ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานน่าน จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนในพื้นที่เมืองหลักและเมืองรองภายใต้ My Local IDOL เที่ยวอย่างมีสไตล์ เพิ่มรายได้ให้ชุมชน “มนต์เสน่ห์เหมันต์แห่งน่านนคร”
เมื่อวันที่ 20 - 23 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานน่าน จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนในพื้นที่เมืองหลักและเมืองรองภายใต้ My Local IDOL เที่ยวอย่างมีสไตล์ เพิ่มรายได้ให้ชุมชน “มนต์เสน่ห์เหมันต์แห่งน่านนคร” โดยการนำของ นางวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) พร้อมคณะฯ และสื่อมวลชน ร่วมเดินทางกว่า 80 ชีวิต นางสาวสุกฤตา อนุกูลสาธุกิจ รองผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานน่าน ให้การต้อนรับ บรรยากาศในการท่องเที่ยวเต็มไปด้วยความสนุกสนานอย่างคึกคัก และเกิดการกระจายรายได้ให้ชุมชนจังหวัดน่านหลายพื้นที่
ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลา 34 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยสมาชิกชมรมฯ ใช้สื่อที่รับผิดชอบดำเนินการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะการดำเนินงาน ด้านการท่องเที่ยวต่อหน่วยงานของรัฐและเอกชนในโอกาสต่างๆ ในปี 2563 ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) ได้จัดโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คือ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ในพื้นที่เมืองหลักและเมืองรอง ภายใต้ “My Local IDOL เที่ยวอย่างมีสไตล์ เพิ่มรายได้ให้ชุมชน” ซึ่ง เป็นโครงการส่งเสริมให้กลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มสำคัญ คือ ผู้สูงอายุ ได้ไปสัมผัสไอดอลในชุมชนซึ่งจะได้รับประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้และเข้าสัมผัสวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเพิ่มคุณค่าของการไปท่องเที่ยว โดยให้ทุกคนได้กลายเป็นไอดอลที่จะช่วยการสนับสนุนและเพิ่มรายได้ให้ชุมชน และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวต่อไป จึงกำหนดเดินทางไปจังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 20 - 23 กุมภาพันธ์ 2563 โดยได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานน่าน ชื่อกิจกรรมครั้งนี้ คือ “มนต์เสน่ห์เหมันต์แห่งน่านนคร”
โดยวันแรก 20 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 05.30 น. ออกเดินทางจากสโมสรทหารบกถนนวิภาวดี กรุงเพทฯ โดยรถบัส VIP 2 ชั้น จำนวน 2 คัน มุ่งหน้าสู่จังหวัดน่านแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ “ร้านเทียนหอม” จ.อุตรดิตถ์ และเดินทางต่อไปที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน เข้าที่พัก โรงแรมชมพูภูคา รีสอร์ท รับประทานอาหารมื้อค่ำ ณ สวนอาหารชมพูภูคา รีสอร์ท เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเช้าออกจากที่พัก เปลี่ยนมาใช้รถตู้ท้องถิ่นจำนวน 10 คัน เพื่อความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวเมืองน่าน โดยโปรแกรมสำหรับการเดินทางวันแรก คือ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา, ดอยซิลเวอร์แฟคตอรี่, ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ, ร้านลำดวนผ้าทอ, วัดภูเก็ต และเข้าที่พักที่ โรงแรมน้ำทอง น่าน
จุดหมานแรก คือ “อุทยานแห่งชาติดอยภูคา” มีสภาพพื้นที่เป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติอากาศบริสุทธิ์ โดยเฉพาะดอยภูคามีเมฆปกคลุมตลอดฤดูฝนและฤดูหนาวจึงมีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ดอยภูคาเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่มีทั้งพืชพรรณและสัตว์ป่าที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์ จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติดอยภูคาคือการได้มาชม ต้นชมพูภูคา (Bretschneidera sinensi) พันธุ์ไม้ที่ได้ชื่อว่าหายากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง เคยพบในมณฑลยูนนานของจีนก่อนจะสูญพันธุ์ไป และมีการค้นพบอีกครั้งในประเทศไทยที่ดอยภูคา จ.น่าน พันธุ์ไม้ชนิดนี้จึงหลงเหลืออยู่ในโลกเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ประเทศไทย
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง ดอยซิลเวอร์แฟคตอรี่ จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องเงินคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เงินที่ผลิตที่จังหวัดน่านมีคุณภาพดีเปอร์เซ็นต์สูงถึง 96-98 % ชมศูนย์หัตถกรรมเครื่องเงินที่ไม่ใช่แค่เพียงธุรกิจการผลิตเครื่องเงิน แต่ยังเป็นสถานศึกษาที่ให้โอกาสด้านการศึกษาเรียนรู้ สามารถสร้างอาชีพและส่งเสริมให้คนในชุมชนมีรายได้มีอาชีพ สืบสานศิลปะหัตถกรรมเครื่องประดับเงินจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น
เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ณ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ที่มีการนำเห็ดมาเป็นส่วนประกอบของเมนูต่างๆ ท่ามกลางบรรยากาศแบบธรรมชาติ
หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อไปยัง ร้านลำดวนผ้าทอ ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศบ้านนา มีทุ่งนาเขียวขจี และภูมิทัศน์ที่สวยงามของป่าเขาและธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่าย ในบริเวณมีร้านกาแฟไทลื้อ มีร้านจำหน่ายเสื้อผ้าพื้นเมืองหลากหลายรูปแบบ
ถัดมาเดินทางไปยัง วัดภูเก็ต ตั้งชื่อตามหมู่บ้านเก็ต แต่เนื่องด้วยเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินสูงซึ่งทางเหนือเรียกว่า “ดอย” หรือ “ภู” จึงได้ตั้งชื่อว่าวัดภูเก็ต หมายถึงวัดที่ตั้งอยู่บนภูบ้านเก็ต เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน มีอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์จิตรกรรมฝาผนังสามมิติ เป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อแสนปัวหรือหลวงพ่อพุทธเมตตา” องค์ศักดิ์สิทธิ์
ใต้เชิงดอยเป็นพื้นที่ทำนาของชาวบ้าน และที่นั่นยังมี ตูบนาไทลื้อ&ตูบนากาแฟ ตั้งอยู่หน้าวัดภูเก็ต ในบรรยากาศริมทุ่งนาจิบกาแฟริมทุ่งนา เดินเล่นบนสะพานไม้ไผ่ให้อาหารปลาไทลื้อถ่ายรูปสุดเก๋
จากนั้นเดินทางไปยัง วัดบ้านก๋ง หรือ วัดศรีมงคล อำเภอท่าวังผา แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก มีภูมิทัศน์สวยงามมีระเบียงชมวิวด้านหลังวัดติดกับทุ่งนา ด้านล่างมีแม่น้ำไหลผ่านภายในวัดมีความสวยงาม เป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2395 มีพิพิธภัณฑ์หอธรรมหลวง (ไม้สักทอง) รวมของเก่าโบราณ แหล่งศิลปะ และภาพจิตรกรรม พระภิกษุที่มีชื่อที่สุดของวัดนี้ คือ หลวงปู่ก๋ง ด้านหลังวัดมีร้านชมวิว ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามและมองเห็นทุ่งนาเขียวขจี และทิวเขาของดอยภูคา เรียงรายสลับซับซ้อน บริเวณนาข้าวมีที่พักและ ร้านกาแฟฮักน่าน มีสะพานไม้ไผ่เชื่อมจากตัววัดสามารถลงไปเดินเล่นถ่ายภาพได้ นอกจากนี้ ภายในวิหารหลวงที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงาม โดยเลียนแบบการวาดของหนานบัวผัน จิตรกรชาวน่านเชื้อสายไทยลื้อ ซึ่งวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์และวัดหนองบัวของจังหวัดน่าน รวมถึงพิพิธภัณฑ์มงคลธรรมรังษีซึ่งรวบรวมของโบราณต่างๆ ก่อนเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองน่านเมืองเก่าที่มีชีวิต
เข้าที่พัก ณ โรงแรมน้ำทอง โรงแรมชั้นนำที่ทันสมัย พักผ่อนสะดวกสบายของจังหวัดน่านเพื่อรับประทานอาหารเย็น และต่อด้วยกิจกรรมนั่งรถรางชมเมืองยามค่ำคืนของเมืองน่าน
มณีนุช ล้อบุณยารักษ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมน้ำทองน่าน
ส่วนไฮไลท์คือการเดินทางไปยัง ร้านของหวานป้านิ่ม ของดีของอร่อยอีกอย่างหนึ่งที่ห้ามพลาดของเมืองน่าน ชิมขนมหวานไทย โดยเฉพาะ บัวลอยใส่ไอติม บัวลอย ข้าวฟ่าง เต้าส่วน ถั่วดำ ไอติม รวมมิตร เฉาก๊วย หลากหลายความอร่อยให้ลิ้มลอง
เช้าวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2563 โดยโปรแกรมสำหรับการเดินทางวันแรก คือ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ชมทิวทัศน์ที่งดงามของ ดอยเสมอดาว และ ผาหัวสิงห์, เสาดินนาน้อย (ฮ่อมจ๊อม) และคอกเสือ, วัดบ่อแก้ว, ร้านจวน, วัดบุญยืน พระอารามหลวง, หออัตลักษณ์น่าน, วัดพระธาตุเขาน้อย, ร้านสุริยาการ์เด้น
อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย มียอดดอยที่มีความสวยงาม คือ ดอยเสมอดาว และ ผาหัวสิงห์ เป็นลานกว้างตามสันเขาที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ในจุดเดียวกัน ยามค่ำคืนยังเปลี่ยนเป็นลานดูดาวได้อีกด้วย และเป็นจุดกางเต็นท์พักแรมของอุทยานมองเห็นหน้าผาหัวสิงห์อยู่ปลายสันเขา
จากนั้นเดินทางไปชม เสาดินนาน้อย (ฮ่อมจ๊อม) และคอกเสือ ตั้งอยู่ที่ตำบลเชียงของ ทางด้านทิศตะวันตกของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน มีระยะทางห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 24 กิโลเมตร ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงาม ที่เกิดจากการทับถมของดินและเกิดน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นริ้วรายที่แปลกตา กระจายอยู่ในพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ คล้ายกับแพะเมืองผีที่จังหวัดแพร่ สันติฐานว่าเสาดินนาน้อยมีอายุประมาณ 30,000 - 10,000 ปี และเคยเป็นที่กั้นลมทะเลมาก่อน เคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่า
หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยัง “วัดบ่อแก้ว” อ.นาหมื่น จ.น่าน ชมความสวยงามอลังการของวัดบ่อแก้วที่นำความวิจิตรสวยงามจากวัดร่องขุน และวัดพระสิงห์ และอีกหลายๆ วัด มาประยุกต์และบูรณะวัดให้เกิดความงดงามตระการตา วัดบ่อแก้ว ถือเป็น UNSEEN ที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่านเลยทีเดียวที่ห้ามพลาด ก่อนจะเดินทางไปยังอำเภอเวียงสา รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านจวน อำเภอเวียงสา
และไปชม วัดบุญยืน พระอารามหลวง อำเภอเวียงสา ศูนย์รวมความศรัทธาประเพณีใส่บาตรเทียนหนึ่งเดียวในประเทศไทย เป็นวัดประจำอำเภอเวียงสา เป็นศูนย์รวมของการผสมผสานศิลปะหลายยุคหลายสมัย จุดเด่นที่ดึงดูดศรัทธา คือ พระประธานปางประทับยืนองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน และพระอุโบสถที่งดงาม วัดบุญยืนมีความสำคัญต่อความมั่นคงของคนจังหวัดน่าน มีพิธีสำคัญๆ ที่ประกอบพิธีมาแล้วหลายยุคหลายสมัย โดยมีหลังคาอุโบสถลดหลั่นเหมือนม้าต่างแพร ต่างไหม ด้านหน้ามี 4 ชั้น ด้านหลังมี 3 ชั้น บานประตูเป็นไม้แกะสลักและแกะลวดลายสามชั้น ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่หาดูได้ยากและมีความงดงามยิ่ง นอกจากนี้ วัดบุญยืนยังมีประเพณีที่สำคัญที่ชาวเวียงสายึดถือปฏิบัติกันมายาวนานนับร้อยปี คือ ประเพณีใส่บาตรเทียน เป็นประเพณีใส่บาตรด้วยเทียนเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันแรม 2 ค่ำ เดือน 8 หรือ หลังจากวันเข้าพรรษา 1 วัน
เดินทางต่อไปยัง หออัตลักษณ์น่าน พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหม่แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์เชื่อมโยงกับยุคสมัย ทางวัฒนธรรม และธรรมชาติของเมืองน่าน ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์ OTOP D Best แหล่งช้อปปิ้งตั้งอยู่ใจกลางตัวเมืองน่าน ที่นี่มีของฝากทั้งขนมของแห้งเสื้อผ้า เครื่องเงิน ของที่ระลึกและของฝากที่ขึ้นชื่อของเมืองน่านมากมายให้เลือกสรรค์
จากนั้นเดินทางไปชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ายามเย็นที่สวยงาม ณ “วัดพระธาตุเขาน้อย” ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นวัดราษฎร์องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน สร้างในสมัยเจ้าปู่แข็งเมื่อปี พ.ศ 2231 พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนาภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วัดพระธาตุเขาน้อย เป็นปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อยสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 240 เมตร หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค 303 ขั้น ปัจจุบันบริเวณลานชมวิวทิวทัศน์ ประดิษฐานพระพุทธมหามงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท บริเวณลานชมทิวทัศน์ จะสามารถมองเห็นมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน ซึ่งเป็นจุดชมวิว และชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองน่าน
หลังจากนั้นร่วมรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านสุริยาการ์เด้น โดย นางสาวสุกฤตา อนุกูลสาธุกิจ รองผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานน่าน ให้เกียรติร่วมรับประทานอาหารค่ำพร้อมกล่าวต้อนรับ ทั้งนี้ นางสาวสุกฤตา เผยว่า จังหวัดน่านยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณี และอัธยาศัยไมตรีของผู้คนจังหวัดน่าน นอกจากศิลปวัฒนธรรม ธรรมชาติ ชาติพันธุ์ที่มีความหลากหลาย จังหวัดน่านยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เห็นได้จากอุทยานแห่งชาติที่ิมีทั้งหมด 7 อุทยาน 1 วนอุทยาน มีการกระจายตัวไปยังน่านเหนือ น่านกลาง และน่านใต้
น่านเป็นเมืองเก่าที่มีชีวิต ความเป็นชีวิตของจังหวัดน่านไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของภูมิสถาปัตย์และเป็นเมืองเก่าที่มีคุ้มเจ้าหลวง วัดที่สวยงาม ผู้คนวัฒนธรรมที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ จะเห็นได้จากโรงเรียนในจังหวัดน่านน้องๆ นักเรียนทุกวันศุกร์จะนุ่งซิ่นและใส่เสื้อผ้าไทย และยังคงรักษาเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของตรงนี้ไว้ นอกจากนี้ชุมชนต่างๆ ยังมีกิจกรรมให้ได้เรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของผ้าทอจังหวัดน่าน หรือจะเป็นกิจกรรมหรือประเพณีต่างๆ น่านมี “ดอกชมพูภูคา” ที่มีแห่งเดียวในโลกที่จังหวัดน่าน ถ้าจะขึ้นไปชมต้องขึ้นไปที่ดอยภูคา และในปีนี้เนื่องจากว่าอากาศมีความหนาเย็นก็จะบานไว คณะฯ ที่มาในวันนี้ก็โชคดีมากที่ได้ชมดอกชมพูภูคา รวมทั้งในเดือนกุมภาพันธ์อากาศยังคงหนาวเย็นอยู่ ซึ่งเมื่อเช้าวัดอุณหภูมิได้ที่ 9 องศา และ “ดอกเสี้ยวดอกขาว” ก็จะเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดน่านที่บานพร้อมกันอีกด้วย
สำหรับจังหวัดน่านสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีและเที่ยวได้ทุกฤดู ความสวยงามของจังหวัดน่านไม่ได้มีเฉพาะหน้าหนาว ในช่วงหน้าฝนจะเห็นว่าหน้าฝนของจังหวัดน่านมีเสน่ห์มากๆ โดยเฉพาะความเขียวของ พืชพรรณ ป่าไม้ ความสวยงามของทุ่งนา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านใต้หรือเหนือ อาชีพทำนาก็ยังมีอยู่พื้นที่เต็มไปด้วยความเขียวของทุ่งนา ทำให้สดชื่นเพราะฝนตกลงมายามเช้ามีหมอกให้เราได้ซึมซับพลังธรรมชาติ กับพลังตรงนี้ไปเติมเต็มให้กับชีวิตที่ต้องการความสดชื่นและต้องการมาพักผ่อน เพราะฉะนั้นหน้าฝนจังหวัดน่านก็ตอบโจทย์ หน้าฝนของเราก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยว เช่น ลำน้ำว้า การล่องแก่งที่เป็นแหล่งธรรมชาติ รวมทั้งน้ำตก น้ำตกตาดหลวง สปาที่บ่อเกลือ และอีกหลายพื้นที่ ถ้าบอกก็คงจะบอกไม่หมดเพราะน่านมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะจริงๆ
น่านเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนอยากจะมาสัมผัส คนมาแล้วก็อยากจะมาอีกบางท่านที่ยังไม่เคยมาก็อยากจะมา แต่ความอยากนี้จะเป็นเพียงแค่เพียงแค่ความต้องการ ก็อยากให้ทุกท่านออกมาบอกรักเมืองน่าน เนื่องจากว่าช่วงนี้เรามีสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้คนไม่กล้าออกมาท่องเที่ยว แต่ขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยยังโอเคอยู่ ตามแผนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Thailand โอเค ตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดน้อยลง การที่จะช่วยได้ก็คือการที่พวกเรามาช่วยกันออกมาเที่ยวประเทศไทย ออกมาท่องเที่ยวกัน Thailand โอเค น่านก็โอเคค่ะ ถ้าคิดถึงเมืองน่านอยากให้คิดถึงความสวยงามของธรรมชาติ อยากให้เมืองน่านอยู่ในใจของทุกคนถ้ามาแล้วรับรอง คุณจะหลงรักน่านแน่นอนค่ะ” นางสาวสุกฤตา กล่าว
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานน่าน โทร. 054 711 217-8 เวลา 08.30-16.30 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ FB : TAT NAN ททท.สำนักงานน่าน Twitter : @tatnanofficial / IG : tatnan_office
ในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 และท้ายสุดของกิจกรรม คณะฯ เดินทางไปชม “วัดภูมินทร์” วัดหลวงเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 400 ปี ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ในหลังเดียวกัน พระอุโบสถเป็นอาคารทรงจตุรมุขภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ มีภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” อันลือเลื่อง ทั้งยังได้รับการขนานนามจากนักท่องเที่ยวว่าภาพ “กระซิบรักบันลือโลก” และ ชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ที่อยู่ใกล้เคียงกันภายในจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุต่างๆ ประวัติศาสตร์และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองภาคเหนือและชาวเขาเผ่าต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “งาช้างดำ” ถือเป็นของคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดน่าน ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีซุ้มลีลาวดี จุดถ่ายภาพสวยงามที่มีต้นลีลาวดีเป็นแถวเรียงรายคล้ายเป็นอุโมงค์ต้นไม้ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดของจังหวัดน่านซึ่งเป็นจุดห้ามพลาด เมื่อมาถึงน่านแล้วต้องมาถ่ายภาพที่ซุ้มลีลาวดีแห่งนี้
หลังจากนั้นเดินทางไปยัง วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร เดิมเป็นวัดราษฎร์ ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง พระธาตุตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ยๆ ทางตะวันออกของแม่น้ำน่าน บริเวณที่เป็นศูนย์กลางเมืองน่านเดิม หลังจากที่ย้ายมาจากเมืองปัว สามารถมองเห็นได้แต่ไกล เนื่องจากสูงถึง 2 เส้น “พระธาตุแช่แห้ง” เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ สร้างในสมัยเจ้าพระยาการเมือง (เจ้าผู้ครองนครน่านระหว่าง พ.ศ. 1869 - 1902) เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ พระพิมพ์เงิน และพระพิมพ์ทอง ที่ได้รับพระราชทานจากพระมหาธรรมราชาลิไท เมื่อครั้งที่เจ้าพระยาการเมืองเสด็จไปช่วยสร้างวัดหลวงอภัย (วัดป่ามะม่วง จังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน) ใน พ.ศ. 1897 เป็นอนุสรณ์ของความรักและความสัมพันธ์ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีต แต่เดิม พระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนเชิงเนินปูด้วยอิฐลาดขึ้นไปยังยอดเงินกว้างประมาณ 20 วา มีบันไดนาคขนาบทั้งสองข้าง องค์พระเจดีย์เป็นแบบล้านนาไทยเป็นเจดีย์ทรงระฆัง สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พระธาตุหริภุญไชย โดยรอบองค์บุด้วยทองจังโก (ทองดอกบวบ ทองเหลืองผสมทองแดง) ทางขึ้นสู่องค์พระธาตุเป็นตัวพญานาค หน้าบันเหนือประตูทางเข้าพระวิหารเป็นปูนปั้นลายนาคเกี้ยว ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมเมืองน่าน ทั้งนี้ พระธาตุแช่แห้ง เป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ชาวล้านนาเชื่อว่าหากได้เดินทางไป “ชุธาตุ” หรือนมัสการพระธาตุประจำปีเกิด จะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง
จากนั้นเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยแวะรับประทานอาหารกลางวัน ณ สวนอาหารเตาบัวหลวง เด่นชัย จ.แพร่ และรับประทานอาหารค่ำที่จังหวัดสิงห์บุรี ณ ร้านเกษรา เบเกอรี่ ร้านต้นตำรับเค้กปลาช่อนแห่งแรก จุดพักรถและแวะช้อปของฝากจากสิงห์บุรี ก่อนถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
นางวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) กล่าวว่า “การเดินทางของชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) ในโครงการ My Local IDOL เที่ยวอย่างมีสไตล์ เพิ่มรายได้ให้ชุมชน “มนต์เสน่ห์เหมันต์แห่งน่านนคร” จบสิ้นลง 3 คืน 4 วัน ด้วยความสุขความอิ่มเอมใจในการที่เราสามารถนำคนไทยกลุ่มเล็กๆ นำคณะสื่อมวลชนมาเยือนเมืองน่าน ได้มากระจายรายได้สุ่ชุมชน สัมผัสวิถีชีวิตชุมชน คงจะทราบว่าผู้ประกอบการของเราช่วงนี้อยู่ในภาวะค่อนข้างลำบาก เพราะว่านักทอ่งเที่ยวขาดหายไปจากประเทศไทยมากมายทีเดียว ด้วยเหตุที่เกิดโรคที่ไม่พึงประสงค์ของนักท่องเที่ยว เราถือว่าเป็นโอกาสดีที่เราได้นำคณะท่องเที่ยว 80 กว่าชีวิต เดินทางมาในโครงการนี้ ที่เราเชื่อแน่ว่า จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการท่องเที่ยว เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการที่จะทำให้คนไทยรู้จักเมืองไทย และเราได้นำสื่อมวลชนทั้งหมด 20 กว่าชีวิต มาช่วยกันประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว เผยแพร่อนุรักษ์วัฒนธรรม วิถีชีวิต วิถีชุมชน สู่คนไทยและทั่วโลกให้ได้รับรู้ว่าเมืองไทยมีอะไรดีๆ และควรค่าแก่การสัมผัสแก่การเรียนรู้
อยากจะเชิญชวนให้ทุกคนมาเที่ยวเมืองน่านกัน เพราะน่านเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ช่วงหนาวสัมผัสละอองหมอก ช่วงฝนก็สวยงาม เราจะเห็นป่าที่เขียวชอุ่ม เป็นละอองฝนที่โปรยปราย หน้าร้อนก็ยังมีธรรมชาติ มีวิถีชุมชน ชาวบ้าน ชาวป่า ชาวเขาให้ได้รู้จัก และคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว เที่ยวเมืองไทย ไทยแลนด์โอเค น่านโอเค และ (ช.ส.ท.) โอเคค่ะ”
เรื่อง : อรวรรณ เหม่นแหลม