Youtube :Travel MGR
เที่ยวเมืองสวยทางฝั่งตะวันตกของประเทศอินเดีย เริ่มต้นที่รัฐ “คุชราต” (Gujarat) โดยบินตรงมาลงที่ “อัห์มดาบาด” (หรือ อาห์เมดาบัด / Ahmedabad) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของรัฐคุชราต และเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่สำคัญของอินเดีย
ที่อัห์มดาบาดมีจุดน่าสนใจหลายๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็น “Sidi Saiyyed Mosque” ที่แม้จะเป็นมัสยิดขนาดเล็ก แต่ก็มีชื่อเสียงที่สุดในอัห์มดาบาด ไฮไลต์ของที่นี่คือบานหน้าต่างรูปครึ่งวงกลมที่อยู่ด้านบน เป็นหน้าต่างที่ทำจากหิน แต่ฉลุลวดลายละเอียดงดงามเหมือนลูกไม้ โดยลวดลายบนหน้าต่างเป็นภาพต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งภาพนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอัห์มดาบาดด้วย
ในย่านเมืองเก่ายังมีศาสนสถานของศาสนาเชน นามว่า “Hutheesing Jain Temple” สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1848 ด้วยหินอ่อนสีขาว มีการแกะสลักเทวรูปและลวดลายต่างๆ อย่างละเอียดละออ
ที่เมืองอัห์มดาบาดนั้นมีบ้านที่มหาตมะ คานธี อยู่อาศัยในช่วงหนึ่ง ชื่อว่า “Sabarmati Ashram” (คานธีอาศรม) ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซาบามาติ ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ ภายในมีนิทรรศการเกี่ยวกับมหาตมะ คานธี ตั้งแต่เกิด การเรียน ครอบครัว การต่อสู้เพื่อชาวอินเดีย และแนวคิดต่างๆ มีการจำลองข้าวของเครื่องใช้บางอย่างเอาไว้
ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ของรัฐคุชราต เนื่องจากทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียมีอากาศแห้งเกือบตลอดทั้งปี ดินก็ไม่อุ้มน้ำ จึงต้องมีการสร้างบ่อน้ำไว้ใช้ในช่วงขาดแคลน โดยรังสรรค์เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม ดังเช่นบ่อน้ำขั้นบันได 3 แห่งนี้
Adalaj Stepwell - บ่อน้ำขั้นบันไดอะดาลัช เป็นบ่อน้ำทรงหกเหลี่ยม สร้างจากหินทราย มีความลึกลงไปใต้ดิน 5 ชั้น ความโดดเด่นของบ่อน้ำแห่งนี้คือ ทางเข้าขั้นบันไดสามแห่ง ที่จะไล่ระดับลงสู่สระน้ำด้านล่าง ตามชั้นต่างๆ ของบ่อน้ำ จะตกแต่งด้วยภาพสลักทั้งในแบบฮินดูและอิสลาม
Rani ki vav - บ่อน้ำราชินี วิหารใต้ดิน 7 ชั้น ที่ใช้เพื่อการกักเก็บน้ำ และยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม แต่ละชั้นมีเสาและผนังแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจงงดงามกว่า 500 ภาพ เป็นภาพทวยเทพต่างๆ ซึ่งในปี ค.ศ.2014 ก็ได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของประเทศอินเดีย
Modhera Sun Temple - วิหารสุริยเทพแห่งโมห์เดระ ภายในวิหารจะประกอบด้วยสามส่วนคือ Gudhamandapa เป็นส่วนที่ประดิษฐานของเทพเจ้า Sabhamandapa เป็นส่วนที่จัดแสดงการร้องรำเพื่อถวายแด่เทพเจ้า และ Kunda หมายถึงสระเก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์
ย้ายมาที่เมือง “มุมไบ” (Mumbai) เมืองหลวงของรัฐมหาราษฏระ ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือน “ประตูสู่อินเดีย” (Gateway of India) สัญลักษณ์ของเมืองมุมไบ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอาหรับ ก่อสร้างด้วยหินบะซอลต์ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย-ซาราเซนิก สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1924 กลายเป็นทางเข้าประเทศอินเดียหากเดินทางมาทางทะเลอาหรับ มหาสมุทรอินเดีย
“Elephanta Caves” ด้านบนเป็นถ้ำที่สร้างโดยการเจาะภูเขาหินเข้าไป มีทั้งหมด 7 ถ้ำ พุทธสถาน 2 ถ้ำ และเทวสถานในศาสนาฮินดู 5 ถ้ำ ด้านในมีการแกะสลักเป็นภาพเทพเจ้า ส่วนถ้ำหลักที่เป็นไฮไลต์จะเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ภาพสลักด้านในที่สำคัญที่สุดคือ “มเหศวรมูรติ” เป็นการรวมภาคทั้งสามของพระศิวะเข้าไว้ด้วยกันในร่างเดียว
หากมาเดินอยู่ใจกลางเมือง ก็มักจะได้เห็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียและอาร์ตเดคโค ที่โดดเด่นมากก็คือ “Chhatrapati Shivaji Terminus” (สถานีฉัตรปตี ศิวาจี) หรือชื่อเดิมคือ “Victoria Terminus” เป็นสถานีรถไฟที่ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียโกธิคผสมผสานกับงานศิลปะแบบอินเดีย ที่สวยงามทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
อีกจุดที่น่าสนใจคือ “Dhobi Ghat” ลานซักล้างกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยคอนกรีตแบบเปิดโล่งจำนวนกว่า 700 บ่อ มีคนซักผ้าประมาณ 10,000 คนต่อวัน รับผ้ามาจากโรงแรม โรงพยาบาล ธุรกิจอื่นๆ รวมถึงคนทั่วไป นำมาซักด้วยมือ วิธีการซักคือการทุบเสื้อผ้าซ้ำ ๆ บนก้อนหินเพื่อสิ่งสกปรกออกจากเสื้อผ้า ล้างให้สะอาด ตากแดดจนแห้ง และส่งกลับไปยังเจ้าของ
ปิดท้ายที่ “Kanheri Caves” เป็นถ้ำที่เกิดจากการขุดเจาะหินเข้าไป และแกะสลักให้เป็นพุทธสถาน มีอายุระหว่าง พ.ศ.443 - พ.ศ.1543 ถ้ำต่างๆ ตั้งอยู่ตามไหล่เขา โดยมีทั้งหมด 109 ถ้ำ ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดด้านในมีสถูปองค์ใหญ่ มีพื้นที่ให้เข้าไปนั่งวิปัสสนาและเทศนาธรรม มีภาพแกะสลักพระพุทธรูปอย่างงดงาม
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR
เที่ยวเมืองสวยทางฝั่งตะวันตกของประเทศอินเดีย เริ่มต้นที่รัฐ “คุชราต” (Gujarat) โดยบินตรงมาลงที่ “อัห์มดาบาด” (หรือ อาห์เมดาบัด / Ahmedabad) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของรัฐคุชราต และเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่สำคัญของอินเดีย
ที่อัห์มดาบาดมีจุดน่าสนใจหลายๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็น “Sidi Saiyyed Mosque” ที่แม้จะเป็นมัสยิดขนาดเล็ก แต่ก็มีชื่อเสียงที่สุดในอัห์มดาบาด ไฮไลต์ของที่นี่คือบานหน้าต่างรูปครึ่งวงกลมที่อยู่ด้านบน เป็นหน้าต่างที่ทำจากหิน แต่ฉลุลวดลายละเอียดงดงามเหมือนลูกไม้ โดยลวดลายบนหน้าต่างเป็นภาพต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งภาพนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอัห์มดาบาดด้วย
ในย่านเมืองเก่ายังมีศาสนสถานของศาสนาเชน นามว่า “Hutheesing Jain Temple” สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1848 ด้วยหินอ่อนสีขาว มีการแกะสลักเทวรูปและลวดลายต่างๆ อย่างละเอียดละออ
ที่เมืองอัห์มดาบาดนั้นมีบ้านที่มหาตมะ คานธี อยู่อาศัยในช่วงหนึ่ง ชื่อว่า “Sabarmati Ashram” (คานธีอาศรม) ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซาบามาติ ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ ภายในมีนิทรรศการเกี่ยวกับมหาตมะ คานธี ตั้งแต่เกิด การเรียน ครอบครัว การต่อสู้เพื่อชาวอินเดีย และแนวคิดต่างๆ มีการจำลองข้าวของเครื่องใช้บางอย่างเอาไว้
ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ของรัฐคุชราต เนื่องจากทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียมีอากาศแห้งเกือบตลอดทั้งปี ดินก็ไม่อุ้มน้ำ จึงต้องมีการสร้างบ่อน้ำไว้ใช้ในช่วงขาดแคลน โดยรังสรรค์เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม ดังเช่นบ่อน้ำขั้นบันได 3 แห่งนี้
Adalaj Stepwell - บ่อน้ำขั้นบันไดอะดาลัช เป็นบ่อน้ำทรงหกเหลี่ยม สร้างจากหินทราย มีความลึกลงไปใต้ดิน 5 ชั้น ความโดดเด่นของบ่อน้ำแห่งนี้คือ ทางเข้าขั้นบันไดสามแห่ง ที่จะไล่ระดับลงสู่สระน้ำด้านล่าง ตามชั้นต่างๆ ของบ่อน้ำ จะตกแต่งด้วยภาพสลักทั้งในแบบฮินดูและอิสลาม
Rani ki vav - บ่อน้ำราชินี วิหารใต้ดิน 7 ชั้น ที่ใช้เพื่อการกักเก็บน้ำ และยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม แต่ละชั้นมีเสาและผนังแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจงงดงามกว่า 500 ภาพ เป็นภาพทวยเทพต่างๆ ซึ่งในปี ค.ศ.2014 ก็ได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของประเทศอินเดีย
Modhera Sun Temple - วิหารสุริยเทพแห่งโมห์เดระ ภายในวิหารจะประกอบด้วยสามส่วนคือ Gudhamandapa เป็นส่วนที่ประดิษฐานของเทพเจ้า Sabhamandapa เป็นส่วนที่จัดแสดงการร้องรำเพื่อถวายแด่เทพเจ้า และ Kunda หมายถึงสระเก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์
ย้ายมาที่เมือง “มุมไบ” (Mumbai) เมืองหลวงของรัฐมหาราษฏระ ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือน “ประตูสู่อินเดีย” (Gateway of India) สัญลักษณ์ของเมืองมุมไบ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอาหรับ ก่อสร้างด้วยหินบะซอลต์ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย-ซาราเซนิก สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1924 กลายเป็นทางเข้าประเทศอินเดียหากเดินทางมาทางทะเลอาหรับ มหาสมุทรอินเดีย
“Elephanta Caves” ด้านบนเป็นถ้ำที่สร้างโดยการเจาะภูเขาหินเข้าไป มีทั้งหมด 7 ถ้ำ พุทธสถาน 2 ถ้ำ และเทวสถานในศาสนาฮินดู 5 ถ้ำ ด้านในมีการแกะสลักเป็นภาพเทพเจ้า ส่วนถ้ำหลักที่เป็นไฮไลต์จะเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ภาพสลักด้านในที่สำคัญที่สุดคือ “มเหศวรมูรติ” เป็นการรวมภาคทั้งสามของพระศิวะเข้าไว้ด้วยกันในร่างเดียว
หากมาเดินอยู่ใจกลางเมือง ก็มักจะได้เห็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียและอาร์ตเดคโค ที่โดดเด่นมากก็คือ “Chhatrapati Shivaji Terminus” (สถานีฉัตรปตี ศิวาจี) หรือชื่อเดิมคือ “Victoria Terminus” เป็นสถานีรถไฟที่ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียโกธิคผสมผสานกับงานศิลปะแบบอินเดีย ที่สวยงามทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
อีกจุดที่น่าสนใจคือ “Dhobi Ghat” ลานซักล้างกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยคอนกรีตแบบเปิดโล่งจำนวนกว่า 700 บ่อ มีคนซักผ้าประมาณ 10,000 คนต่อวัน รับผ้ามาจากโรงแรม โรงพยาบาล ธุรกิจอื่นๆ รวมถึงคนทั่วไป นำมาซักด้วยมือ วิธีการซักคือการทุบเสื้อผ้าซ้ำ ๆ บนก้อนหินเพื่อสิ่งสกปรกออกจากเสื้อผ้า ล้างให้สะอาด ตากแดดจนแห้ง และส่งกลับไปยังเจ้าของ
ปิดท้ายที่ “Kanheri Caves” เป็นถ้ำที่เกิดจากการขุดเจาะหินเข้าไป และแกะสลักให้เป็นพุทธสถาน มีอายุระหว่าง พ.ศ.443 - พ.ศ.1543 ถ้ำต่างๆ ตั้งอยู่ตามไหล่เขา โดยมีทั้งหมด 109 ถ้ำ ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดด้านในมีสถูปองค์ใหญ่ มีพื้นที่ให้เข้าไปนั่งวิปัสสนาและเทศนาธรรม มีภาพแกะสลักพระพุทธรูปอย่างงดงาม
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Travel MGR