ในอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี มีที่มาของชื่อที่น่าสนใจตามตำนานที่เล่าว่าชื่อ “เสาไห้” มาจากเสียงร้องไห้ตอนกลางคืนที่ชาวบ้านมักได้ยินจากศาลเจ้าแม่นางตะเคียน (ปัจจุบันตั้งอยู่ที่วัดสูง ต.เสาไห้ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี) เล่ากันว่าครั้งสร้างกรุงเทพฯ เป็นราชธานี ได้มีการเกณฑ์เสาไม้จากหัวเมืองต่างๆ เพื่อคัดเลือกเสาที่มีลักษณะงดงามมาทำเป็นเสาเอก ทางเมืองสระบุรีจึงได้จัดส่งเสาลักษณะใหญ่และสวยงามล่องลงมาตามลำน้ำป่าสัก แต่ไปถึงช้าเพียงเล็กน้อยจึงไม่ได้รับเลือก เสาต้นนี้เกิดความเสียใจ จึงลอยทวนน้ำกลับขึ้นมาจมลง ณ ที่แห่งนี้ และยามค่ำคืนคนแถวนี้ก็มักได้ยินเสียงร้องไห้ลอยมาจากบริเวณนี้ ต่อมาจึงได้มีการสร้างศาลขึ้น
และนอกจากตำนานเกี่ยวกับชื่อที่น่าสนใจแล้ว อำเภอเสาไห้ยังมีชุมชนที่มีเสน่ห์ของวิถีชีวิตที่น่ายลอย่างชุมชน “ยวนต้นตาล” หรือ “ชุมชนบ้านต้นตาล” ตั้งอยู่ที่ ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ที่แม้จะอยู่ในภาคกลางแต่ที่นี่เป็นชุมชนคนไทยวน (ไท-ยวน) เหมือนทางภาคเหนือของไทย ที่ยังคงอนุรักษ์ความดั้งเดิมไว้ทั้งภาษา อาหารการกิน การแต่งกาย และวิถีชีวิต คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนให้ได้สัมผัสวัฒนธรรมไทยวนอย่างใกล้ชิด และได้ลงมือทอผ้า ทำอาหาร เปิดรับประสบการณ์ต่าง ๆ ด้วยตนเอง
หากอยากรู้จักชาวไทยวนแห่งสระบุรีให้มากขึ้น ต้องมาที่ “หอวัฒนธรรมไทยวนสระบุรี” หมู่เรือนไทยอายุกว่า 80-100 ปี ที่หลายคนอาจดูแล้วคุ้นตาจากฉากละครโทรทัศน์ที่มาถ่ายทำหลายเรื่อง รวมถึงละครยอดฮิต "บุพเพสันนิวาส"
ที่นี่มีบรรยากาศที่ร่มรื่น โอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ ติดริมแม่น้ำป่าสัก จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์ศึกษาวิถีชีวิตชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่น ก่อตั้งโดยอาจารย์ทรงชัย วรรณกุล นักวิชาการด้านการศึกษาผู้ล่วงลับไปเมื่อไม่นานมานี้
ข้อมูลที่หอวัฒนธรรมฯ ทำให้เราทราบว่า ชาวไทยวน หรือ ไตยวน เรียกดินแดนของตนว่า “โยนกนคร” และเรียกชาวเมืองว่า “ยวน” ซึ่งเป็นเสียงเพี้ยนมาจากชื่อเมืองโยนก เป็นรัฐอิสระก่อนที่จะสถาปนาเป็นอาณาจักรล้านนา ต่อมาพระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่า นำทัพตีเมืองเหนือและปกครองดินแดนล้านนาเป็นเวลานานถึง 200 ปี จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงมีบัญชาให้ยึดเชียงแสนคืนจากพม่า และกวาดต้อนคนให้ไปอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ส่วนหนึ่งเดินทางมาอาศัยอยู่ริมแม่น้ำป่าสักทั้งสองฝั่งของสระบุรี
นอกจากนั้นภายในหอวัฒนธรรมฯ ยังจัดแสดงข้าวของเก่าแก่และผ้าทอลวดลายโบราณของชาวยวน และบริเวณริมน้ำยังรวบรวมเรือชนิดต่างๆ ไว้มากกว่า 20 ลำ ให้ได้ชมเคล้าบรรยากาศลมโชยเบา ๆ กับแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดเงาไม้ลงมา
กลิ่นอายที่โอบล้อมชุมชน “ยวนต้นตาล” หรือ “ชุมชนบ้านต้นตาล” นี้เกิดจากอนุรักษ์ความดั้งเดิมของชุมชนและวัฒนธรรมไว้อย่างเหนียวแน่น ชาวบ้านสวมใส่เสื้อผ้าท้องถิ่นเป็นปกติ ไม่ว่าจะแวะมาวันไหนก็เห็นได้ทุกวัน เรียกการแต่งกายนี้ว่า “นุ่งซิ่น” เป็นเครื่องแต่งกายจากภูมิปัญญาการถักทอผ้าที่สืบทอดมา มีการวางคู่สีที่โดดเด่น และมีเทคนิคพิเศษในการสร้างลวดลายที่ประณีต เช่น การจก ยกมุก ปั่นไก (ควบเส้น) เกาะล้วง และการมัดก่าน (คาดก่าน) ที่แสดงออกถึงศิลปะของโยนกเชียงแสน ซึ่งต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาลองทอผ้าแล้วรับผลงานกลับได้ที่ “ศูนย์การเรียนรู้การทอผ้าตำบลต้นตาล” รวมถึงยังมีเสื้อผ้าท้องถิ่นไทยวนขาย ให้ทุกคนได้สวมชุดแบบชาวบ้านสร้างบรรยากาศในราคากันเอง ที่ “ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล”
ที่ "ตลาดต้าน้ำบ้านต้นตาล" นี้เปิดทุกวันอาทิตย์ เวลา 08.00-16.00 น. ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก บรรดาพ่อค้าแม่ขายล้วนนุ่งซิ่นเช่นกัน มีขายสิ้นค้าพื้นบ้าน อาหารพื้นเมืองทั้งคาว-หวาน เช่น หมี่แจ๊ะ (ผัดหมี่ไทยวนโบราณ) ข้าวแคบ (ข้าวเกรียบ) หมี่กรอบ แป้งจี่ ไข่ป่าม ขนมกง และสินค้าพื้นบ้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ “ขนมกง” ที่หากไม่ได้ชิม เรียกว่ามาไม่ถึงสระบุรี รวมถึงยังมีให้ชมการสาธิตและให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองทำ “หมี่แจ๊ะ” “หมี่กรอบโบราณ” และ “ขนมกง” อีกด้วย
หากมาทันเวลาเที่ยงตรง ที่ “ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล” ก็จะได้ชมการแสดงวัฒนธรรม เช่น การฟ้อนจ้อง ฟ้อนขันดอก เพิ่มอรรถรสให้มื้อเที่ยงนี้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจใน “ชุมชนบ้านต้นตาล” คือ “โยนกอุทยานท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์” อยู่ที่บ้านท่าราบ ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ เป็นพื้นที่ตักน้ำจากแม่น้ำป่าสัก ซึ่งเป็นหนึ่งในเบญจสุทธิคงคา น้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำสายสำคัญ 5 สาย ที่ใช้ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาอันศักดิ์สิทธิ์ (พิธีบรมราชาภิเษก ) ของราชวงศ์จักรี ซึ่งบริเวณนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของอาจารย์กฤษฏิ์ ชัยศิลบุญ ภาควิชานาฏศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่อุทิศเพื่อสาธารณประโยชน์
ท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ สืบเนื่องจากในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสทางชลมารค และแวะลงสรงน้ำ ณ บ้านท่าราบ ปรากฏว่าเรือพระที่นั่งติดสันดอนทราย ณ บริเวณนี้ จึงมีการให้สาวยวนต้นตาลหลายร้อยนางมาช่วยกันฉุดลากเรือออกไปได้ ในครั้งนั้น พระองค์ทรงพอพระราชหฤทัยสายน้ำที่เย็น ลึกและนิ่ง จึงมีพระราชประสงค์ให้นำน้ำบริเวณนี้ไปทำพิธีพุทธาภิเษก ที่วัดพระพุทธบาท ก่อนจะนำไปใช้พระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกรวมถึงพิธีศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในพระราชวัง โดยกำหนดให้นำน้ำจากแม่น้ำ 5 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา (จากจ.อ่างทอง) แม่น้ำเพชรบุรี (จากจ.เพชรบุรี) แม่น้ำราชบุรี (จากจ.สมุทรสาคร) แม่น้ำบางปะกง (จากจ.นครนายก) และแม่น้ำป่าสัก (จากจ.สระบุรี ซึ่งมาเอาน้ำที่ท่าราบนี้ ต่างจากอีก 4 แห่ง ที่เอาน้ำมาจากที่วัด)
ไม่ใกล้ไม่ไกลในย่านชุมชนยังมีสถานที่ให้ได้ไปเก็บแต้มบุญกันที่วัดทั้ง 5 แห่ง โดยที่แรกอยู่ใกล้หอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยวนที่สุด คือ “วัดเขาแก้ววรวิหาร” ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ดวงมณี” แห่งเสาไห้ จากเรื่องราวที่บอกเล่าโดยพ่อสมจิตต์ ยะกุล ประธานสภาวัฒนธรรม อ.เสาไห้ และพ่อครูด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยวน เล่าว่า ชาวบ้านต่างเคยเห็นดวงแก้วสุกสว่างเหนือวิหารเขาแก้ว หรือการแสดงปาฏิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่บรรจุในองค์พระเจดีย์ ซึ่งที่นี่ได้ประดิษฐ์พระบรมธาตุ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้
เดินทางต่อไปที่ “วัดต้นตาล” ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์การเรียนรู้การทอผ้า แต่เดิมบริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นตาล จึงถูกเรียกว่า “วัดต้นตาล” วัดนี้สร้างตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา ถือเป็นศาสนสถานประจำบ้านต้นตาล ภายในมีการซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้งในโบสถ์และวิหาร โดยฝีมือของช่างเฉลิมชัย ป้องทอง ครูภูมิปัญญาด้านจิตรกรรม ซึ่งยังทำงานศิลปะนี้อยู่จนทุกวันนี้เพียงลำพัง
จากนั้น ข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำป่าสัก ที่ ต.สวนดอกไม้ อ.เสาไห้ เป็นที่ตั้งของ “วัดสมุหประดิษฐาราม” มาชมภาพวิถีชีวิตคนไทยวนในยุคที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในสระบุรี ตลอดจนสภาพสังคมในยุคนั้นผ่านจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ ต่อด้วยการสักการะศาลเจ้าแม่นางตะเคียน ที่มาของชื่อต.เสาไห้ ที่ “วัดสูง” และ ปิดท้ายด้วยการชมภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวการผูกเรือนแบบล้านนาหรือไทยวนและการแต่งกายในยุคโบราณ ภายในพระอุโบสถของ “วัดจันทบุรี”
ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศและวัฒนธรรมชุมชนบ้านต้นตาลยิ่งกว่านี้ สามารถมาเที่ยวช่วงที่มีจัดเทศกาลหรือประเพณีสำคัญได้ ที่นี่มี “ประเพณีสงกรานต์” จัด 5 วันเหมือนทางล้านนา “ประเพณีสลากภัต” จัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีการจัดเลี้ยงอาหารเย็นที่เรียกว่า “กินข้าวแลงขันโตก” การแสดงรำโทน (ฟ้อนโบราณของไทยวน) การฟ้อนเล็บ และ “ประเพณีทำบุญกลางบ้าน” หลังเทศกาลสงกรานต์เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้บ้าน
ไม่ว่าจะมาแบบเช้าไป-เย็นกลับ หรือจะเที่ยว “ยวนต้นตาล” ให้ครบทุกอารมณ์ เก็บทุกบรรยากาศ โดยพักค้างสักคืนที่นี่แล้วตื่นเช้ามาใส่บาตรพร้อมกันก็ย่อมได้ ชาวบ้านยวนต้นตาลยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน แล้วมา “เยือนถิ่นยวน จวนนุ่งซิ่น กิ๋นอาหารเมือง” เปิดประสบการณ์เที่ยววิถีชุมชน ที่ “ยวนต้นตาล” จ.สระบุรี
ชุมชนบ้านต้นตาล ตั้งอยู่ที่ ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ยวนต้นตาลเสาไห้-903254126521608/
หรือติดต่อ ผู้ประสานงานการท่องเที่ยวโดยชุมชน
กฤษณา พิทยาบุตร โทร. 089-985-7726
วรัชยา หมวกลาว 092-440-8899
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager