xs
xsm
sm
md
lg

มั่นใจไม่เงิบ! “อุ๊” เผยเคยถูก “แวนโก๊ะมิวเซียม” ปฏิเสธภาพมูลค่า 3 พันล้าน แต่หลังจากนี้ทั้งโลกต้องยินดีกับเรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“อุ๊ หฤทัย” ยอมรับเคยถูกแวนโก๊ะมิวเซียมปฏิเสธภาพต้นไม้จริง เหตุให้ข้อมูลพลาดเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ตอนนี้ปลดล็อก ไขความลับได้แล้ว ยันผลทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ไม่อยากให้ขยี้เรื่องมูลค่า - ไสยศาสตร์ หวั่นทำให้ประชาชนสับสน ลั่นเป็นเรื่องของคนทั้งโลก ค้นพบสิ่งที่สูญหายจากประวัติศาสตร์ โดยนักวิจัยและแม่บ้านคนไทย สะอื้นไห้สิ่งที่เรียนมีประโยชน์ มีคุณค่าที่สุดในชีวิต ขอร้องอย่าถามเรื่องขาย เพราะไม่สบายใจที่ต้องตอบ

กลายเป็นประเด็นฮือฮา และมีดรามาตามมาอื้อ สำหรับกรณีที่ “อุ๊ หฤหัย ม่วงบุญศรี” ออกมาเปิดเผยว่าในขณะนี้ได้ครอบครองภาพต้นไม้ ซึ่งผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ระบุว่า จากการวิเคราะห์อายุของภาพตั้งแต่เส้นด้ายผ้าใบ สีที่ใช้ การลงแปรง สอดประสานบ่งชี้ว่าเป็นภาพเก่าเเก่ตั้งเเต่ช่วงที่แวนโก๊ะยังมีชีวิตอยู่ เเต่ไม่สามารถระบุได้ว่า ภาพดังกล่าวเป็นผลงานของเเวนโก๊ะหรือไม่

ในขณะที่สำนักข่าวบีบีซีไทย โดยผู้เขียนคือ “ฐิติพล ปัญญาลิมปนันท์” ได้ติดต่อสอบถามไปยังแวนโก๊ะมิวเซียม ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ยืนยันว่าได้เคยปฏิเสธภาพเขียนชิ้นนี้ และบอกกับอุ๊ว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่ผลงานของวินเซนต์ แวนโก๊ะ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอตัวนักร้องรุ่นใหญ่ในงานนิทรรศการหนึ่งทศวรรษสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เจ้าตัวก็เผยอย่างมั่นใจว่าผลทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ส่วนเหตุที่แวนโก๊ะมิวเซียมปฏิเสธ เพราะตนให้ข้อมูลผิดพลาดเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนี้ปลดล็อกแล้ว

จริงๆ ก็เป็นไปตามที่เคยคิดไว้ว่าคงมีความคิดที่โต้แย้งกันไปมา แล้วก็เกิดความสับสน ส่วนตัวคิดอยู่นานก่อนที่จะออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เนื่องจากมันจะมีผลกระทบ เลยรอจนไขความลับของภาพสำเร็จ ปลดล็อกทั้งหมดแล้วและตัวเราก็มั่นใจ ทีนี้ในสังคมไทยคนที่เฝ้ารอฟังว่าเกิดอะไรขึ้น อะไรเป็นกระบวนการการพิสูจน์ แต่ว่าบางทีการสื่อสารไม่ครบถ้วน เนื่องจากช่วงเวลาการตัดต่อของข่าวมันสั้นยาวไม่เท่ากัน หรือความรีบในการนำเสนอไม่ครบถ้วน เลยทำให้คนที่โต้แย้งกันไปมากลายเป็นทะเลาะกัน”

ส่วนนี้ตัวเราเลยไม่ค่อยสบายใจ บางครั้งการที่จะนำเสนอเรื่องกระบวนการการวิจัยมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่างเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญกับโลก จะเป็นสิ่งหนึ่งที่เราจะได้ค้นพบสิ่งที่สูญหายตกหล่นไปจากประวัติศาสตร์ แล้วกระบวนการนี้ทำสำเร็จโดยนักวิจัยไทยและแม่บ้านคนไทย ซึ่งมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงเพราะว่าการปฏิวัติยุคดิจิทัล หมายความว่า ทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงแหล่งข้อมูลงานวิจัยเพื่อเป็นต้นแบบหรือว่าเป็นตัวอย่างเทียบเคียงได้ เรียกว่าเป็นการพิสูจน์ในเบื้องต้นก่อนจะไปถึงสถาบันระดับโลก”

“ที่สำคัญ ยุคดิจิทัลทำให้สามารถที่จะเข้าถึงรายละเอียดของภาพวาดแบบที่มนุษย์ไม่เคยมองเห็นได้ขนาดนี้มาก่อน นี่ก็จะเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการใช้ดิจิตอลในการเปรียบเทียบเพราะว่ามันเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบภาพที่ต้องสงสัย ซึ่งเราทำสำเร็จในเรื่องของวิทยาศาสตร์ เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้โอกาสในการสื่อเรื่องพวกนี้มันพลาดไป”

ถามความเป็นไปได้ว่าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์มั้ยที่ภาพนี้เป็นของจริง คือ จริงๆ การที่จะพิสูจน์มันจะต้องใช้รอบด้าน วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกว่าเป็นของจริง ของแท้ หรืออะไร แต่วิทยาศาสตร์เป็นตัวไขปริศนา ซึ่งตอนนี้ได้รับคำตอบแล้วว่าภาพนี้เป็นต้นไม้สีส้มอมชมพูจากหลักฐานของแสงซินโครตรอนอินฟาเรดอินฟาเรดสเปคตร้า ซึ่งค้นพบสีแดงรากไม้ที่จางหายไปจริงๆ ไม่ใช่ไปตั้งข้อสมมติฐานหรือสันนิษฐานจากการแยกธาตุประกอบ แต่ฟิงเกอร์ปรินต์ของแสงซินโครตรอนได้บ่งบอกแล้วว่ามันเป็นสีชมพูเฟดหายไปหรือว่าสีแดงเฟหายไปจริง ต่อมาคือสีในตระกูลดินที่วาดในภาพวาดต้นไม้นั้นเป็นสีในตระกูลดินที่อยู่พิกัดเมืองโรสิลลอน(Roussillon) แคว้นโพรวองซ์ ซึ่งเป็นที่ที่ท่านอยู่และท่านใช้สีท้องถิ่นนั้นเพนต์”

“แน่นอนว่า ในยุคสมัยปี 1888 ท่านได้ใช้สีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของศตวรรษที่ 19 คือ เป็นสีของลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์ที่นิยมใช้กัน แต่ด้วยความที่ท่านเป็นนายช่างในตระกูลเนเธอร์แลนด์จึงใช้พิกเม้นต์ที่เป็นธาตุเหล็ก ซึ่งจะเป็นสิ่งที่นำมาจากดินในแหล่งที่เป็นดินสีเหลืองดินสีแดง ซึ่งเป็นพิกเม้นต์ที่ใช้กันมาตั้งแต่ยุคเรเนสซองส์ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่งานของท่านจึงเป็นโพสต์อิมเพรสชั่นนิสม์ เพราะว่าสีในตระกูลดินนั้นลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์จะไม่ใช้ เนื่องจากลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์เน้นสีที่โปร่งแสง”

รอประเทศเนเธอร์แลนด์ตรวจสอบ บอกเคยถูกปฏิเสธจริงแต่ถึงตอนนี้ “แวนโก๊ะมิวเซียม” และทั้งโลกต้องยินดีกับเรา
“ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่ว่ารอให้ทางประเทศเนเธอร์แลนด์มาตรวจสอบกระบวนการทุกสิ่งทุกอย่างที่ทางเราทำไป แล้วก็ต้องบอกว่าประเทศเนเธอร์แลนด์เคยปฏิเสธภาพภาพนี้จริง ซึ่งตัวเราเห็นด้วย ตอนแรกเราก็แปลกใจว่ามีอะไรที่ขาดหายไป ปรากฏว่า มันถูกต้องแล้วที่เขาปฏิเสธ เพราะว่าถ้าภาพต้นไม้นี้วาดด้วยเทคนิคสีเป็นก้อน จะหมายความว่าอยู่ในห้วงเวลาช่วงปี 1888 ซึ่งจะต้องเป็นสีสันคัลเลอร์ฟูหรือสีสันสดใส”

จริงๆ ทางแวนโก๊ะมิวเซียมถูกต้องแล้วค่ะ แต่ภาพวาดต้นไม้นี้สีแดงเฟดจางหายไป เนื่องจากกระบวนการการเฟดดิ้งนั้นจะต้องอายุเกิน 100 ปี ซึ่งก็เกิดขึ้นในงานจิตรกรรมของ วินเซนต์ แวนโก๊ะ เป็นเรื่องปกติเพราะว่ารากไม้นี้เป็นพืช เราก็พบแล้วว่ามันสอดคล้องและพบฟิงเกอร์ปรินต์จริง เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่าภาพต้นไม้นี้เป็นภาพต้นไม้สีชมพู ส้ม แสด แดงที่หายไป เพราะว่าเลมอนเยลโลว์มันเป็นธาตุประกอบที่เป็นโครเมียมแล้วมีซัลเฟอร์คือกรด ซึ่งไปฆ่าและไปทำลายให้สีเหลืองนั้นกลายเป็นสีน้ำตาล ในเมื่อสีเหลืองห่อตัวเองกลายเป็นสีน้ำตาลและไปชนกับธาตุเหล็กซึ่งเป็นสีในตระกูลดินและไปชนกับซัลเฟอร์ ภาพๆ นี้จึงกลายเป็นสีช็อกโกแลตบราวน์ เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าเราได้ปลดล็อกภาพนี้ได้แล้ว สิ่งนี้ แวนโก๊ะ มิวเซียม จะต้องร่วมยินดีกับเราว่าค้นพบภาพของท่านแล้วจริงๆ ค่ะ”

มั่นใจในหลักฐาน วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้ว
“ใช่ มันจะเป็นอื่นไปไม่ได้ ด้วยยุคของภาพ มันเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ศิลป์ ด้วยรูปแบบการวาดนั้นเป็นแบบที่ผู้คนต่อต้าน ในยุคดิจิทัลเราสามารถเห็นความงามในผลงานศิลปะของท่านได้แล้ว มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก เป็นรูปแบบการวาดที่ยากมาก ท่านมีฝีแปรงเป็นเลิศ เพราะฉะนั้นในสมัยท่านจะไม่มีใครวาดอะไรแบบนี้ได้ ถ้าอายุของภาพที่เราพิสูจน์ได้จากการเฟดดิ้งของสีที่มันมีระยะเวลาเป็น 100 ปี หรือว่าธาตุที่ชนธาตุแล้วแล้วมันไปทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นแปลสภาพเป็นสีน้ำตาล แทนที่จะเป็นสีส้ม สีแสด เรื่องนี้ใช้เวลาถึง 100 ปี เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไปเรียบร้อยแล้ว”

“ถามว่ามั่นใจแค่ไหน มั่นใจที่เคมีกับเคมีมันออกมาแล้วทำให้เรามั่นใจในตัวของมันเอง มันปฏิเสธไม่ได้เพราะมันเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ขอไม่พูดเรื่องไสยศาสตร์ หวั่นทำให้คนสับสน
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ อุ๊อยากจะให้ทุกคนได้ใช้ความคิดในเรื่องของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพราะถ้าเราไปพูดถึงเรื่องนั้นมันจะทำให้คนสับสน อุ๊เลยขอไม่พูดเรื่องนี้แล้วกันค่ะ”

ถูกแวนโก๊ะมิวเซียมปฎิเสธเมื่อ 3 ปีก่อน เหตุตนให้ข้อมูลพลาด ไม่คาดหวัง แต่หนักแน่นในตัวเอง 
“ใช่ค่ะ การยื่นคำร้องอุ๊ได้ยื่นไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยอุ๊ยื่นไปว่าภาพนี้เป็นภาพสีน้ำตาล ด้วยความเข้าใจของเราว่าภาพนี้เป็นภาพสีน้ำตาล แล้วสีเป็นก้อนอีก มันผิดวิถีภาพของแวนโก๊ะเพราะสโตรคสีเป็นก้อน งานของแวนโก๊ะจะต้องเป็นสีสันคัลเลอร์ฟูลเท่านั้น แวนโก๊ะมิวเซียมเขาทำถูกแล้วที่ปฏิเสธภาพนี้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว”

“ถามว่าเราคาดหวังอะไรบ้าง เรื่องคาดหวังคงไม่คาดหวัง ก็ปล่อยมันไป เรื่องที่คนโต้แย้งก็ปล่อยมันไป มันสำคัญที่ว่าภาพๆ นี้มันได้วิจัยสำเร็จแล้วเท่านั้นเอง ไม่ต้องไปสับสน ตัวอุ๊เองก็หนักแน่นเพียงแต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนกันที่คนโต้แย้งกันไปโต้แย้งกันมา มันทำให้คนทะเลาะกันเพราะการกระจายข่าวมันไม่ครบ อุ๊เข้าใจนะว่าทำไมเขาถึงไม่เข้าใจ ก็อยากจะให้สื่อเรียบเรียงสิ่งที่อุ๊อธิบายเพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญกับโลก”

เป็นเรื่องที่คนทั้งโลกต้องรอ 
“คุณไม่เชื่อทางกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างไรล่ะค่ะ ในเมื่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มันปลดล็อกทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เหลือแค่แวนโก๊ะมิวเซียมเขามาทดสอบว่าสิ่งที่เราทำมันโกหกหรือไม่ ซึ่งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มันไม่โอนเอียงอยู่แล้ว ผลทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกว่าใช่หรือไม่ใช่ ฉะนั้นเราจึงต้องวิจัยอย่างรอบด้าน”

เรื่องนี้เป็นเรื่องของโลก คนทั้งโลกก็รอ เราไปบังคับหรือเร่งรัดเขาไม่ได้ คิดว่าถ้าเขาทราบว่าภาพนี้เป็นสีสันคัลเลอร์ฟูล คิดว่าเขามาแน่นอน การที่เราปลดล็อก เปิดเผยปริศนาของภาพจากภาพสีน้ำตาลว่ามันคือภาพที่เคยมีสีสันสดใส คิดว่าทางแวนโก๊ะมิวเซียมต้องยินดีแน่นอน เราต้องทำการยื่นเอกสารไปทางเขาก่อน ซึ่งเรายังไม่มีเวลาทำ เราวิจัยสำเร็จเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมานี่เอง เราวิจัยที่แสงซินโครตรอนในวันที่ 24 เมษายน ซึ่งผลมันก็ออกมาแล้ว มีการทำผลออกมาเป็นรายงานออกมาวันที่ 25 ที่ผ่านมานี้เอง เรื่องนี้มันเป็นอะไรที่สดๆ ร้อนๆ จริงๆ ตัวอุ๊ทราบผลวิเคราะห์ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายนแล้วเพราะอุ๊อยู่ในห้องปฏิบัติการด้วย แต่การสรุปผลรายงานการวิจัยเพิ่งจะมีออกมา ก็ขอเวลาเราได้เรียบเรียงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์หน่อย แล้วเราคิดว่าทางแวนโก๊ะมิวเซียมจะต้องยินดีและมีข่าวดีให้กับโลกนี้แน่นอน”

อย่าขยี้เรื่องมูลค่าของภาพ อยากให้ดูคุณค่าทางประวัติศาสตร์
“เราต้องเข้าใจเรื่องมูลค่าภาพ ต้องดูให้เรื่องของคุณค่าทางประวัติศาสตร์ก่อนที่เราจะไปขยี้ข่าวเรื่องมูลค่า คนที่เขาไม่ได้รู้เรื่องของประวัติศาสตร์เขาจะสับสน อย่างคนเดินดินกินข้างแกงมาดูรูปเขาไม่เข้าใจ เขาก็ไม่เข้าใจ เรื่องของมูลค่ามันเป็นเรื่องของคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ซึ่งผลงานของท่านเป็นผลงานที่โลกต้องสยบ เพราะท่านเป็นผู้ทรงอิทธิพลกับโลก ศตวรรษที่ 20 เราได้รับอิทธิพลจากท่านอย่างปฏิเสธไม่ได้ งานของท่านจึงทรงคุณค่าและมีมูลค่ามหาศาลนั่นเอง”

อย่าถามว่าจะขายมั้ย ไม่สบายใจที่จะตอบเรื่องนี้
อุ๊ไม่สามารถเก็บภาพนี้ไว้ได้ ภาพๆ นี้ได้รับการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน เรื่องความปลอดภัยของภาพควรจะให้ผู้ที่เป็นหน่วยงานหรือสถาบันเขาดูแลรักษา แต่ถ้าพูดในเรื่องการซื้อขายมันก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของอุ๊นั่นเอง อย่าถามว่าจะขายมั้ยนะเพราะอุ๊ไม่สบายใจที่จะตอบเรื่องนี้”

ถามว่ามีคนติดต่อมามั้ย ตอนนี้อุ๊มีอะไรให้ทำเยอะมาก มันยังสดๆ ร้อนๆ อยู่ อย่างที่บอกความลับมันเพิ่งถูกไขตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนแล้ว อย่าเพิ่งไปเร่ง ให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามกระบวนการ การเดินทางมันสิ้นสุดแล้ว”

นอกจากนี้ อุ๊ยังเผยอีกว่า ยังมีภาพวาดจากศิลปินประเทศเบลเยี่ยมซึ่งซื้อจากร้านของเก่า หายสาบสูญไปจากโลก 118 ปี มีมูลค่าไม่แพง แต่มีคุณค่าทางศิลปะ
“เมื่อเดือนมีนาคมอุ๊ได้ไปเจอภาพของศิลปินประเทศเบลเยี่ยมวาดไว้เมื่อปี 1884 เป็นภาพของศิลปินชาวจีนที่เป็นรุ่นพี่ของท่านแวนโก๊ะ เรียนสถาบันเดียวกัน เราก็ไปได้จากร้านขายของเก่าอีกแหละ กรอบเขาถูกขายไปในมูลค่าหลายแสนบาทแต่ภาพไม่มีใครเอา อุ๊เลยไปซื้อมาเพราะเขาขายในราคาไม่แพง แต่คุณค่าทางศิลปะมีมากมายเหลือเกิน แล้วที่อุ๊บอกว่ามันใช่เพราะอุ๊เอาไปทดสอบที่สถาบันนิวเคลียร์ ที่นครนายก ตรวจสอบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่ใช้การแยกธาตุประกอบ แล้วก็ตรวจสอบโครงสร้างของธาตุ มันขึ้นมาว่าเป็นสีแดงปรอท ค่าของมันแสดงให้เห็นว่ามันเป็นสีแดงปรอทที่สาบสูญไปจากโลกนี้ไปแล้ว 118 ปี ภาพนี้จึงเป็นของจริงแต่มูลค่าไม่แพง แต่มันสำคัญทางคุณค่าของศิลปะ”

สะอื้นไห้ เปิดใจการเดินทางในงานวิจัย 3 ปี ไม่เคยรู้ว่าวันหนึ่งสิ่งที่ได้เรียนจะเป็นประโยชน์ และเป็นคุณค่าที่สุดในชีวิต
“คือ จริงๆ แล้วพี่จะบอกว่าระหว่างการเดินทางในการวิจัยเป็นเวลา 3 ปี อุ๊ได้รู้ว่า(สะอื้น) ว่าความรู้และการศึกษาในสิ่งที่เรียนมาเป็นสิ่งที่มีค่า หมายความว่า เวลาที่เราเรียนหนังสือเวลาเราเรียนเราไม่เคยรู้หรอกว่า วันหนึ่งความรู้หรือการศึกษาที่เราได้เรียนมาหรือว่าติดตัวเรามาวันหนึ่งมันจะได้ใช้ประโยชน์แล้วมันอาจเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตก็ได้ ตอนที่เราวิจัยเวลาเราเขียนบันทึก ความทรงจำหรือว่ารายละเอียดในการวิจัย เพื่อใช้เป็นประโยชน์กับคนในอนาคต เพราะอุ๊ไม่รู้ว่าการเดินทางในการวิจัยของอุ๊มันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ตลอดระยะเวลาที่เราเขียนก็ คิดถึงช่วงเวลาที่เราเรียนและได้ความรู้พวกนี้มา มันก็ (สะอื้น) เป็นสิ่งที่มีค่ามาก ตอนนี้ก็กลับไปให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มากกว่าเดิม”

เชื่อพิพิธภัณฑ์และคนทั้งโลกต้องยินดี ภาพนี้เดินทางมายาวนานและบอบช้ำมากแล้ว
“คือทางพิพิธภัณฑ์เขาต้องมารับไปทดสอบและตรวจสอบว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันถูกต้องหรือไม่ แต่ว่าขอให้ทุกคนมั่นใจว่านี่คือสถาบันทางวิทยาศาสตร์ระดับประเทศ สิ่งที่เขาตรวจสอบทั้งหมดผลมันจะออกมาเหมือนกัน แล้วทางพิพิธภัณฑ์พอเขารู้ว่านี่คือสิ่งที่ปลดล็อกและไขความลับแล้ว ว่าภาพนี้เป็นคัลเลอร์ฟูล ทางพิพิธภัณฑ์ก็จะต้องยินดี กับโลกเราว่าได้ค้นพบงานของท่านแล้วอีกหนึ่งชิ้น ส่วนตัวเราเองอย่างที่บอกว่าเขาจะต้องเป็นสถาบันที่ทำการอนุรักษ์ภาพนี้ เพราะว่าภาพนี้มันเดินทางมาอย่างยาวนานแล้วก็บอบช้ำมามากแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมแล้วก็อยู่ในสถานภาพที่จะต้องดูแล เราเองไม่มีศักยภาพพอในเรื่องการดูแลอนุรักษ์ดีเท่ากับสถาบันระดับโลก ถามว่าเห็นแว้บแรกรู้มั้ยว่าเป็นของแวนโก๊ะ อุ๊ไม่รู้นะคะ”

บอกซินโครตรอนเคยวิจัยภาพแวนโก๊ะสำเร็จไปครั้งหนึ่งได้รับการยอมรับจากแวนโก๊ะมิวเซียม ส่วนของเมืองไทยถือเป็นครั้งแรก อยากให้ใจเย็นๆ
“อันนั้นของประเทศเบลเยี่ยมค่ะ แต่ว่าในประเทศไทยนี่เป็นครั้งแรก ซินโครตรอนนี่คือสุดยอดแล้วค่ะดีที่สุดแล้วเพราะว่าสามารถที่จะตรวจ เราบอกไม่ได้อีก นี่ไม่ใช่พระเครื่องสมเด็จนะ (ยิ้ม) ใจเย็น นี่เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องใหญ่ของโลกจะให้มาปุ๊ปปั๊บได้อย่างใจ ไม่ได้ อุ๊ใช้เวลาเดินทางมา 3 ปี พอมาวันนี้เห็นภาพเป็นสีส้มจะให้มารับรองมันเป็นไปไม่ได้ต้องให้เขามาตรวจสอบก่อนว่าเราเซตอัปหรือเปล่า มันเป็นของจริงไหม ต้องตรวจเช็ก เป็นกระบวนการเราต้องเห็นใจเขาด้วย”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่https://mgronline.com/entertainment)




กำลังโหลดความคิดเห็น