xs
xsm
sm
md
lg

สดชื่น สุขสันต์ เที่ยวชุ่มฉ่ำ ที่ “กาญจนบุรี”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พักผ่อนสบายๆ ริมแม่น้ำแควน้อย
สมัยก่อน พอถึงฤดูฝนทีไร ก็เป็นช่วงที่คนจะออกมาท่องเที่ยวน้อยกว่าในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูหนาว นั่นเป็นเพราะความเฉอะแฉะชุ่มฉ่ำ ทำให้หลายคนไม่สะดวกที่จะเตรียมตัวออกไปเที่ยว

แต่ “ตะลอนเที่ยว” เอง กลับมองว่า ด้วยความที่ฝนตกนี่แหละ ทำให้เย็นสบายและสดชื่น เหมาะกับการไปพักผ่อนในป่าเขาที่เขียวขจี ดูแล้วสบายตาสบายใจ พอมีวันหยุดสุดสัปดาห์เราเลยเลือกมาเที่ยวที่จังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ที่ “กาญจนบุรี”

สำหรับเส้นทางที่เราเลือกไปนั้น ถือว่าเป็นเส้นทาง Green Tourism ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่นกัน
ก่อนผจญภัยต้องเตรียมพร้อมเรื่องอุปกรณ์
เริ่มต้นจุดแรกของการท่องเที่ยวกันที่ “Tree Top Adventure Park” ซึ่งตั้งอยู่ภายในโฮมพุเตย รีสอร์ท อ.ไทรโยค ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่รักกิจกรรมผจญภัย โดยภายในนั้นมีฐานกิจกรรมกว่า 40 ฐาน ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สดชื่น
โหนสลิงข้ามน้ำ
เมื่อมาถึงแล้ว นอกจากจะเตรียมตัวเตรียมใจมาสนุก ก็ต้องเตรียมพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ปลอดภัยตามมาตรฐานนานาชาติ ซึ่งบริเวณที่ฐานเริ่มต้นนั้น จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ก่อนจะเริ่มออกไปผจญภัยตามฐานต่างๆ ให้ตื่นเต้นเร้าใจ

ระหว่างเส้นทางนั้นก็จะลัดเลาะไปในป่า ก่อนจะมาจบที่ฐานสุดท้ายด้วยการโหนสลิงข้ามสระน้ำกลับมาที่เดิม
ส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะ
หลังจากความตื่นเต้นเร้าใจแล้ว ก็มาย้อนอดีตกลับไปยังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กันที่ “ช่องเขาขาด” หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ “ช่องไฟนรก” (Hellfire Pass) ที่นี่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำในช่วงนั้น เพราะบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะ และเป็นจุดที่เชลยศึกและกรรมกรจะต้องขุดภูเขาให้เป็นช่อง เพื่อเปิดเส้นทางให้รถไฟสามารถวิ่งผ่านไปได้

ในสมัยนั้น มีเชลยศึกและกรรมกรบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จากทั้งโรคระบาด ภาวะขาดแคลนน้ำและอาหาร รวมถึงการบาดเจ็บจากการทำงาน ที่ต้องใช้มือขุดสกัดภูเขาหิน อีกทั้งยังต้องเร่งทำงานทั้งกลางวันและกลางคือ โดยในช่วงค่ำคืนนั้นจะอาศัยแสงไฟจากคบเพลิงที่สำท้อนให้เห็นเงาของคนทำงาน จนทำให้ที่นี่ได้รับการเรียกขานว่า ช่องไฟนรก
ไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต ณ ช่องเขาขาด
ปัจจุบัน พื้นที่ในบริเวณนี้ได้รับการออกแบบและปรับปรุง โดยความร่วมมือของรัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลีย จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ ภาพถ่าย และบรรยากาศในสมัยนั้นมาไว้ รวมถึงพื้นที่ด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ จะมีเส้นทางเดินลัดเลาะลงไปยังเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่มีการปรับแต่งพื้นที่ให้สามารถเดินชมยังจุดต่างๆ ได้ โดยจะมีเครื่องมือบรรยายและหูฟังให้ยืม เวลาเดินไปตามจุดต่างๆ ก็สามารถกดหมายเลขที่เครื่องบรรยายเพื่อรับฟังข้อมูลได้

บนเส้นทางรถไฟสายมรณะนั้น บางจุดยังคงมีรางรถไฟให้เห็นอยู่บ้าง ตลอดสองข้างทางเป็นป่าครึ้ม มีจุดที่จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้ในการก่อสร้างทางรถไฟ และมีจุดที่แสดงความไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิต ณ ที่นี้
แพพักริมแม่น้ำแควน้อย
ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ นอกจากจะมาเที่ยวที่กาญจนบุรีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ การมานั่งพักผ่อนสบายๆ ริมสายน้ำ เราจึงขอเลือกมาพักผ่อนกันที่ “River Kwai Jungle Rafts” ซึ่งเป็นแพพักริมแม่น้ำแควน้อย เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม เพราะเพียงเดินออกมาหน้าห้องก็ได้สัมผัสกับสายน้ำไหลเย็นอย่างเต็มอิ่มแล้ว
โรงเรียนในชุมชนบ้านมอญ
นอกจากจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแล้ว ยังสามารถไปชมวิถีชีวิตของชาวมอญที่หมู่บ้านมอญ ด้านหลังที่พัก ซึ่งในหมู่บ้านนั้นก็จะมีทั้งร้านค้า โรงเรียน วัด และ ปางช้างเล็กๆ
ช่วยกันดูแลช้างชรา
พูดถึงปางช้างแล้ว ในกาญจนบุรีก็มีอีกหนึ่งสถานที่ที่รวบรวมช้างหลายๆ เชือกมาอยู่รวมกัน นั่นคือ “บ้าน ช.ช้างชรา” (Elephant’s World) แต่ที่นี่นั้นเป็นสถานที่ดูแลช้างวัยเกษียณ ช้างพิการ และช้างที่ถูกปลดระวางจากการทำงาน
กิจกรรมอาบน้ำให้ช้าง
ช้างแต่ละเชือกเมื่อเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วก็จะได้รับการดูแลโดยอาสาสมัคร ซึ่งที่นี่ถือเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร จึงต้องอาศัยการรับบริจาคจากผู้ใจบุญ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในลักษณะของจิตอาสา ที่จะเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกับช้าง อย่างเช่น การร่วมปลูกต้นไม้ที่เป็นพืชอาหารให้ช้าง ร่วมกันกวนข้าวเหนียวเพื่อป้อนช้างชรา ลงไปอาบน้ำให้ช้าง เป็นต้น โดยทางศูนย์จะจัดโปรแกรมให้นักท่องเที่ยวทั้งแบบที่มาทำกิจกรรมแบบวันเดียว และแบบค้างคืน
สักการะหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ที่เขื่อนศรีนครินทร์
ไม่ไกลจากบ้าน ช.ช้าง ชรา มากนัก ก็ยังมีอีกจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง “เขื่อนศรีนครินทร์” ซึ่งตัวเขื่อนนั้นเป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่สร้างขึ้นบนแม่น้ำแควใหญ่ อ.ศรีสวัสดิ์ นอกจากจะกักเก็บน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรแล้ว ที่นี่ก็ยังมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรองอีกด้วย
ชมทิวทัศน์รอบๆ เขื่อน
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่เขื่อน มาถึงแล้วก็ต้องมาสักการะ “พระพุทธสิริสัตตราช” หรือ “หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์” ที่ประดิษฐานอยู่บริเวณสันเขื่อน ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าหลวงพ่อมีพุทธานุภาพ สามารถบันดาลให้ฝนต้องตามฤดูกาล ยังความชุ่มเย็นแก่พื้นที่ได้

สักการะหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์แล้ว ก็มาเดินชมทิวทัศน์กว้างไกลบนสันเขื่อน จะเห็นภูเขาหลายๆ ลูก ตั้งอยู่กลางน้ำ เป็นความเขียวขจีของต้นไม้ที่อยู่กลางสายน้ำเย็นฉ่ำ ดูแล้วชื่นตาชื่นใจมากจริงๆ
ภายในวัดทิพย์สุคนธาราม
นอกจากองค์หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ที่ จ.กาญจนบุรี ยังมีพระพุทธรูปอีกองค์ซึ่งเป็นพระปางขอฝน ประดิษฐานอยู่ที่ “วัดทิพย์สุคนธาราม” อ.ห้วยกระเจา ซึ่งพระพุทธรูปดังกล่าวมีชื่อว่า “พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถ คันธารราฐอนุสรณ์ ในพระบรมราชินูปถัมถ์” เป็นพระพุทธรูปปางขอฝนทรงยืนที่หล่อด้วยโลหะสำริด ความสูง 32 เมตร และได้ถูกกล่าวได้ว่าเป็นพระพุทธรูปสำริดที่สูงที่สุดในประเทศไทย

ความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้ เริ่มจากที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม มีความตั้งใจที่จะสร้างพระพุทธรูป องค์ใหญ่ สูง 32 เมตร ที่สื่อถึงอาการแห่งกายครบบริบูรณ์ทั้ง 32 ประการของมนุษย์ เพื่อเป็นศูนย์รวมความเคารพ สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนอีกแห่งหนึ่ง และเป็นอนุสรณ์แด่พระพุทธรูปแห่งบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน โดยเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถ คันธารราฐอนุสรณ์” ซึ่งมีความหมาย 3 ประการ ได้แก่ 1.เป็นพระพุทธรูป ซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชนชาวไทยและชาวโลก 2. เป็นพระพุทธรูป ซึ่งเป็นที่พึ่งของ 3 โลก อันได้แก่ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และยมโลก และ 3.เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระพุทธรูปแห่งบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน
พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถ คันธารราฐอนุสรณ์
พระพุทธเมตตาฯ ยังเป็น 1 ใน 24 ไฮไลต์แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศที่ได้รับการคัดเลือก จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในแคมเปญ “เขาเล่าว่า...” ที่มีความเชื่อว่า “หากใครที่ได้มากราบสักการะแล้ว ชีวิตจะพบแต่ความสุขร่มเย็น ดั่งแผ่นดินที่ได้รับความเย็นจากสายฝน”

และภายในวัดทิพย์สุคนธาราม นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเมตตาฯ แล้ว ก็ยังเป็นที่ตั้งของ “อุทยานพระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ ในพระบรมราชินูปถัมถ์” อีกด้วย โดยพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นสวนอยู่รอบบริเวณองค์พระ ที่ถูกออกแบบไว้อย่างสวยงามเน้นความเป็นไทย นำองค์ประกอบและวัสดุพื้นถิ่นมาใช้ เน้นความนอบน้อมต่อธรรมชาติ ให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับธรรมชาติโดยรอบ และบริเวณจุดธูป-เทียน ทำจากหินอ่อนแลดูสวยงาม และยังมีบริเวณสวนป่าพุทธอุทยาน ที่ลานปฏิบัติธรรมและศาลาพักผ่อน ให้พุทธศาสนิกชนได้ใช้บริการในการปฏิบัติธรรม

มาเที่ยวในหน้าฝนแบบนี้ แม้ท้องฟ้าจะไม่สวยสดใสเหมือนในหน้าร้อนหรือหน้าหนาว แต่ความเย็นชุ่มฉ่ำของสายฝนก็ช่วยทำให้เราได้เย็นกายเย็นใจ รู้สึกสดชื่นกันได้ตลอดทริป
พระปางขอฝน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี โทร. 0-3451-1200
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น