ด้วยมนต์เสน่ห์ของความเป็นเมืองในอ้อมกอดแห่งขุนเขา เคล้าสายหมอกขาว และมวลหมู่ดอกไม้หลากสีสัน ทำให้จังหวัด“เพชรบูรณ์”ถูกยกให้เป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” ภายใต้แนวคิด “ภูดอกไม้สายหมอก”อันงดงามชวนฝัน
เมืองต้องห้าม...พลาด เป็นแคมเปญท่องเที่ยวสำคัญในปี พ.ศ. 2558 ของ“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนเกิดการต่อยอดเป็นโครงการ“เมืองต้องห้าม...พลาดplus” ขึ้นในปีถัดมา(2559) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวของ 12 จังหวัดเมืองรองที่มีจุดเด่นใกล้เคียงกับ 12 จังหวัดเมืองต้องห้าม...พลาด เพื่อให้เกิดการเดินทางระหว่างจังหวัดและการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับจังหวัดเพชรบูรณ์ได้จับคู่เชื่อมโยงกับจังหวัดพิษณุโลก เกิดเป็นเส้นทางภูดอกไม้สายหมอก “เพชรบูรณ์ Plus พิษณุโลก”ขึ้น ซึ่งนอกจากจะมากไปด้วยสิ่งน่าสนใจอันหลากหลายแล้ว มนต์เสน่ห์แห่งขุนเขา สายหมอก ดอกไม้ ของทั้ง 2 เมืองนั้นช่างสวยงามโรแมนติก ชวนให้ออกเดินทางไปค้นหาเป็นอย่างยิ่ง
เขาค้อ - เพชรบูรณ์
“นอนเขาค้อ 1 คืน อายุยืน 1 ปี”
เป็นสโลแกนท่องเที่ยวแสนเก๋ของ “เขาค้อ” อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ดินแดนแห่งทะเลภูเขา สายหมอกหนาวแสนงาม ที่มีอากาศดี เย็นสบาย สามารถสูดโอโซนได้อย่างชุ่มปอด จนเขาค้อถูกยกให้เป็นหนึ่งในเมืองพักตากอากาศชื่อดังอันดับต้นๆของเมืองไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่แรกของ“ตะลอนเที่ยว” ในทริปนี้
เขาค้อวันนี้มี “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว”หรือ “วัดพระธาตุผาแก้ว”(ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ) เป็นสถานที่ต้องห้ามพลาดสำหรับผู้มาเยือน กับบรรยากาศของดินแดนธรรมแห่งศรัทธาอันงดงามวิจิตร ซึ่งภายในวัดมีไฮไลท์สำคัญอยู่ 2 ส่วน ได้แก่
“มหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์” เป็นสถาปัตยกรรมพระพุทธรูปซ้อนองค์ไล่เรียงจากเล็กไปใหญ่สีขาวเด่น ดูงดงามเปี่ยมศรัทธา ภายในมหาวิหารใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ และเป็นที่พักของผู้เข้าปฏิบัติธรรม
ขณะที่อีกหนึ่งไฮไลท์นั้นคือ “เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต” ที่สร้างด้วยรูปทรงดอกบัวซ้อน 7 ชั้น ภายในเจดีย์แบ่งเป็นชั้นต่างๆ โดยมีการนำเครื่องถ้วยเบญจรงค์ อัญมณี แก้วแหวนเงินทอง มาประดับตกแต่งอยู่ทั่วไปทั้งภายนอกและภายในอาคาร
ส่วนบริเวณองค์เจดีย์ด้านนอกนั้นมีเส้นทางเดินสู่ชั้นบน เมื่อขึ้นไปสามารถมองเห็นมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางขุนเขา และสามารถชมวิวทิวทัศน์บริเวณรอบข้างได้อย่างงดงาม
นอกจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วแล้ว เขาค้อยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจชวนให้เที่ยวชมอย่างเช่น“พระตำหนักเขาค้อ”,“อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ”, “พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก” รวมไปถึง จุดชมวิวต่างๆที่สามารถชมได้ทั้ง วิวทิวทัศน์ พระอาทิตย์ขึ้น-ตก และทะเลหมอกยามเช้าอันงดงาม อาทิ จุดชมวิวที่ทำการไปรษณีย์, จุดชมวิวตะเคียนโง๊ะ, จุดชมวิวฐานอิทธิ,จุดชมวิวร้านกาแฟ“พิโน ลาเต้”(Pino Latte) และ“จุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ” ที่ตั้งอยู่ติดริมถนน
จุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อเป็นขุนเขาแอ่งกระทะ ในวันที่อากาศเป็นใจ เมื่อมองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลหมอกขาวโพลนลอยอ้อยอิ่ง โดยมีสีสันของกลุ่มดอกไม้(ที่ชาวบ้านปลูกไว้)เป็นฉากหน้า มองดูงดงามน่าประทับใจสมกับฉายา “ภูดอกไม้สายหมอก”
ทุ่งแสลงหลวง เพชรบูรณ์
ในพื้นที่ อ.เขาค้อ ยังมี“ทุ่งแสลงหลวง” ที่ตั้งอยู่ในเขต“อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง”(หน่วยหนองแม่นา)เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่น ชวนให้ไปดื่มด่ำกับธรรมชาติแสนสวยที่นี่
“ทุ่งแสลงหลวง” เป็นป่าทุ่งหญ้าสะวันนาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยอันสวยงามกว้างไกล ขึ้นอยู่บนเนินเขาลดหลั่นกันไป ภายในทุ่งหญ้าแซมด้วยไม้ยืนต้นน้อยใหญ่ ดอกไม้ป่า กระเจียว(ช่วงหน้าฝน) เอนอ้า หญ้าเหลี่ยม เอื้องสามสี ผีเสื้อ แมลง และ นกน้อย ท่ามกลางบรรยากาศแห่งผืนป่าและขุนเขาที่ทอดยาว
ส่วนห่างจากทุ่งแสลงหลวง(หน่วยฯหนองแม่นา) ไปประมาณ 14 กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งของ “ทุ่งนางพญา” หรือ “ทุ่งนางพญาเมืองเลน” ป่าสนสองใบตามธรรมชาติอันยิ่งใหญ่สวยงาม
ทุ่งนางพญา โดดเด่นไปด้วยต้นสนต้นสูงใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ใต้ต้นสนบางช่วงยังมี ต้นหญ้า ดงเฟิร์น ขึ้นเรียงราย โดยในยามเช้าของวันที่อากาศเป็นใจจะมีสายหมอกบางๆลอยอ้อยอิ่งไหลเรื่อยเอื่อยผ่านแนวป่าสน ดูสวยงามโรแมนติกไม่น้อยเลย
ภูทับเบิก - เพชรบูรณ์
จังหวัดเพชรบูรณ์ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สำคัญคือ “ภูทับเบิก” ซึ่งถือว่ามาแรงมากในช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมา
“ภูทับเบิก”(บ้านทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า) เป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มีสภาพอากาศเย็นตลอดทั้งปี เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่ร่องลมเย็นของเทือกเขาหิมาลัย
บนภูทับเบิกงดงามไปด้วยทัศนียภาพอันสวยงามกว้างไกลในรูปแบบทะเลภูเขา บนภูทับเบิกมีจุดชมวิวน่าสนใจให้ไปยืนชมวิวกันหลายจุดด้วยกัน โดยเฉพาะที่ “อาคารหอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ”หรือ “จุดชมวิวภูทับเบิก” หรือ “จุดชมวิวปรอทยักษ์” ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวไฮไลท์สำคัญของภูทับเบิกแห่งนี้
จุดชมวิวภูทับเบิก เป็นจุดสูงสุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,768 เมตร ในวันที่สภาพอากาศเป็นใจ จะมองเห็นทะเลหมอกสีขาวโพลนลอยไต่ระเรี่ยไปตามร่องเขาดูงดงามชวนฝัน ส่วนในวันที่ฟ้าเปิดโล่งเราก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทุ่งนา บ้านเรือน แนวสันเขาอันสลับซับซ้อนได้อย่างสวยงามกว้างไกล
นอกจากนี้บนภูทับเบิกยังมีจุดชมวิวย่อยๆ ตามที่พักหรือตามไร่ของชาวบ้านให้ชื่นชมในความงามของทิวทัศน์แห่งขุนเขาที่โดดเด่นไปด้วยไร่กะหล่ำปลีกว้างใหญ่ไพศาล เป็นดังภูเขากะหล่ำอันเลื่องชื่อแห่งภูทับเบิก ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางไปเยือนกันเป็นจำนวนมาก
ภูหินร่องกล้า - พิษณุโลก
จากภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ “ตะลอนเที่ยว”ชวนเดินทางต่อสู่ “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” จังหวัดพิษณุโลก ในเส้นทางเขาค้อ-หล่มเก่า แล้วไปเข้าอุทยานฯภูหินร่องกล้าทาง“หน่วยทับเบิก” ซึ่งหน้าหน่วยมี “จุดชมวิวหน่วยทับเบิก” ที่ตั้งอยู่บนระดับความสูง 1,667 เมตร
จากจุดนี้เมื่อมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นวิวของภูทับเบิกสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ของขุนเขาน้อยใหญ่ แนวเทือกเขาเพชรบูรณ์และแนวถนนที่ลดเลี้ยวเคี้ยวโค้งสวยงาม
ต่อจากนั้นก็จะข้ามจังหวัดเข้าสู่ อุทยานฯภูหินร่องกล้า ใน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งมีสิ่งน่าสนใจให้เที่ยวชมกันหลากหลาย อาทิ “พิพิธภัณฑ์การสู้รบ”, “สำนักอำนาจรัฐ” และ “โรงเรียนการเมืองการทหาร” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์สำคัญ ในยุคที่มีการต่อสู้กันระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)
นอกจากนี้ภูหินร่องกล้ายังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามโดดเด่นให้เลือกเที่ยวกันอีกหลากหลาย นำโดย คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ “ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก” ซึ่งมีระยะทางประมาณ 2,460 เมตร เป็นเส้นทางวงรอบ เดินสบาย ระหว่างทางมีความสวยงามแปลกตาของธรรมชาติ ที่มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนที่ไหนให้สัมผัสเที่ยวชมกัน
สำหรับจุดไฮไลท์สำคัญของเส้นทางสายนี้ก็คือ “ลานหินปุ่ม” จุดชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามบนหน้าผาหินกว้าง ที่มีหินกลมมนจำนวนมาก ผุดโผล่ขึ้นมาเป็นปุ่มปมอยู่เต็มพื้นที่ หินเหล่านี้สันนิษฐานว่าเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วถูกลมฝนกระทำขัดเกลาจนสึกกร่อน เกิดเป็นลานหินปุ่มอันสวยงามแปลกตา มีความเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียว จนถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งภูหินร่องกล้า
ขณะที่จุดน่าสนใจอื่นๆในเส้นทางศึกษาธรรมชาติสายนี้ก็มี “ผาชูธง” อีกหนึ่งจุดชมวิวอันสวยงาม ที่ในอดีต เมื่อพคท. รบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนหน้าผามีธงชาติไทยปักอยู่, “ซันแครก”แนวหินประหลาดมีลักษณะเป็นชั้นๆ ริ้วๆ ดูคล้ายมีคนนำมาก่อเป็นกำแพง,“ผาหินกบ” กับก้อนหินใหญ่วางเทินกันมีรูปร่างคล้ายกบหินขนาดใหญ่, “ผาหัวใจหิน” ก้อนหินใหญ่รูปร่างคล้ายหัวใจที่นักท่องเที่ยวชอบไปโพสต์ท่าหัวใจถ่ายรูปคู่กันเป็นจำนวนมาก
ส่วนในช่วงฤดูฝนเส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก จะมีความพิเศษเพิ่มมากขึ้น เมื่อเหล่ามวลหมู่ดอกไม้ป่านานาพันธุ์ใน 2 ข้างทาง ต่างพากันออกดอกเบ่งบานประดับแต่งแต้มให้เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสายนี้ให้ดูมีสีสันสวยงามมากยิ่งขึ้น
สำหรับดอกไม้ที่เด่นๆนั้น ก็มี “กุหลาบขาว”, “ลิ้นมังกร”(สีส้ม), “เอนอ้า” ฯ รวมถึงมี 2 ดอกไม้ป่าดาวเด่นประจำเส้นทางสายนี้ คือ “เอื้องตาเหินไหว” ที่ออกดอกสีขาวชูช่อเป็นริ้วพลิ้วไหวอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ใน 3-4 จุดด้วยกัน และ “ดอกเปราะภู” ดอกสีขาวราวสำลีอยู่ทั่วไปตามพื้นดินริมบริเวณลานหิน
นอกจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก ที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญแล้ว ภูหินร่องกล้ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆชวนให้เที่ยวชมอีก อย่างเช่น “ลานหินแตก” กับลักษณะของธรรมชาติอันแปลกตาของลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก และ“โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” ที่มีจุดชมวิวทิวทัศน์ตามหน้าผาต่างๆให้เราได้ชื่นชมสัมผัสในความงาม
นับได้ว่าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นแห่งจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบสัมผัสกับบรรยากาศของธรรมชาติอันสวยงามไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
น้ำเข็ก - พิษณุโลก
ทุกๆปีในช่วงหน้าฝน “ลำน้ำเข็ก” ใน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก จะมีสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก มีปริมาณเหมาะสมต่อการทำกิจกรรม“ล่องแก่งพิชิตลำน้ำเข็ก” ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือน ก.ค. - ต.ค.
ลำน้ำเข็กมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่ไหลเคียงคู่ไปกับถนนหมายเลข 12 ลำน้ำเข็กมีเส้นทางล่องเรือยางพิชิตแก่งยาวประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง(ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำ)
โดยเรือยางจะเริ่มต้นล่องแก่งไปยังบริเวณตอนบนของน้ำตกแก่งซอง ผจญฝ่าแก่งต่างๆ จำนวน 15 แก่ง ซึ่งมีความแรงของกระแสน้ำครบสูตร ตั้งแต่แก่งระดับ 1-5 จากน้ำนิ่งไปจนถึงน้ำไหลเชี่ยวกราก อีกทั้งยังมีสภาพแก่งที่หลากหลายครบเครื่อง อย่างเช่น แก่งที่ไล่ระดับเป็นชั้นๆดังขั้นบันได แก่งที่คดเคี้ยวหักเลี้ยวเป็นตัว S หรือแก่งต่างระดับที่มีสายน้ำไหลเชี่ยวกราก ให้ต้องออกแรงใช้ฝีมือกัน
นอกจากนี้กิจกรรมล่องแก่งลำน้ำเข็กยังมีจุดเด่นในเรื่องของ การเข้าถึงสะดวก เพราะจุดขึ้น-ลง แก่งอยู่ใกล้ริมถนน ที่สำคัญคือมีความปลอดภัยสูง โดยฝีพาย นายหัว นายท้าย ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการล่องแก่งที่ได้มาตรฐานสากล Best Practice จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มาเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวที่มาล่องแก่งก็ต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันภัย เสื้อชูชีพ หมวกนิรภัย เพื่อช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ และต้องรับฟังคำสั่งของฝีพาย นายหัว นายท้าย อย่างเคร่งครัด
และด้วยองค์ประกอบอันโดดเด่นต่างๆ ทำให้น้ำเข็กได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสายน้ำที่ขึ้นชื่อในเรื่องกิจกรรมล่องแก่ง ติดอันดับ 1 ใน 5 ของเมืองไทยเลยทีเดียว
พระพุทธชินราช - พิษณุโลก
สำหรับสถานที่สุดท้าย “ตะลอนเที่ยว”ขอพาไปกราบสักการะ “พระพุทธชินราช” ปิดท้ายทริป ล่ำลาเส้นทางเมืองต้องห้าม...พลาดพลัส “เพชรบูรณ์ Plus พิษณุโลก” กันด้วยความเป็นสิริมงคล
พระพุทธชินราช ประดิษฐานอยู่ที่วิหารหลวง “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร”(ถนนพุทธบูชา อ.เมือง) หรือที่ชาวบ้านเรียกขานกันติดปากว่า“วัดใหญ่” ซึ่งเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก
พระพุทธชินราช หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า“หลวงพ่อใหญ่” สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือเอกในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 หรือ“พระยาลิไท” โดยได้ทำการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาในคราวเดียวกัน 3 องค์ ซึ่งนอกจากพระพุทธชินราชแล้วก็มี “พระพุทธชินสีห์”และ“พระศรีศาสดา” ที่ประดิษฐานอยู่ในส่วนด้านใน สามารถเดินเข้าไปสักการะบูชาได้
พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยตอนปลาย มีพระพุทธลักษณะที่งดงามยิ่ง อีกทั้งยังเป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของเมืองไทยที่ชาวไทยต่างให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
นอกจากพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดาแล้ว ที่วัดใหญ่ยังมีพระพุทธรูปเด่นๆอีก ได้แก่ “พระเหลือ” เป็นพระขนาดเล็กสร้างขึ้นจากเศษทองที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา, “พระอัฎฐารส” เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติประทับยืนอยู่ด้านหน้าองค์ปรางค์ และ“พระพุทธรูปปางพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน” อีกหนึ่งพระพุทธรูปองค์สำคัญที่มีพุทธลักษณะแตกต่างจากทั่วไป
พระพุทธรูปปางพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน ประดิษฐานอยู่ในวิหารแกลบ มีพุทธลักษณะเป็นหีบประดิษฐานพระบรมศพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่บนจิตกาธาน ปลายหีบด้านหนึ่งมีพระบาทคู่ยื่นออกมา โดยมีพระพุทธสาวกทั้ง 5 นั่งพนมมือชันเข่าถวายบังคมเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ด้านหลังหีบเป็นพระพุทธรูปองค์โต
สำหรับผู้ที่มาเยือนวัดพระศรีรัตนมหาธาตุนอกจากจะได้กราบไหว้พระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันหลากหลาย โดยเฉพาะกับองค์พระพุทธชินราชที่เป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของเมืองไทยแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังอวลไปบรรยากาศแห่งการทำบุญสะเดาะเคราะห์ในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงมีการแบ่งโซนขายสินค้าของฝาก โอทอป ของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวอย่างคึกคัก
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของเส้นทาง “เพชรบูรณ์ Plus พิษณุโลก” ที่มากไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลาย โดยเฉพาะกับบรรยากาศแห่งขุนเขา สายหมอก ดอกไม้ อันแสนโรแมนติก สร้างความสุขใจและความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้ไม่รู้ลืม
******************************************
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในเส้นทาง “เพชรบูรณ์ Plus พิษณุโลก” เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก (พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com