"เชียงราย" เป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคเหนือที่ทุกๆ ฤดูหนาว จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเดินทางไปเยี่ยมเยือนเพื่อชมความงามของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย โดยเฉพาะการไปเที่ยวภู-ดอย ชมทะเลหมอกสวยๆ อันเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย
วันนี้ทีมข่าวท่องเที่ยวมี 4 ภูน่าเที่ยวของจังหวัดเชียงรายมาแนะนำกัน โดยทั้ง 4 แห่งนี้มีพื้นที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน บางแห่งเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว และบางแห่งก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ที่สวยงามน่าชม
ภูชี้ฟ้า
ถ้าให้นึกถึงสถานที่ชมทะเลหมอกอลังการ แน่นอนว่า “ภูชี้ฟ้า” ต้องเป็นหนึ่งในนั้น
“ภูชี้ฟ้า” ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานภูชี้ฟ้า บ้านร่มฟ้าไทย อ.เทิง จ.เชียงราย บนรอยต่อของเส้นแบ่งพรมแดนไทย-ลาว เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยผาหม่นที่เป็นดังหลังคาเชียงราย มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,628 เมตร มีรูปพรรณสัณฐานอันโดดเด่นด้วยลักษณะเป็นหน้าผาตัด ยอดภูเป็นเหลี่ยมแหลมทิ่มแทงฟ้า
นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมทิวทัศน์และทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้ากันตั้งแต่เช้ามืดท่ามกลางอากาศหนาวเย็นและลมพัดแรง โดยจากบริเวณจุดจอดรถจะต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 700 เมตรก็จะถึงยอดภูชี้ฟ้า แต่ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวมักแวะรอชมพระอาทิตย์ขึ้นระหว่างทาง เพื่อให้เห็นจุดชมวิวมุมยอดนิยมที่ปรากฏเป็นภาพสัญลักษณ์ของภูชี้ฟ้า นั่นคือจุดที่สามารถมองเห็นยอดแหลมของภูที่ชี้พุ่งไปสู่ท้องฟ้า ท่ามกลางทะเลหมอกหนาเป็นปุย พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และแนวยอดภูเบื้องล่างได้อย่างลงตัวงดงาม
หลังจากดวงตะวันค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้า แสงแดดสีส้มจะสาดส่องทำให้ทะเลหมอกกลายเป็นสีทอง เป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก เราสามารถเดินขึ้นไปชมความงามนี้ได้บนยอดภูชี้ฟ้าที่มีลักษณะเป็นยอดหน้าผาตัด มองลงไปเห็นทิวทัศน์ได้หลายมุม โดยเฉพาะภาพทะเลหมอกยามเช้าของที่นี่ในยามฟ้าเปิดเรียกได้ว่ามีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว
“(ภู)ผาตั้ง”
“ดอยผาตั้ง” หรือที่ขอเรียกให้เข้าคู่กับที่อื่นๆ ว่า "ภูผาตั้ง" ตั้งอยู่ที่บ้านผาตั้ง ต.ปอ อ.เวียงแก่น เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยผาหม่นเช่นเดียวกับภูชี้ฟ้า มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,635 เมตร และอยู่ห่างจากภูชี้ฟ้าไปประมาณ 25 ก.ม. โดยเป็นภูเขากั้นเขตแดนไทย-ลาว ถือเป็นจุดชมวิวชั้นดีที่ชมพระอาทิตย์ได้ทั้งในยามเช้าและเย็น โดยในตอนเช้าก็จะได้ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นอย่างสวยงาม ส่วนยามเย็นถือเป็นจุดชมทิวทัศน์และจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งามไม่แพ้ใคร
จากจุดจอดรถสามารถเดินขึ้นภูเขามายังจุดชมวิวบริเวณเนิน 102 และเนิน 103 ได้ไม่ไกลนัก ใครขี้เกียจเดินจะนั่งบนหลังม้าชมวิวที่ชาวบ้านแถบนั้นเขาจัดไว้บริการก็ได้ และระหว่างทางขึ้นไปสู่จุดชมวิวยังมี “ผาบ่อง” ที่เป็นดังประตูสยามสู่ประเทศลาว มีลักษณะเป็นช่องหินขนาดใหญ่ที่คนเดินลอดได้อยู่ในแนวหน้าผา มองไปเห็นวิวประเทศลาวได้อย่างชัดเจน
“ผาบ่อง” ยังเป็นสถานที่ที่มีตำนานเรื่องเล่าที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชูให้เป็นไฮไลต์ในโครงการ “เขาเล่าว่า...” โดยเล่ากันว่าที่นี่คือประตูรักแห่งขุนเขา เป็นช่องหินแข็งแกร่งที่นิ่งสงบนับล้านปี เป็นแหล่งสะสมพลังงานแห่งความรัก เชื่อว่าหากได้จับมือคนรักเดินลอดผาบ่องแล้วจะเสริมความรักให้แข็งแกร่งดั่งภูผา
ไม่ไกลจากผาบ่องยังมี “ช่องเขาขาด” เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสวยๆ มีลักษณะเป็นช่องเขาแคบๆ ที่ขาดแยกออกจากกัน สามารถไปยืนรับลมชมวิวของประเทศลาวได้เป็นอย่างดี เลยช่องเขาขาดขึ้นมาจะเป็นเนิน 102 เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลงดงาม
นอกจากนี้บนแนวเทือกเขาภูผาตั้ง ยังมี “ศาลาอนุสรณ์นายพลหลี่”ให้เที่ยวชมรำลึกในวีรกรรม มี “พระพุทธมังคลานุภาพลาภสุขสันติ” ให้ผู้ที่ขึ้นไปได้กราบไหว้สักการบูชา มี “ป่าหินยูนนาน” เป็นกลุ่มหินธรรมชาติรูปร่างประหลาดขึ้นเรียงรายมีขนาดพื้นที่พอประมาณ
ภูชี้ดาว
มีภูชี้ฟ้าแล้วก็ต้องมี “ภูชี้ดาว” แหล่งท่องเที่ยวของเชียงรายที่เพิ่งเป็นที่รู้จักเมื่อไม่นานมานี้ แต่ด้วยวิวทิวทัศน์อันงดงามก็ทำให้หลายคนตั้งใจว่าหนาวนี้จะไปเที่ยวภูชี้ดาวดูบ้าง
สำหรับภูชี้ดาว ตั้งอยู่ที่บ้านร่มโพธิ์เงิน ม.11 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เป็นสันเขาแคบๆ ที่สามารถขึ้นไปชมวิวได้แบบ 360 องศา ยอดภูยื่นออกไปกลางขุนเขาที่สูงชัน ปกคลุมด้วยผืนหญ้าและป่าไม้ โดยทางเดินไปสู่ยอดภูได้สร้างรั้วไม้ไปตลอดแนวเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ ที่นี่จะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามยิ่งนัก มองเห็นเเป็นทะเลหมอกหนาเป็นปุย มียอดเขาที่โผล่พ้นหมอกขึ้นมาให้เห็นอย่างมีเสน่ห์ และวันไหนถ้าไม่มีเมฆบังก็สามารถมองเห็นยอดภูชี้ฟ้าได้ชัดเจนอีกด้วย
ใครอยากไปชมบรรยากาศสวยๆ ของภูชี้ดาว จะต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น โดยแนะนำให้ใช้บริการรถของชาวบ้านในพื้นที่ที่ชำนาญเส้นทางจะดีกว่า โดยจากจุดจอดรถจะต้องเดินเท้าต่อไปบนยอดภูชี้ดาวอีก ราว 350 เมตร และจะต้องใช้ความระมัดระวังให้มากเพราะบริเวณสันเขาบนยอดภูชี้ดาวมีพื้นที่ไม่มากนัก และสองด้านเป็นเหวลึก แต่วิวก็สวยสุดใจเช่นกัน
ภูชี้เดือน
มาถึงภูน้องใหม่ล่าสุดของเชียงรายคือ “ภูชี้เดือน” ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้เอง โดยภูชี้เดือนเป็นเทือกเขาชายแดนไทย-ลาว ตั้งอยู่ที่บ้านร่มฟ้าหลวง ม.12 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย อยู่ห่างจากภูชี้ฟ้าไปประมาณ 8 ก.ม.
สภาพภูมิประเทศของภูชี้เดือนเป็นเนินเขาที่ทอดตัวเป็นแนวยาวไปตามแนวชายแดนฝั่งไทย อีกด้านเป็นพื้นที่ของฝั่ง สปป.ลาว ลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน และมียอดภูชี้เดือน ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,743 เมตร ตั้งโดดเด่นอยู่ระหว่างภูชี้ฟ้าและผาตั้ง และด้วยความสูงของภูชี้เดือน ที่สูงกว่ายอดภูเขาลูกอื่นทำให้สามารถมองเห็นยอดภูชี้ฟ้า ผาตั้ง ภูชี้ดาว ได้พร้อมกันทั้ง 3 ลูกเลยทีเดียว
ที่ภูชี้เดือนนี้ก็เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้อีกสามแห่งที่กล่าวมาแล้ว ใครอยากขึ้นไปชมบรรยากาศด้านบนก็สามารถใช้บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวของชาวบ้านที่มาช่วยกันดูแล โดยคิดราคาขาขึ้น-ลงคนละ 100 บาท
ทั้ง 4 ภูที่กล่าวมานี้ต่างก็ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน และยังมีความสวยงามสูสีกันอีกต่างหาก หนาวนี้ใครจะไปเที่ยวเชียงราย คิดออกหรือยังว่าจะไปเที่ยวที่ภูไหนดี ถ้ายังเลือกไม่ได้ ไปเที่ยวกันให้ครบทั้ง 4 ภูนี่แหละดีที่สุด ใครมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ ททท.เชียงราย โทร. 0 5371 7433, 0 5374 4674-5
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com