Youtube :Travel MGR
“อาหารอีสาน” เป็นอีกหนึ่งอาหารรสแซ่บที่ถูกปาก “ตระเวนกิน” เป็นอย่างยิ่ง เพราะเวลาได้กินอาหารรสจัดจ้านช่วยทำให้เจริญอาหารดีนักเชียว ว่าแล้วในมื้อนี้เราก็นึกอยากกินอาหารอีสานขึ้นมา แล้วก็นึกถึงร้านขายอาหารอีสานเจ้าเด็ดร้านนี้ขึ้นมาทันที นั่นคือร้าน “บ้านส้มตำ” ก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 โดย คุณสุภาพร ชูดวง ผู้ที่มีความหลงใหลในเสน่ห์ของอาหารอีสาน ซึ่งมีความโดดเด่นด้านเอกลักษณ์ของรสชาติ จึงทำให้สร้างร้านบ้านส้มตำขึ้นมา
ปัจจุบันนี้ร้าน “บ้านส้มตำ” มีอยู่หลายสาขามากหลายสถานที่ ให้เหล่านักกินได้ไปเลือกอิ่มอร่อยตามความต้องการ โดยในมื้อนี้เราเลือกมาฝากท้องอิ่มกันที่สาขาบางรัก ที่ตั้งอยู่ตรงซอยเจริญกรุง 36 เมื่อมาถึงที่ร้านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศร้านที่สวยงามและมีความรื่นรมย์ชวนให้มานั่งกินอาหาร
โดยทางร้านได้นำเอาบ้านเก่ากลางกรุงอายุกว่า 100 ปี มาดัดแปลงเป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศชวนนั่งสบายๆ ตัวบ้านมี 2 ชั้น และจัดสรรเป็นโต๊ะนั่งในห้องแอร์ชวนนั่งเย็นๆ มีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ซึ่งที่ชั้นล่างมีเคาน์เตอร์ครัวเปิดโชว์การปรุงส้มตำให้เห็นด้วย อีกทั้งยังมีส่วนของโต๊ะนั่งด้านนอกรับลมธรรมชาติเย็นกาย ท่ามกลางบรรยากาศการจัดสวนสวยๆ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สร้างความสดชื่นสบายตา แล้วทางร้านก็ยังมีโซนห้องส่วนตัวไว้ให้บริการจัดเลี้ยงด้วย
“บ้านส้มตำ” นำเสนออาหารอีสานแท้ๆ และอาหารไทย ที่ทางร้านได้คิดสร้างสรรค์สูตรขึ้นมาเอง โดยให้ความใส่ใจในเรื่องของมาตรฐานในการทำร้านอาหารที่ดี ภายใต้แนวคิด “มอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า” โดยมีมาตรฐาน 3 อย่างที่ให้ความสำคัญ คือ ความอร่อย คุณภาพอาหาร และการบริการ ซึ่งมาตรฐานความอร่อยและคุณภาพอาหาร ทางร้านมีครัวกลางที่เป็นศูนย์กลางการคิดค้นสูตรอาหาร ทดลองปรุงทุกเมนู ควบคุมคุณภาพอาหาร รวมถึงการจัดส่งวัตถุดิบไปทุกสาขาในทุกวัน ทำให้มั่นใจได้เลยว่าไม่ว่าจะมากินอาหารที่สาขาไหน ก็มีรสชาติเหมือนกันทุกสาขา และทางร้านทำอาหารแบบจานต่อจาน วัตถุดิบที่นำมาปรุงมีความสดใหม่ทุกวัน แล้วที่สำคัญเมนูส้มตำของที่นี่ไม่มีการใส่ผงชูรสทุกเมนู
ว่าแล้วก็ไม่รอช้าตามมาชิมอาหารจานเด่นของที่นี่กันดีกว่า มื้อนี้เราสั่งมาแบบจัดเต็มหลายเมนูด้วยกัน เริ่มจากเมนูชูโรงอย่าง ตำหลวงพระบาง (75 บาท++) มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่เส้นมะละกอฝานใหญ่พิเศษ ตำใส่กะปิ ปลาร้าต้มสุก ใช้น้ำตาลมะพร้าว ตำตามสูตรพิเศษ กินแล้วถูกปากมะละกอกรุบกรอบแซ่บนัว กินกับแคบหมูกรอบกรุบเข้ากันดีจริง
ต่อด้วยเมนู ตำข้าวโพด (85 บาท++) ข้าวโพดเหลืองเลือกเฟ้นมาอย่างดีมีความหวาน ต้มจนสุกแล้วฝานเป็นแผ่น นำมาตำปรุงรสแบบส้มตำไทย แล้วก็ใส่เฉพาะไข่เค็มแดงมา ชิมแล้วข้าวโพดหวานกรอบ นัวเข้ากันดีกับไข่แดงเค็มมักปาก รสชาติเข้มข้นถูกลิ้น
เมนูถัดมาลองลิ้ม ทอดมันหัวปลี (100 บาท++) ทางร้านคัดสรรเฉพาะหัวปลีเนื้อกรอบจากสวนเกษตรคุณภาพ เป็นหัวปลีกล้วยน้ำว้าที่ให้เนื้อขาวนวล มีรสฝาดน้อย นำหัวปลีสดๆ มาคลุกเคล้ากับเครื่องแกงที่ทางร้านทำเองแบบเครื่องแกงทอดมัน ทอดจนกรอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ ลิ้มรสทอดมันหัวปลีกรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวมันเพลินปากได้รสชาติเครื่องแกง กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษโดนใจปากดีแท้
แล้วชวนมากินเมนู ไก่ย่างมะแขว่น (80 บาท++) เป็นเนื้อไก่ส่วนสะโพกที่คัดสรรมาอย่างดีจากฟาร์มคุณภาพ นำเนื้อไก่หมักกับเครื่องสมุนไพรกว่า 20 อย่าง โดดเด่นตรงที่ใส่มะแขว่นที่มีความหอม หมักนานข้ามคืน แล้วนำมาย่างจนไก่สุกหนังกรอบ สับเป็นชิ้นเสิร์ฟมาร้อนๆ หอมเครื่องมะแข่วนขึ้นจมูก กินแล้วไก่หนังกรอบเนื้อในชุ่มฉ่ำเครื่องสมุนไพรรสดี และมีน้ำจิ้มแจ่วข้าวคั่วกับแจ่วน้ำมะขาม ให้จิ้มเพิ่มรสชาติ
อิ่มกันต่อกับเมนู คอหมูย่าง (110 บาท++) ใช้เฉพาะส่วนใต้คางคอหมู ที่มีไขมันแทรกกำลังดี นำมาหมักกับเครื่องเทศสูตรเฉพาะของทางร้านนานข้ามคืน ย่างจนสุกแล้วแล่เป็นชิ้นๆ พอดีคำ กินคอหมูย่างเนื้อนุ่มอร่อยลิ้น จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วมะขามรสเด็ดถูกปาก
จากนั้นมาชิมเมนูใหม่ เนื้อพิคาน่าแดดเดียวทอด ( 310 บาท++) ทางร้านคัดสรรเนื้อวากิวของไทย ส่วนสันนอกหมักกับเครื่องสูตรเด็ดเฉพาะแล้วนำไปตากแดด จากนั้นนำมาทอดจนได้ที่ โรยหน้าด้วยใบมะกรูดและตะไคร้ทอดกรอบ ชิมเนื้อแดดเดียวเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปาก ได้รสชาติเครื่องหมักถึงรสกำลังดี แถมมีซอสพริกให้จิ้มเพิ่มรสชาติถูกปากกันไป
อีกหนึ่งเมนูใหม่ที่ชวนกิน คือ ตำสับปะรดเนื้อสไลด์ ( 130 บาท++) เป็นเนื้อไทยวากิวส่วนสันคอหมักกับเครื่องหมักสูตรพิเศษนานข้ามคืน ย่างจนเนื้อสุกได้ที่แล้วนำมาปรุงรสแบบส้มตำปูปลาร้า ใส่สับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียแทนเส้นมะละกอ กินแล้วถูกปากมาก ตรงที่เนื้อวากิวเคี้ยวนุ่มลิ้นชุ่มน้ำปลาร้ารสแซ่บนัว ตัดรสเปรี้ยวอมหวานจากสับปะรดเคี้ยวกรอบฉ่ำปาก
ถ้าใครชอบกินลาบแนะนำ ลาบเป็ด (115 บาท++) ทางร้านคัดเนื้อเป็ดจากเป็ดหนุ่มกำลังดีเนื้อสัมผัสมีความหนึบนิดๆนำมาคั่วด้วยสมุนไพรเพื่อไล่กลิ่นสาบเป็ด แล้วปรุงรสครบเครื่องลาบ ใส่ข้าวคั่ว พริกป่น พริกทอด ใบมะกรูด โรยหน้าด้วยหอมเจียว ลิ้มรสลาบเป็ดเคี้ยวนุ่มละมุนปากได้รสชาติเครื่องลาบครบเครื่อง
ถัดมาชวนชิม ซุปหน่อไม้ (85 บาท++) เป็นหน่อไม้ส่วนยอดอย่างเดียวเท่านั้น แล้วทางร้านก็นำมาหมักเอง ได้หน่อไม้คุณภาพนำมาปรุงรสตามสูตรใส่ข้าวคั่วที่ทำเองแบบสดใหม่ ใส่หอมแดงที่มีความหอมและหวานในตัว กินซุปหน่อไม้รสชาติดีโดนใจ
แล้วชวนลิ้มลอง ยำสะเดากุ้งสด (100 บาท++) หน้าตาชวนกิน ทางร้านคัดเฉพาะดอกของสะเดานำมาลวก แล้วยำใส่กุ้งสด หมูสับ หอมแดงไทย ใส่น้ำพริกเผาด้วย ลิ้มรสแล้วสะเดาเคี้ยวมันปาก กินเข้ากันกับกุ้งและหมูสับ รสเข้มข้นจากน้ำพริกเผา
จากนั้นมาซดน้ำร้อนๆ กับ แกงเห็ดเผาะ (125 บาท++) ที่มีให้กินตลอดทั้งปี แกงเห็ดเผาะทำคล้ายแกงเลียง แต่ใส่น้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรสตามสูตรเด็ด ใส่เนื้อปลาช่อน ซดน้ำซุปร้อนๆ หอมกลิ่นปลาร้าอ่อนๆ รสชาติกลมกล่อมลิ้น เห็ดเผาะเคี้ยวมันปาก กินเข้ากันดีกับเนื้อปลาช่อนถูกลิ้นดีนักเชียว
ส่งท้ายด้วยเมนู ปลากะพงทอดน้ำปลา (395 บาท++) ที่ทางร้านคัดปลากะพงสดๆ ขนาด 6 - 7 ขีด เลาะเอาก้างออก คลุกแป้งปรุงรสนิดหน่อย ทอดจนเหลืองกรอบ ราดด้วยซอสน้ำปลาสูตรพิเศษ กินปลากะพงเนื้อฟูนิ่มกรอบนุ่มใน ได้รสซอสน้ำปลาหวานเค็มกำลังดี มีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ และยำมะม่วงให้กินแกล้มเข้ากันแบบลงตัว
แนะนำเมนูจานเด่นมากากมายแล้ว แต่ว่าก็ยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนกินอีก อาทิ ตำส้มโอ (100 บาท++) ปีกไก่ทอด (105 บาท++) ยำผักหวานลวก (100 บาท++) ฯลฯ อีกทั้งยังมีเมนูเครื่องดื่มที่ชวนสั่งมาดื่มคู่กับอาหารไม่ว่าจะเป็น น้ำลำไย (70 บาท++) น้ำพุทรา (45 บาท++) ซึ่งถ้าหากใครชื่นชอบกินอาหารอีสานรสแซ่บ และอาหารไทยรสเด็ด ขอแนะนำว่าร้าน “บ้านส้มตำ” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ชวนมากินแบบอิ่มอร่อยท้อง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“บ้านส้มตำ” สาขาบางรัก ตั้งอยู่ที่ O.P. Garden 4, 6 ซอยเจริญกรุง 36 แขวงเจริญกรุง เขตบางรัก กทม. เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น. (ออเดอร์อาหารสุดท้ายเวลา 21.30 น.) รับจัดงานภายในร้าน ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร. มาจองโต๊ะก่อนโทร. 0-2235-2238 และทางร้านยังมีสาขาอื่นๆ อีก สาขาพุทธมณฑลสาย 2 โทร. 0-2024-8550, 09-1747-8822, สาขาพระราม 5 โทร. 0-2881-5596, 06-5506-5596, สาขาสาทร โทร. 0-2630-3485-7, สาขาพระนั่งเกล้า โทร. 0-2921-6926, 02-147-2577, สาขาพุทธมณฑลสาย 4 โทร. 0-2116-5656, 09-2462-1936, สาขาสุขุมวิท โทร. 0-2381-1879, 09-5546-9546, สาขาพุทธมณฑลสาย 1 โทร. 0-2100-6312, 09-5459-6456, สาขา Chic Republic รามอินทรา 107 โทร. 0-2138-4787 และสาขาบางนา (กำหนดเปิด เม.ย. 2563) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.baansomtum.com, Facebook : baansomtum.official, Instagram : baansomtum.official
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
“อาหารอีสาน” เป็นอีกหนึ่งอาหารรสแซ่บที่ถูกปาก “ตระเวนกิน” เป็นอย่างยิ่ง เพราะเวลาได้กินอาหารรสจัดจ้านช่วยทำให้เจริญอาหารดีนักเชียว ว่าแล้วในมื้อนี้เราก็นึกอยากกินอาหารอีสานขึ้นมา แล้วก็นึกถึงร้านขายอาหารอีสานเจ้าเด็ดร้านนี้ขึ้นมาทันที นั่นคือร้าน “บ้านส้มตำ” ก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 โดย คุณสุภาพร ชูดวง ผู้ที่มีความหลงใหลในเสน่ห์ของอาหารอีสาน ซึ่งมีความโดดเด่นด้านเอกลักษณ์ของรสชาติ จึงทำให้สร้างร้านบ้านส้มตำขึ้นมา
ปัจจุบันนี้ร้าน “บ้านส้มตำ” มีอยู่หลายสาขามากหลายสถานที่ ให้เหล่านักกินได้ไปเลือกอิ่มอร่อยตามความต้องการ โดยในมื้อนี้เราเลือกมาฝากท้องอิ่มกันที่สาขาบางรัก ที่ตั้งอยู่ตรงซอยเจริญกรุง 36 เมื่อมาถึงที่ร้านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศร้านที่สวยงามและมีความรื่นรมย์ชวนให้มานั่งกินอาหาร
โดยทางร้านได้นำเอาบ้านเก่ากลางกรุงอายุกว่า 100 ปี มาดัดแปลงเป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศชวนนั่งสบายๆ ตัวบ้านมี 2 ชั้น และจัดสรรเป็นโต๊ะนั่งในห้องแอร์ชวนนั่งเย็นๆ มีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ซึ่งที่ชั้นล่างมีเคาน์เตอร์ครัวเปิดโชว์การปรุงส้มตำให้เห็นด้วย อีกทั้งยังมีส่วนของโต๊ะนั่งด้านนอกรับลมธรรมชาติเย็นกาย ท่ามกลางบรรยากาศการจัดสวนสวยๆ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สร้างความสดชื่นสบายตา แล้วทางร้านก็ยังมีโซนห้องส่วนตัวไว้ให้บริการจัดเลี้ยงด้วย
“บ้านส้มตำ” นำเสนออาหารอีสานแท้ๆ และอาหารไทย ที่ทางร้านได้คิดสร้างสรรค์สูตรขึ้นมาเอง โดยให้ความใส่ใจในเรื่องของมาตรฐานในการทำร้านอาหารที่ดี ภายใต้แนวคิด “มอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า” โดยมีมาตรฐาน 3 อย่างที่ให้ความสำคัญ คือ ความอร่อย คุณภาพอาหาร และการบริการ ซึ่งมาตรฐานความอร่อยและคุณภาพอาหาร ทางร้านมีครัวกลางที่เป็นศูนย์กลางการคิดค้นสูตรอาหาร ทดลองปรุงทุกเมนู ควบคุมคุณภาพอาหาร รวมถึงการจัดส่งวัตถุดิบไปทุกสาขาในทุกวัน ทำให้มั่นใจได้เลยว่าไม่ว่าจะมากินอาหารที่สาขาไหน ก็มีรสชาติเหมือนกันทุกสาขา และทางร้านทำอาหารแบบจานต่อจาน วัตถุดิบที่นำมาปรุงมีความสดใหม่ทุกวัน แล้วที่สำคัญเมนูส้มตำของที่นี่ไม่มีการใส่ผงชูรสทุกเมนู
ว่าแล้วก็ไม่รอช้าตามมาชิมอาหารจานเด่นของที่นี่กันดีกว่า มื้อนี้เราสั่งมาแบบจัดเต็มหลายเมนูด้วยกัน เริ่มจากเมนูชูโรงอย่าง ตำหลวงพระบาง (75 บาท++) มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่เส้นมะละกอฝานใหญ่พิเศษ ตำใส่กะปิ ปลาร้าต้มสุก ใช้น้ำตาลมะพร้าว ตำตามสูตรพิเศษ กินแล้วถูกปากมะละกอกรุบกรอบแซ่บนัว กินกับแคบหมูกรอบกรุบเข้ากันดีจริง
ต่อด้วยเมนู ตำข้าวโพด (85 บาท++) ข้าวโพดเหลืองเลือกเฟ้นมาอย่างดีมีความหวาน ต้มจนสุกแล้วฝานเป็นแผ่น นำมาตำปรุงรสแบบส้มตำไทย แล้วก็ใส่เฉพาะไข่เค็มแดงมา ชิมแล้วข้าวโพดหวานกรอบ นัวเข้ากันดีกับไข่แดงเค็มมักปาก รสชาติเข้มข้นถูกลิ้น
เมนูถัดมาลองลิ้ม ทอดมันหัวปลี (100 บาท++) ทางร้านคัดสรรเฉพาะหัวปลีเนื้อกรอบจากสวนเกษตรคุณภาพ เป็นหัวปลีกล้วยน้ำว้าที่ให้เนื้อขาวนวล มีรสฝาดน้อย นำหัวปลีสดๆ มาคลุกเคล้ากับเครื่องแกงที่ทางร้านทำเองแบบเครื่องแกงทอดมัน ทอดจนกรอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ ลิ้มรสทอดมันหัวปลีกรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวมันเพลินปากได้รสชาติเครื่องแกง กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษโดนใจปากดีแท้
แล้วชวนมากินเมนู ไก่ย่างมะแขว่น (80 บาท++) เป็นเนื้อไก่ส่วนสะโพกที่คัดสรรมาอย่างดีจากฟาร์มคุณภาพ นำเนื้อไก่หมักกับเครื่องสมุนไพรกว่า 20 อย่าง โดดเด่นตรงที่ใส่มะแขว่นที่มีความหอม หมักนานข้ามคืน แล้วนำมาย่างจนไก่สุกหนังกรอบ สับเป็นชิ้นเสิร์ฟมาร้อนๆ หอมเครื่องมะแข่วนขึ้นจมูก กินแล้วไก่หนังกรอบเนื้อในชุ่มฉ่ำเครื่องสมุนไพรรสดี และมีน้ำจิ้มแจ่วข้าวคั่วกับแจ่วน้ำมะขาม ให้จิ้มเพิ่มรสชาติ
อิ่มกันต่อกับเมนู คอหมูย่าง (110 บาท++) ใช้เฉพาะส่วนใต้คางคอหมู ที่มีไขมันแทรกกำลังดี นำมาหมักกับเครื่องเทศสูตรเฉพาะของทางร้านนานข้ามคืน ย่างจนสุกแล้วแล่เป็นชิ้นๆ พอดีคำ กินคอหมูย่างเนื้อนุ่มอร่อยลิ้น จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วมะขามรสเด็ดถูกปาก
จากนั้นมาชิมเมนูใหม่ เนื้อพิคาน่าแดดเดียวทอด ( 310 บาท++) ทางร้านคัดสรรเนื้อวากิวของไทย ส่วนสันนอกหมักกับเครื่องสูตรเด็ดเฉพาะแล้วนำไปตากแดด จากนั้นนำมาทอดจนได้ที่ โรยหน้าด้วยใบมะกรูดและตะไคร้ทอดกรอบ ชิมเนื้อแดดเดียวเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปาก ได้รสชาติเครื่องหมักถึงรสกำลังดี แถมมีซอสพริกให้จิ้มเพิ่มรสชาติถูกปากกันไป
อีกหนึ่งเมนูใหม่ที่ชวนกิน คือ ตำสับปะรดเนื้อสไลด์ ( 130 บาท++) เป็นเนื้อไทยวากิวส่วนสันคอหมักกับเครื่องหมักสูตรพิเศษนานข้ามคืน ย่างจนเนื้อสุกได้ที่แล้วนำมาปรุงรสแบบส้มตำปูปลาร้า ใส่สับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียแทนเส้นมะละกอ กินแล้วถูกปากมาก ตรงที่เนื้อวากิวเคี้ยวนุ่มลิ้นชุ่มน้ำปลาร้ารสแซ่บนัว ตัดรสเปรี้ยวอมหวานจากสับปะรดเคี้ยวกรอบฉ่ำปาก
ถ้าใครชอบกินลาบแนะนำ ลาบเป็ด (115 บาท++) ทางร้านคัดเนื้อเป็ดจากเป็ดหนุ่มกำลังดีเนื้อสัมผัสมีความหนึบนิดๆนำมาคั่วด้วยสมุนไพรเพื่อไล่กลิ่นสาบเป็ด แล้วปรุงรสครบเครื่องลาบ ใส่ข้าวคั่ว พริกป่น พริกทอด ใบมะกรูด โรยหน้าด้วยหอมเจียว ลิ้มรสลาบเป็ดเคี้ยวนุ่มละมุนปากได้รสชาติเครื่องลาบครบเครื่อง
ถัดมาชวนชิม ซุปหน่อไม้ (85 บาท++) เป็นหน่อไม้ส่วนยอดอย่างเดียวเท่านั้น แล้วทางร้านก็นำมาหมักเอง ได้หน่อไม้คุณภาพนำมาปรุงรสตามสูตรใส่ข้าวคั่วที่ทำเองแบบสดใหม่ ใส่หอมแดงที่มีความหอมและหวานในตัว กินซุปหน่อไม้รสชาติดีโดนใจ
แล้วชวนลิ้มลอง ยำสะเดากุ้งสด (100 บาท++) หน้าตาชวนกิน ทางร้านคัดเฉพาะดอกของสะเดานำมาลวก แล้วยำใส่กุ้งสด หมูสับ หอมแดงไทย ใส่น้ำพริกเผาด้วย ลิ้มรสแล้วสะเดาเคี้ยวมันปาก กินเข้ากันกับกุ้งและหมูสับ รสเข้มข้นจากน้ำพริกเผา
จากนั้นมาซดน้ำร้อนๆ กับ แกงเห็ดเผาะ (125 บาท++) ที่มีให้กินตลอดทั้งปี แกงเห็ดเผาะทำคล้ายแกงเลียง แต่ใส่น้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรสตามสูตรเด็ด ใส่เนื้อปลาช่อน ซดน้ำซุปร้อนๆ หอมกลิ่นปลาร้าอ่อนๆ รสชาติกลมกล่อมลิ้น เห็ดเผาะเคี้ยวมันปาก กินเข้ากันดีกับเนื้อปลาช่อนถูกลิ้นดีนักเชียว
ส่งท้ายด้วยเมนู ปลากะพงทอดน้ำปลา (395 บาท++) ที่ทางร้านคัดปลากะพงสดๆ ขนาด 6 - 7 ขีด เลาะเอาก้างออก คลุกแป้งปรุงรสนิดหน่อย ทอดจนเหลืองกรอบ ราดด้วยซอสน้ำปลาสูตรพิเศษ กินปลากะพงเนื้อฟูนิ่มกรอบนุ่มใน ได้รสซอสน้ำปลาหวานเค็มกำลังดี มีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ และยำมะม่วงให้กินแกล้มเข้ากันแบบลงตัว
แนะนำเมนูจานเด่นมากากมายแล้ว แต่ว่าก็ยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนกินอีก อาทิ ตำส้มโอ (100 บาท++) ปีกไก่ทอด (105 บาท++) ยำผักหวานลวก (100 บาท++) ฯลฯ อีกทั้งยังมีเมนูเครื่องดื่มที่ชวนสั่งมาดื่มคู่กับอาหารไม่ว่าจะเป็น น้ำลำไย (70 บาท++) น้ำพุทรา (45 บาท++) ซึ่งถ้าหากใครชื่นชอบกินอาหารอีสานรสแซ่บ และอาหารไทยรสเด็ด ขอแนะนำว่าร้าน “บ้านส้มตำ” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ชวนมากินแบบอิ่มอร่อยท้อง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“บ้านส้มตำ” สาขาบางรัก ตั้งอยู่ที่ O.P. Garden 4, 6 ซอยเจริญกรุง 36 แขวงเจริญกรุง เขตบางรัก กทม. เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น. (ออเดอร์อาหารสุดท้ายเวลา 21.30 น.) รับจัดงานภายในร้าน ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร. มาจองโต๊ะก่อนโทร. 0-2235-2238 และทางร้านยังมีสาขาอื่นๆ อีก สาขาพุทธมณฑลสาย 2 โทร. 0-2024-8550, 09-1747-8822, สาขาพระราม 5 โทร. 0-2881-5596, 06-5506-5596, สาขาสาทร โทร. 0-2630-3485-7, สาขาพระนั่งเกล้า โทร. 0-2921-6926, 02-147-2577, สาขาพุทธมณฑลสาย 4 โทร. 0-2116-5656, 09-2462-1936, สาขาสุขุมวิท โทร. 0-2381-1879, 09-5546-9546, สาขาพุทธมณฑลสาย 1 โทร. 0-2100-6312, 09-5459-6456, สาขา Chic Republic รามอินทรา 107 โทร. 0-2138-4787 และสาขาบางนา (กำหนดเปิด เม.ย. 2563) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.baansomtum.com, Facebook : baansomtum.official, Instagram : baansomtum.official
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR