ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ศ.ดร.สราวุฒิ” นั่งต่อสมัยที่ 2 “ผอ.ซินโครตรอน” ชี้ผลงานโดดเด่นทั้งการผลักดันผลงานวิจัยเป็นประโยชนต่อภาคเศรษฐกิจ-สังคมเพียบ ระบุปี 58 สร้างมูลค่าเพิ่มทาง ศก.ได้กว่า 1,200 ล้าน เผยนโยบายใหม่มุ่งยกระดับผลงานวิจัยและพัฒนาด้านแสงซินโครตรอนทัดเทียมอารยประเทศ เป็นรากฐานก่อกำเนิดธุรกิจ Startup พร้อมนำสถาบันก้าวไปสู่องค์กรสมรรถนะสูง
วันนี้ (8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการบริหารสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำโดย รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานกรรมการบริหารสถาบันฯ มีมติ แต่งตั้ง ศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) สมัยที่ 2 วาระ 4 ปี ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2559 - 31 พฤษภาคม 2563
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทั้งสายงานทางด้านวิชาการ และงานบริหาร สร้างชื่อเสียงให้กับสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ที่มีแห่งเดียวในประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในอาเซียน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผลักดันผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ภาคเศรษฐกิจและสังคม เช่น ผลิตเครื่องต้นแบบชุดแสดงผลอักษรเบรลล์ 20 เซลล์ และขอพระราชทานพระวโรกาสทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องต้นแบบแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และขอพระราชทานพระราชานุญาตผลิตเครื่องดังกล่าวจำนวน 200 เครื่องโดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อมอบให้โรงเรียนสอนคนตาบอดทั่วประเทศ
ร่วมแก้ปัญหาการเกิดลายไม้บนเหล็กรีดร้อนด้วยแสงซินโครตรอน ลดการสูญเสียจากการผลิตได้กว่า 40 ล้านบาท, วิจัยและพัฒนาเม็ดพลาสติกในระดับโมเลกุลเพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งสามารถเพิ่มยอดขายได้กว่า 60 ล้านบาท/ปี, ร่วมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุนารี พัฒนาเครื่องเคลือบกระจกกล้องโทรทรรศน์ ขนาด 2.4 เมตรด้วยฝีมือคนไทย ประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้ถึง 36 ล้านบาท รวมทั้งการสร้างความร่วมมือกับองค์กรระดับโลกอย่างเซิร์น เพื่อการพัฒนาองค์ความรู้ด้านเครื่องเร่งอนุภาค ฟิสิกส์อนุภาคของไทย
โดยผลการประเมินมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากการดำเนินงานของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน
(องค์การมหาชน) ประจำปี 2558 ซึ่งจัดทำโดยศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้กว่า 1,200 ล้านบาท และนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 จนถึง พ.ศ. 2558 สถาบันฯ มีโครงการของผู้ใช้แสงซินโครตรอนภาคอุตสาหกรรม เติบโตขึ้นสูงถึง 42%
นอกจากนี้ยังประสบผลสำเร็จในการจัดงานประชุม Thailand Synchrotron Conference and Exhibition 2016 ซึ่งถือเป็นงานประชุมและแสดงนิทรรศการที่เต็มรูปแบบครั้งแรกของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน โดยเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนให้แก่อุตสาหกรรมทั้งรายใหญ่และรายย่อย (SME)
ขณะที่ ศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนในปัจจุบันที่สามารถรองรับงานวิจัยได้หลากหลายเพิ่มมากขึ้น นโยบายบริหารหลังจากนี้จะยกระดับผลงานวิจัยและพัฒนาด้านแสงซินโครตรอนให้เป็นที่ยอมรับและถูกเผยทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ รวมไปถึงจะพัฒนาสร้างห้องปฏิบัติการความเป็นเลิศด้านแม่เหล็ก สุญญากาศ ระบบหล่อเย็นยิ่งยิ่งยวด ระบบคลื่นวิทยุและไมโครเวฟกำลังสูง เพื่อเป็นรากฐานก่อกำเนิดธุรกิจ Startup อีกทั้งจะวางแนวทางพัฒนาองค์กรไปสู่ High Performance Organization-HPO หรือองค์กรสมรรถนะสูง เพื่อนำพาองค์กรก้าวไปสู่ความเป็นเลิศ
นอกจากนี้จะต้องเตรียมความพร้อมเสนอโครงการสำหรับเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนขนาด 3 GeV ให้ประเทศไทยมีเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ