ในวัยเด็กเราหลายๆ คนอาจจะเคยมีของเล่นชิ้นโปรดที่สามารถเล่นได้ไม่มีวันเบื่อ อย่างฉันเองเป็นคนชอบของเล่น โดยเฉพาะเมืองจำลองขนาดเล็กที่ถูกแต่งเติมเสริมสร้างจินตนการอะไรลงไปก็ได้ แต่พอโตขึ้น จินตนการเหล่านั้นกลับถูกค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนได้มีการเปิดตัวสถานที่ “สแตนลีย์ มินิเวนเจอร์” (Stanley MiniVenture) เมืองจำลองที่มีชีวิตในสัดส่วน 1:87 แห่งแรกในประเทศไทย ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียและถือเป็นเมืองจิ๋วอันดับ 3 ของโลกในพื้นที่กว่า 1000 ตารางเมตร ฝีมือคนไทย ชาวไทยกว่า 20 ชีวิต ที่ใช้เวลาศึกษาดูงาน และดำเนินงานมากว่า 3 ปี จนออกมาเป็นเมืองจำลองที่มีชีวิต ที่จะทำให้ฉันได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
“สแตนลีย์ มินิเวนเจอร์” ตั้งอยู่ใน ชั้น 2 ศูนย์การค้าเกตเวย์เอกมัย มีตู้ขบวนรถไฟเป็นทางเข้าสู่เมือง สแตนลีย์ มินิเวนเจอร์ ที่ไม่ใช่แค่เป็นเมืองจำลองหรือของเล่นธรรมดาๆ เท่านั้นแต่เป็นเมืองจำลองที่มีชีวิต ที่ได้ย่อ สิ่งต่างๆ ที่มีความสำคัญในชีวิตมารวมกันให้ได้ชม นอกจากนั้นยังกำหนดเวลาแสดงเช้ามืดที่ให้ความรู้สึกถึงชีวิตชีวาของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ รวมทั้งยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่แอบซุกซ่อนให้ได้สังเกตและค้นหา นอกจากนั้นยังมีปุ่ม interactive ที่คอยตอบสนองความเคลื่อนไหวในเมืองแต่ละโซนต่างๆ สร้างเสริมจินตนการยิ่งขึ้น โดยได้รวบรวมทั้งหมดไว้ 11 โซนด้วยกัน ที่จะพาให้ฉันไปสนุกสนานกับเมืองที่มีชีวิตแห่งนี้
โดยโซนแรกที่ฉันได้เข้ามาแล้วเจอเลยนั่นคือ โซน Resource Town เมืองแห่งทรัพยากร เป็นโซนที่ย่อส่วนสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับจุดเริ่มต้นของชีวิต คือการรวบรวมทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็นในชีวิตมาอยู่ในที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น เขื่อน Hoover Dam ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นที่สุดในวิศวกรรมโลก ถือเป็นไฮไลท์เด็ดๆ ของโซนนี้, เหมืองแร่ดีบุกที่แปรรูปเป็นของใช้จำพวก พลาสติก จาน ชาม ฯลฯ, โซนก่อสร้างที่จำลองให้เห็นถึงขั้นตอนการทำงานของช่างก่อสร้าง และเหมืองแร่ทองคำให้ได้ตื่นตาตื่นใจ
จากเพลิดเพลินโซนแรก ไปต่อสู่โซนที่สองกันเลย ทรัพยากรเป็นสิ่งจำเป็นแล้ว เกษตรกรรมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันในดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยโซนที่สองนี้มีชื่อว่า Organic Farm เมืองแห่งเกษตรกรรมและปศุสัตว์ เป็นโซนที่ทำให้ฉันได้สัมผัสความอบอุ่นและธรรมชาติที่โอบล้อม ด้วยการมีพื้นสีเขียวของต้นไม้และทุ่งหญ้าเขียวขจี การใช้ชีวิตของคนในโซนนี้จะเป็นไปอย่างเรียบง่าย และทำเกษตรกรรมเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการปลูกสวนผัก ผลไม้ การทำฟาร์มสัตว์ และการผลิตไฟฟ้าจากแรงลม โดยพอมาอยู่ในโซนนี้ฉันก็สังเกตได้อย่างหนึ่งว่า รถไฟในแต่ละโซนจะถูกปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะของเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟขนของ รถไฟขนส่ง ถ้าหากใครที่ชื่นชอบรถไฟของเล่น ก็ไม่ควรพลาดมาเที่ยวที่นี้เช่นกัน
โซนที่สามก็ทำให้ฉันตื่นเต้นไม่แพ้กันกับโซนที่ชื่อว่า Residential and Historical Town เมืองแห่งเรื่องราวและประวัติศาสตร์ ที่ได้จัดเมืองไว้เป็นสองรูปแบบ คือเมืองอเมริกาและยุโรป ฝั่งแรกที่เป็นอเมริกานั้นจะได้เห็นถึงภาพของเมืองที่มีความแข็งแรงในเรื่องของคอนเซปต์การใช้งาน ดีไซน์จะออกมาง่ายและไม่หวือหวามากนัก ต่างกับของยุโรปที่เน้นไปในเรื่องของดีไซน์และความวิจิตรงดงาม สังเกตได้จากการออกแบบหน้าต่าง ประตู และผังเมืองที่ให้ความโรแมนติกในแบบสไตล์ยุโรป
เดินไปตรงข้ามกับโซนที่สี่ Transportation and Entertainment เมืองที่ไม่หยุดนิ่งและความหรรษาบันเทิง เมืองที่ได้ย่อส่วนโกดังเก็บรถไฟ ที่หาชมยากมาก นอกจากนั้นยังมีฝั่งความบันเทิงอย่าง สวนสนุก คอนเสิร์ต และไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งคือสนามบอลขนาดใหญ่ อย่างทีมยอดฮิต สนามแอนฟิลด์ของทีมลิเวอร์พูล ย่อส่วนมาให้ชม
เปลี่ยนมาโซนที่ห้ามีความแห้งแล้งอย่างโซน Desert เมืองแห่งทะเลทรายที่ร้อนระอุ ที่ได้ย่อส่วนการจำลองชีวิตของชาวทะเลทรายและการเดินทางของคาราวานพ่อค้า และไฮไลท์ที่สำคัญของทะเลทราย คือโอเอซิส นอกจากนั้นยังมีสวนสัตว์จัดแสดงอยู่ในโซนนี้ ไม่ว่าจะเป็น ม้าลาย ยีราฟ หมีโคอาล่า ฯลฯ และสุดท้ายกับมิวเซียมไดโนเสาร์ที่ทำให้ฉันจะได้เห็นไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ถูกย่อส่วนไว้ที่นี้
แน่นอนว่ามีเมืองทะเลทรายก็ต้องมี เมืองที่ติดทะเล อย่างโซนที่หก โซน Beach เมืองแห่งท้องทะเล เห็นภาพของคนในเมืองที่สนุกสนานกับการพักผ่อนหย่อนใจไปกับทะเล หาดทราย และที่สำคัญยังได้ย่อส่วนของทะเลลึก มีเรือเก่าแก่ที่จมอยู่ใต้ทะเล ที่ทำให้ฉันได้มาลองสังเกตดูข้างใน รวมไปถึงสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในท้องทะเลอีกด้วย
จากนั้นไปตื่นตาตื่นใจปนความน่าสงสัยกับเรื่องราวลึกลับที่ถูกซ่อนไว้อย่างโซนที่เจ็ด Cave ถ้ำกาลเวลา ในถ้ำนี้จะได้เห็นสิ่งที่แปลกพิสดาร อะไรที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ ก็สามารถเจอได้ที่ถ้ำแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ต้นถั่วและพืชพรรณยักษ์ ไดโนเสาร์ สัตว์ยุคกำเนิดโลก ค้างคาวที่นอนห้อยหัว มังกรพ่นไฟ ภาพของการทำรังนกของนกนางแอ่น สุดท้ายกับมนุษย์ถ้ำยุคหิน
ความหนาวมาเยือนจนฉันสัมผัสได้ทันที เมื่อได้เดินที่โซนเมืองหิมะและท่าเรือ กับโซนที่แปด Port เมืองท่าสีขาว เมืองท่าที่มีหิมะปกคลุม จำลองการใช้ชีวิตคนของคนที่อาศัยอยู่ในขั้วโลก รวมไปถึงได้เห็นความน่ารักของสัตว์อย่าง เพนกวิน หมีโพลาร์ นอกจากนั้นยังมีกระเช้าลอยฟ้าขยับได้จริงอีกด้วย ถัดไปฉันได้เห็นการทำงานของเครนยกคอนเทนเนอร์ที่ทำงานเสมือนจริงร่วมกับเรือขนสินค้าขนาดใหญ่ ที่มีความพิเศษตรงที่มีรีโมตคอนโทรลสามารถบังคับเรือแล่นไปแล่นเพิ่มความเพลิดเพลิน รวมไปถึงได้ส่องบ้านเรือนต่างๆ ที่ถูกย่อส่วนจนเก็บรายละเอียดเหมือนจริง เป็นโซนที่มีความแตกต่างและสนุกสนานโซนหนึ่งในเมือง “สแตนลีย์ มินิเวนเจอร์”
จากนั้นไปชมโซนที่เก้า Airport สนามบินไร้ขอบฟ้า โซนที่เป็นไฮไลท์มากที่สุดของสแตนลี่ย์ มินิเวนเจอร์ เห็นถึงความอลังการของการ take off และ landing ของเครื่องบินของสายการบินต่างๆ มากกว่า 30 ลำรวมไปถึงเครื่องบินเจ็ทของทหารด้วย แต่ตอนที่ฉันไปนั้น โซนนี้ถือว่าเป็นโซนที่กำลังต่อเติมเสริมสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ฉันโชคดีได้เห็นบรรยากาศของช่างที่กำลังจัดตกแต่งเมืองนี้ด้วยตัวเอง พิถีพิถันทุกขั้นตอน ฉันจึงไม่แปลกใจกับรายละเอียดที่สร้างสรรค์ที่เหมือนจริงของเมืองแห่งนี้เลย
เดินเข้าไปสู่เมืองตึกสูง แห่งความวุ่นวายอย่างโซนที่สิบ กับโซน CBD ย่านธุรกิจพันล้าน ที่แสดงความรุ่งเรืองของย่านธุรกิจ ในโซนนี้จะเต็มไปด้วยตึกระฟ้าที่โด่งดังเป็นที่รู้จักทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Chrysler Building, Oakland Tower, Empire State, World Financial Center, Metlife Building ฯลฯ และตึกอื่นๆ อีกมากมาย และไม่ลืมที่จะสะท้อนให้เห็นถึงมีย่านชุมชนแออัดที่เปรียบเทียบถึงความเป็นอยู่ระหว่างตัวเมืองอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นสิ่งที่ฉันชื่นชอบอีกอย่างของเมืองนี้นั่นคือการย่อส่วนสถานีรถไฟฟ้า BTS บ้านเราอีกด้วย
โซนสุดท้ายเป็นโซนที่ฉันอาจจะชื่นชอบที่สุดในทุกโซนก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นความคุ้นชินที่เคยสัมผัสมาตั้งแต่เด็กๆ กับสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย อย่างโซนสุดท้าย Very Thai เมืองไท๊ยไทย ที่ย่อส่วนแลนด์มาร์คที่สำคัญของประเทศไทยมาไว้ที่โซนนี้ไม่ว่าจะเป็น อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จตุจักร ตลาดน้ำ ฯลฯ และไฮไลท์ที่เด็ดที่สุดคือ รถรางสมัยก่อน ที่กลับให้ยลโฉมกันอีกครั้ง และสายไฟที่ระโยงทั่วทุกมุมถนนกลายเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่โซนนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ฉันจึงตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าหากเสร็จเมื่อไรจะต้องกลับไปดูอีกครั้งอย่างแน่นอน
ถือว่าเป็นเมืองย่อส่วนที่ลงรายละเอียดได้อย่างลึกซึ้ง แถมซ่อนเรื่องราวของวิถีชีวิตต่างๆ ไว้ในแต่ละโซนต่างๆ ทำให้เราไม่ได้แค่ชมกับความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ได้สนุกค้นหาสังเกตเรื่องราว ความโดดเด่นที่ถูกซ่อนไว้ในแต่ละโซนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวของมัน ทำให้ฉันรู้สึกสนุกเพลิดเพลินอยู่ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ หากใครชื่นชอบและหลงรักเมืองย่อส่วน ไม่ควรพลาดมาเที่ยว “สแตนลีย์ มินิเวนเจอร์” ศูนย์การค้าเกตเวย์เอกมัย เมืองย่อส่วนที่มีชีวิตที่จะทำให้เรากลับไปรู้สึกเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง
สแตนลีย์ มินิเวนเจอร์ ตั้งอยู่ชั้น 2 ศูนย์การค้าเกตเวย์เอกมัย เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. บัตรราคา 650 บาท (สำหรับผู้ใหญ่ ) และราคา 450 บาท (สำหรับเด็ก) โดย พิเศษ ตั้งแต่ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2559 - 31 มกราคม 2560 เพียงพาคุณพ่อมาเที่ยว รับสิทธิพิเศษ ราคา 450 บาท เด็ก ( ความสูง ตั้งแต่ 80 - 130 ซม.) ราคา 350 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-048-9924 หรือติดต่อ www.stanleyminiventure.com Facebook: StanleyMiniVenture
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com