นทรงมณฑปยอดระฆัง ฐานกว้าง 8 เมตร สูง 12.5 เมตร ตกแต่งลวดลายปูนปั้นวิจิตรด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลมาจากหริภุญชัย รูปแบบฐานคล้ายกับองค์เจดีย์กู่กุด จ.ลำพูน มีศิลปกรรมผสมผสานทั้ง พุกาม ขอม สุโขทัย ลวดลายปูนปั้นที่อยู่เหนือกาลเวลาเนิ่นนานหลายร้อยปีแลดูงดงาม ถือเป็นเจดีย์ที่มีความสวยงามมากที่สุดองค์หนึ่งในศิลปะล้านนาและศิลปะไทย
จากวัดป่าสักมุ่งหน้าไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตร ก็มาถึง "อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ" หรือที่รู้จักกันว่า "หอฝิ่น" มาเรียนรู้ในเรื่องความเป็นมาของฝิ่น ตัวอาคารจัดแสดงเป็นอาคารคอนกรีต สถาปัตยกรรมร่วมสมัย ความสูง 2 ชั้น เชื่อมต่อกับส่วนอุโมงค์ ความยาว 137 เมตร ที่เจาะเนินเขาเข้าไป เป็นส่วนต่อจากอาคารต้อนรับ ซึ่งเจาะเข้าไปเป็นทางยาวที่จะไปทะลุยังอาคารที่เป็นส่วนที่จัดแสดงที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ภายในอุโมงค์จะมีการสร้างบรรยากาศด้วยควันและม่านแสงให้ความรู้สึกเกี่ยวกับความลึกลับ ความหวาดระแวง ความเจ็บปวด อันเป็นความรู้สึกของผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
เมื่อเดินพ้นอุโมงค์แล้ว ก็มาถึงโซนจัดแสดงถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝิ่นในสามเหลี่ยมทองคำ โดยจะมีเจ้าหน้าที่บรรยายให้ความรู้ถึงต้นกำเนิดฝิ่น มีต้นฝิ่นและดอกฝิ่นจำลองให้ได้ชมกัน จากนั้นเดินชมไปยังจุดต่อไปตามทางเดิน ทั้งโซนสงครามฝิ่น ผู้นำฝิ่นเข้ามาในเอเชีย ผลกระทบของฝิ่น การยุติการดำรงชีวิตที่ต้องพึ่งพิงกับการปลูกฝิ่นและเสพฝิ่น การฟื้นฟูสภาพชีวิตประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใจกลางสามเหลี่ยมทองคำของประเทศไทย เป็นการแสดงนิทรรศการพร้อมสัมผัสกับเรื่องราวต่างๆของฝิ่นแบบเสมือนจริง ซึ่งใช้เวลาชมเรื่องราวต่าง ๆ ในหอฝิ่นประมาณ 2-3 ชั่วโมง
หลังจากได้รู้เรื่องราวความเป็นมาและผลกระทบอันเลวร้ายของฝิ่นแล้ว จากนั้นเดินทางไปยัง "สามเหลี่ยมทองคำ" ซึ่งในอดีตเคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันไม่มีฝิ่นหลงเหลืออีกแล้ว คงไว้แต่ทิวทัศน์ที่เงียบสงบ ของลำน้ำและเขตแดนของ 3 ประเทศ ไทย ลาว พม่า ส่วนที่มาของคำว่า “สามเหลี่ยมทองคำ” นั้นมาจากการขายฝิ่นในสมัยก่อนใช้ทองคำในการซื้อขาย รวมถึงการค้าขายบริเวณชายแดน โดยมีทองคำเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า
จากบริเวณจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ จะสามารถมองเห็นหมู่บ้านในฝั่งลาวอย่างชัดเจน ส่วนทางพม่าซึ่งอยู่ด้านตะวันตกนั้นจะมีต้นไม้รกร้าง ไม่มีหมู่บ้านหรือสิ่งก่อสร้างให้เห็น
ไฮไลต์ของจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ นอกจากจะมีทัศนียภาพอันงดงามแล้ว ยังมี "พระพุทธนวล้านตื้อ ลือโลก" เป็นองค์พระขนาดใหญ่ริมแม่น้ำโขงให้เราได้กราบไหว้สักการะ ใกล้กันนั้นจะมีร้านค้าขายของที่ระลึก โดยสินค้าส่วนมากจะเป็นงานแฮนด์เมด อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า ลายชาวเขา ให้ได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกให้กับตัวเองหรือเพื่อนฝูง
เมืองโบราณเชียงแสน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนชอบแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ การมาเที่ยวชมเมืองเก่าแห่งนี้สามารถมาเที่ยวได้ทุกวัน และทุกวัย เรียกว่าได้ทั้งความรู้และอิ่มบุญ อิ่มใจกันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR