โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
วสันตฤดู
ฝนโปรยสาย ป่าไพรชุ่มฉ่ำ
มวลหมู่ดอกไม้ป่าหลากหลาย ต่างพากันผลิดอกออกใบอวดโฉมความงามเริงร่าท้าสายฝน แต่งแต้มสีสันให้กับผืนป่าไพร
ทุ่งดอกไม้ป่าบางแห่งยามเมื่อพร้อมใจกันออกดอกเบ่งบาน จะกลายเป็นดังสวรรค์น้อยๆกลางผืนไพร ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปสัมผัสในความงดงามปานเนรมิต ชนิดที่ใครหลายๆคนเมื่อได้มาประสบพบเจอ ต่างเกิดความหลงใหลประทับใจยากลืมเลือน จนต้องกลับมาเยือนอีกครั้ง หรือหลายๆ ครั้ง
และนี่ก็คือ 5 สถานที่ชมดอกไม้ป่าหน้าฝนที่ขึ้นชื่อของเมืองไทย ซึ่งหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว หากใครพลาดคงต้องรออีกทีปีหน้า
ทุ่งดอกกระเจียว ป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ
สถานที่แรก ผมขอเริ่มต้นด้วยการชวนไปชมความงามของ“ทุ่งดอกกระเจียว” ที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ หรือที่เรียกสั้นๆว่า “ทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงาม” ซึ่งแต่ละปีทุ่งกระเจียวที่นี่จะออกดอกบานในราวเดือนมิถุนายนไปจนถึงสิงหาคม(บวก-ลบ 2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับสภาพฝนฟ้าอากาศ หรือบางปีฝนมาล่าอาจจะเลื่อนมาบานในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.)
กระเจียว เป็นพืชล้มลุกสกุลเดียวกับขมิ้น อยู่ในวงขิง, ข่า, ขมิ้น ขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน กระเจียวจะจำศีลหลับใหลอยู่ใต้ดิน แต่พอถึงหน้าฝนพวกมันก็จะพากันออกดอกผลิบานเริงร่าท้าทายสายฝนที่โปรยสายลงมา ทำให้ดอกกระเจียวได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งป่าฝน” เพราะเป็นหนึ่งในดอกไม้งามที่มาพร้อมกับหน้าฝนโดยแท้จริง
ดอกกระเจียว มีกลีบดอกซ้อนกันหลายชั้น และมีหลากสีสัน ทั้ง ชมพู ขาว เขียว แดง ส้ม ดอกอ่อนของกระเจียวบางชนิดสามารถกินได้
กระเจียว ยามเมื่อมันออกดอกเดี่ยวๆก็มีความสวยงามอยู่ในตัวของมันเอง จากสีสันและรูปทรงของดอกที่มีกลีบงามบานเป็นเชิงชั้น ส่วนเมื่อมันพร้อมใจกันเบ่งบานเต็มท้องทุ่ง มนต์เสน่ห์ของมันก็ยิ่งเพิ่มทวีขึ้น เกิดเป็น“ทุ่งดอกกระเจียว”แสนสวยที่ช่วยแต่งแต้มสีสันความงามให้กับฤดูฝนได้เป็นอย่างดี
สำหรับทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามนั้น ถือเป็นจุดชมทุ่งดอกกระเจียวยอดนิยมอันดับหนึ่งของบ้านเรา เพราะเป็นทุ่งดอกกระเจียวผืนใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่
ดอกกระเจียวที่นี่จะมีสีชมพูอมม่วงอ่อน ยามที่มันออกดอกเบ่งบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่ง สีชมพูอมม่วงของมันจะตัดกับสีเขียวสดของทุ่งหญ้าเพ็ก โดยมีต้นไม้ ก้อนหินใหญ่น้อย และผืนป่าเต็งรังเบื้องหลังเป็นองค์ประกอบสำคัญ ดูสวยงามน่าประทับใจไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้าตรู่(ของวันอากาศเป็นใจ) ยามเมื่อมีสายหมอกขาวลอยอ้องอิ่งเข้ามาปกคลุมแบบพองาม ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามจะพากันชูช่อไสว ดูงดงามสดใสไปด้วยกลีบดอกที่มีน้ำค้างเกาะพราว ท่ามกลางสายหมอกขาวที่ลอยห่มคลุม ดูงดงามประหนึ่งภาพฝัน อันทำให้เกิดเป็นสโลแกน “หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว” ซึ่งสะท้อนถึงความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามแห่งนี้
อย่างไรก็ดีในการชมทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามนั้น ต้องเดินไปตามเส้นทางที่กำหนด ห้ามลงไปเดินเหยียบย่ำดอกกระเจียวเสียหาย ห้ามลงไปถ่ายรูปเซลฟี่ใกล้ๆดอกไม้ในแปลงทุ่งดอกกระเจียว และก็ห้ามเด็ด ดึง หัก ทำลายดอกกระเจียวเด็ดขาด หากใครไม่เชื่อฟัง ฝ่าฝืนก็จะถูกปรับ(เป็นอุทาหรณ์)ตามที่อุทยานฯกำหนด
ส่วนใครที่คิดว่าไม่มีเจ้าหน้าที่เห็น จะลงไปเดินถ่ายรูปใกล้ชิดกับดอกไม้ งานนี้หากมีนักท่องเที่ยวเห็นแล้วถ่ายรูปนำมาโพสต์ลงโลกออนไลน์ บางทีอาจจะโดนหนักกว่าการโดนปรับอีกก็เป็นได้
นอกจากทุ่งดอกกระเจียวอันสวยงามแล้ว อุทยานฯป่าหินงามยังมี “จุดชมวิวสุดแผ่นดิน” ที่อยู่ใกล้ๆ กับทุ่งดอกกระเจียว(ช่วงบน)
จุดชมวิวสุดแผ่นดินเป็นชะง่อนผาชัน บริเวณจุดที่สูงสุดของเทือกเขาพังเหย เป็นรอยต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง ซึ่งเมื่อมองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ของผืนป่าซับลังกาในเบื้องล่างได้อย่างสวยงามกว้างไกล
อุทยานฯป่าหินงามยังมีอีกหนึ่งของดีนั่นก็คือ “ลานหินงาม” ซึ่งเป็นพื้นที่ลานหินที่เต็มไปด้วยประติมากรรมหินธรรมชาติรูปร่างประหลาดแปลกตา ชวนให้จินตนาการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หินถ้วยฟีฟ่า หินปราสาท หินแม่ไก่ยักษ์ หินถ้ำมอง และหิน(ฐาน)เรดาร์ เป็นต้น
นับเป็นอีกหนึ่งจุดไม่ควรพลาดสำหรับผู้มาเยือนอุทยานฯป่าหินงาม
ทุ่งดอกกระเจียว ไทรทอง จ.ชัยภูมิ
ยังคงอยู่กับความงามของทุ่งดอกกระเจียว กันที่ ทุ่งดอกกระเจียว “อุทยานแห่งชาติไทรทอง” อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมทุ่งดอกกระเจียวเลื่องชื่อของเมืองไทย
ทุ่งดอกกระเจียวที่อช.ไทรทองจะออกดอกบานช้ากว่าที่อช.ป่าหินงามประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ว่าดอกจะมีสีสันสดกว่าที่ป่าหินงาม และมีประมาณ 5 แปลงให้เดินชมกันท่ามกลางบรรยากาศผืนป่าอันสวยงาม ของทุ่งดอกกระเจียวสีม่วงอมชมพูเข้มที่พากันออกดอกชูช่อเด่นหราตัดกับท้องทุ่งหญ้าสีเขียว ดูงดงามน่าประทับใจ
ส่วนที่พิเศษก็คือ ที่อุทยานฯไทรทองยังมีดอกกระเจียวสีขาว(ดอกจะเล็กกว่ากระเจียวสีม่วงอมชมพู)ขึ้นแซมอยู่เป็นจำนวนมาก ตามดงหญ้า ถือเป็นหนึ่งในจุดชมดอกกระเจียวขาวที่น่าสนใจมาก
นอกจากนี้ที่อุทยานฯไทรทองยังมี “น้ำตกไทรทอง” อันสดชื่นชุ่มฉ่ำให้เที่ยวชม มีจุดชมวิวทิวทัศน์ตามหน้าผาต่างๆ อาทิ ผาพ่อเมือง ผาเพลินใจ ผาสวนสวรรค์ และ“ผาหำหด” ที่มีชื่อสะดุดหู กับหน้าผาสูงสุดเสียวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไปนั่ง-ยืนวัดใจที่หน้าผาแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก
เปราะภูขาว ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก
จากทุ่งดอกกระเจียว มาชมความงามของดอกเปราะภูกันบ้าง
เปราะภูเป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลขิง ข่า มีเหง้าอยู่ใต้ดิน พอได้รับน้ำฝนเหง้าก็จะแตกตัวแทงยอดขึ้นมาตามพื้นดินและซอกหิน พร้อมออกดอกเบ่งบาน มีทั้งสีขาว ชมพู เหลือง นับเป็นอีกหนึ่งดอกไม้ป่าที่มาพร้อมๆ กับฤดูฝน
สำหรับจุดชมดอกเปราะภูขึ้นชื่อนั้นอยู่ที่ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง” อ.ภูหลวง จ.เลย ซึ่งจะมีทุ่งดอกเปราะภูสีชมพูอันสวยงามให้ชม แต่ว่าปัจจุบันทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงได้ปิดป่าในช่วงหน้าฝน เพื่อให้ป่าฟื้นตัวจึงไม่สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้
อย่างไรก็ดีก็ยังมีสถานที่ชมดอกเปราะภูหน้าฝนที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง คือที่ “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
ดอกเปราะภู ภูหินฯ เป็นดอกเปราะภูสีขาว ส่วนใหญ่จะออกดอกในช่วงระหว่างปลายเดือน มิ.ย.- ราวๆกลางเดือน ส.ค. มีช่วงที่ออกดอกประมาณ 1 เดือน โดยจะมีช่วงที่ออกดอกบานเต็มที่เป็นจำนวนมาก ประมาณ 2 สัปดาห์
สำหรับจุดชมดอกเปราะภูขาวที่ภูหินร่องกล้า หลักๆจะอยู่ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ “ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก”(เป็นเส้นทางวงรอบ ระยะทางประมาณ 2,460 เมตร) โดยเฉพาะบริเวณช่วงก่อนถึงลานหินปุ่ม จะมีดอกเปราะภูขาวราวสำลีเบ่งบานตามพื้นดินและซอกหินอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากดอกเปราะภูขาวแล้ว บริเวณใกล้ๆกับลานหินปุ่มในช่วงหน้าฝนยังมีดอกไม้ป่าอีกหลากหลายชนิดบานอวดโฉมความงาม ไม่ว่าจะเป็น “ลิ้นมังกร” สีส้มสดเด่นที่ออกดอกอยู่ตามพื้นดิน, “กุหลาบขาว” ที่ออกดอกประปรายสีขาวนวลเด่น, “เอนอ้า” สีชมพูอมม่วงสดใสที่นอกจากแถวลานหินปุ่มแล้วยังมีให้เห็นกันเกือบตลอดเส้นทาง
รวมถึงมี “เอื้องตาเหินไหว” ที่ออกดอกสีขาวชูช่อเป็นริ้วพลิ้วไหวอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ใน 3-4 จุด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งดอกไม้ดาวเด่นประจำฤดูฝนแห่งภูหินร่องกล้า
ขณะที่จุดท่องเที่ยวเด่นๆในเส้นทางสายนี้ก็มี “ซันแครก” แนวหินตามธรรมชาติมีลักษณะเป็นชั้นๆ ริ้วๆ “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล และ “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลต์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับจุดชมวิวบนหน้าผาหินที่มีรูปลักษณ์อันโดดเด่นแปลกตา มีก้อนหินกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกเป็นปุ่มละลานเต็มพื้นที่ของลานหินกว้าง สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา
อช.ภูหินร่องกล้ายังมี“น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงหน้าฝนจะมีสายน้ำหลั่งไหลสวยงามแล้ว ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคม น้ำตกหมันแดงจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร”(คนละชนิดกับบริเวณลานหินปุ่ม) ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด
นับเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกไม้งามยามหน้าฝนบนภูหินร่องกล้าที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ อุ้มผาง จ.ตาก
มาถึงสถานที่ชมดอกไม้ป่าแสนสวยลำดับที่ 4 อยู่ที่ ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก กับจุดชมทุ่งดอก “เทียนปีกผีเสื้อ”อันสวยงาม
ดอยหัวหมด เป็นขุนเขาทอดตัวเป็นแนวยาวติดต่อกันหลายลูกราว 30 กม. บนดอยหัวหมดมีสภาพเตียนโล่งปราศจากต้นไม้ใหญ่ สมชื่อดอยหัวหมด
อย่างไรก็ดีบนความเตียนโล่งของดอยหัวหมดนั้น ไม่ได้เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า แต่นี่เกิดจากการที่ดอยหัวหมดเป็นแหล่งแร่โดโลไมต์ที่ต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้ มีเพียงต้นไม้เล็กๆ เตี้ยๆ และต้นหญ้าขึ้นอยู่เท่านั้น
ดอยหัวหมดจัดเป็นจุดชมวิวชั้นดี บนยอดดอยหลายๆลูกสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองอุ้มผางได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น พระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง
สำหรับในช่วงหน้าฝนราวเดือน ก.ค.-ก.ย. ดอยหัวหมดมีความพิเศษเพิ่มขึ้น เนื่องจากตามพื้นดินบนดอยจะเต็มไปด้วย “ดอกเทียนปีกผีเสื้อ” ที่พร้อมใจกันเบ่งบานเป็นทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้ออันสวยงาม และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
เทียนปีกผีเสื้อ เป็นพืชเฉพาะถิ่น ขึ้นตามหินปูนที่โล่ง ในระดับความสูงจนถึง 1,000 เมตร มีรายงานการค้นพบที่จังหวัดตาก และกาญจนบุรี โดยพบมากที่ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก
ดอกเทียนปีกผีเสื้อ เป็นดอกไม้ที่เบ่งบานในช่วงหน้าฝน มีดอกสีชมพูอมม่วงสดใส รูปร่างดอกดูคล้ายปีกผีเสื้อสมชื่อ สำหรับดอกเทียนปีกผีเสื้อที่ดอยหัวหมดจะออกดอกบานสะพรั่งเป็นทุ่งๆไปทั่วในหลายจุดหลายพื้นที่ของดอย ช่วงแต่งแต้มสีสันของ อ.อุ้มผาง แผ่นดินดอยลอยฟ้ายามหน้าฝนให้น่าเที่ยวชมและชวนค้นหามากขึ้น
นอกจากดอกเทียนปีกผีเสื้อแล้ว อ.อุ้มผางหน้าฝน ยังมีสิ่งน่าสนใจให้ชวนเที่ยวชมอีก อาทิ จุดชมวิวบนดอยหัวหมด กิจกรรมล่องแก่งอุ้มผางคี เดินป่าพิชิตดอยสามหมื่น เที่ยวน้ำตกทีลอจ่อ น้ำตกปะหละทะ เดินป่าพิชิตน้ำตก“ปิตุโกร” น้ำตกรูปหัวใจที่สูงที่สุดในเมืองไทย(สูงกว่า 500 เมตร) ซึ่งหนึ่งปีจะมีน้ำให้ชมเฉพาะในฤดูฝนเพียงสี่เดือน คือ ส.ค. - พ.ย. โดยช่วงที่สวยที่สุดจะอยู่ในช่วง ส.ค.-ก.ย.
รวมถึงอีกหนึ่งจุดไฮไลต์คือการพิชิตน้ำตก“ทีลอซู”น้ำตกอันยิ่งใหญ่ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในเมืองไทย ซึ่งในช่วงหน้าฝนนั้นห้ามรถวิ่งเข้า แต่สามารถไปเที่ยวได้ด้วยการล่องแก่งเข้าไป แล้วต่อด้วยการเดินเท้าสู่ตัวน้ำตกทีลอซูอีกต่อหนึ่ง ถือว่าได้บรรยากาศผจญภัยไปอีกแบบ
ทุ่งดอกหงอนนาค ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
ปิดท้ายกันด้วยจุดชมดอกไม้ป่าลำดับที่ 5 กับ “ทุ่งดอกหงอนนาค” บนภูสอยดาว ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์
ภูสอยดาวเป็นภูยอดตัด บนยอดภูเป็นลานสนกว้างใหญ่มีเนื้อที่ราว 3,000 ไร่ บนนั้นมีความพิเศษหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลานสนสามใบตามธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เป็นลานสน 2 แผ่นดิน เพราะมีอาณาเขตติดสปป.ลาว มีหลักกิโลเมตรแบ่งเขตแดนชัดเจน
ลานสนบนภูสอยดาวมีสภาพทั่วไปเป็นที่ราบสลับกับเนินสูงๆต่ำๆ ตามพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าจะมีดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดออกดอกหมุนเวียนอวดโฉมความงามกันอยู่ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น เอนอ้า สร้อยสุวรรณา ชมพูนุช ชมพูเชียงดาว เหลืองพิศมร ฯลฯ
ที่สำคัญคือบนนี้เป็นแหล่ง“ทุ่งดอกหงอนนาค”อันสวยงาม และมีขนาดใหญ่จนได้ชื่อว่า“ภูสอยดาวเป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในเมืองไทย”
ดอกหงอนนาค เป็นพืชล้มลุกที่มีดอกออกทั้งปี มีทั้งดอกสีชมพูอมม่วง สีม่วงน้ำเงิน และสีขาว ดอกหงอนนาคเป็นดอกไม้ที่หุบยามเช้า แต่จะบานในเมื่อมีแสงแดด และส่วนล่างของดอกมักจะมีน้ำค้างเกาะติดอยู่เป็นหยดใสสวยงาม จนได้ชื่อว่า “น้ำค้างกลางเที่ยง” ขณะที่ชื่ออื่นก็มี หญ้าหงอนเงือก หงอนเหงือก
ดอกหงอนนาคบนภูสอยดาวหลักๆแล้วจะเป็นดอกสีชมพูอมม่วง แต่ก็มีดอกหงอนนาคสีขาวขึ้นแซมบ้างอยู่นิดหน่อย แต่ต้องสอดส่ายสายตาหาให้ดี
ดอกหงอนนาค ภูสอยดาวจะออกดอกเบ่งบานเต็มที่ในช่วงกลางฤดูฝน ราวเดือน ส.ค.-ก.ย. ซึ่งจะพร้อมใจกันออกดอกเบ่งบานดารดาษไปทั่วบริเวณ ย้อมลานสนให้เป็นสีชมพูอมม่วงดูสวยงาม ตัดกับสีเขียวของทุ่งหญ้าและบรรดาต้นสนที่ขึ้นปกคลุม แลดูสวยงามปานเนรมิต
นอกจากทุ่งดอกหงอนนาคแสนสวยแล้ว บนภูสอยดาวยังมีสิ่งน่าสนใจเด่นๆให้เที่ยวชมกัน อาทิ
- จุดชมวิวตามหน้าผาต่างๆ รวมถึงวิวทิวทัศน์ในทางเดินขึ้นช่วงสุดท้าย(เนินส่งญาติ)ที่สวยงามน่ายลมาก
-“หลักเขต 2 แผ่นดิน” หรือ “หลักเขตชายแดนไทย-ลาว” ซึ่งเป็นการก่อสร้างร่วมกันอย่างเท่าเทียม ด้วยคนไทย 30 คน คนลาว 30 คน มาช่วยกันก่อหลักเขตกันคนละครึ่ง โดยแต่ละชาติต้องขนปูนขนทรายมาเอง แล้วก่อสร้างหลักเขตหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวที่ดูแล้วแนบเนียนไม่มีตำหนิ นับเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์บนภูสอยดาวที่ไม่ควรพลาด
-ป่าสนภูสอยดาว เป็นป่าสนสามใบขนาดใหญ่ มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติเป็นวงรอบในระยะทาง 2.28 กิโลเมตร ให้เดินชมธรรมชาติ ชมความงามของทุ่งดอกหงอนนาค และดอกไม้ กล้วยไม้ พืชพันธุ์เล็กๆน้อยๆตามพื้นดิน รวมถึงชมความงดงามของป่าสนที่ขึ้นยืนต้นตั้งตระหง่าน โดยเฉพาะในยามที่มีสายหมอกขาวลอยเข้าห่มคลุมผืนป่าสนนั้น มันช่างดูโรแมนติกชวนฝันเสียนี่กระไร
ขณะที่บริเวณตีนภูสอยดาวหน้าจุดสตาร์ทสู่ยอดภูสอยดาวนั้นมี “น้ำตกภูสอยดาว” ที่มีน้ำใสไหลเย็นชุ่มฉ่ำให้ชื่นชมในความงดงาม
อย่างไรก็ดีการจะขึ้นไปชมทุ่งดอกหงอนนาคแสนสวยบนภูสอยดาวนั้น ต้องออกแรงใช้พละกำลังเดินขึ้นเขาสูงชัน ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชั่วโมง ขึ้นไปเป็นผู้พิชิตภูสอยดาว บนระดับความสูง 1,633 เมตร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 10 เส้นทางเดินป่าอันโหดหินของเมืองไทย
แต่ว่าเมื่อสามารถเดินขึ้นไปเป็นผู้พิชิตได้แล้วจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะธรรมชาติบนภูสอยดาวนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง
และนั่นก็คือ 5 จุดชมดอกไม้ป่าแสนงามยามหน้าฝน กับมนต์เสน่ห์ความงามที่เกิดจากธรรมชาติสรรสร้าง เป็นดังสวรรค์น้อยๆกลางผืนป่า ซึ่งแต่ละแห่งต่างก็มีเสน่ห์ความงามอันน่ายลแตกต่างกันออกไป
ที่สำคัญคือความงดงามของทุ่งดอกไม้ป่าเหล่านี้ มันสามารถช่วยชโลมจิตใจให้เกิดความรู้สึก“ดอกไม้งามเบ่งบานในใจเรา” ได้เป็นอย่างดี
*****************************************
ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จะออกดอกบานในราวเดือนมิถุนายนไปจนถึงสิงหาคม(บวก-ลบ 2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับสภาพฝนฟ้าอากาศ หรือบางปีฝนมาล่าอาจจะเลื่อนมาบานในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.)
ส่วนที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง จะออกดอกบานช้ากว่าที่อช.ป่าหินงามประมาณ 2 สัปดาห์
ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลการบานของทุ่งดอกกระเจียว จ.ชัยภูมิ ได้ที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ที่โทร.0-4489-0105, อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทร.08-9282-3437 หรือที่ ททท. สำนักงานนครราชสีมา(รับผิดชอบพื้นที่นครราชสีมา,ชัยภูมิ) โทร. 0-4421-3030, 0-4421-3666
ดอกเปราะภูสีชมพูสีขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ส่วนใหญ่จะออกดอกในช่วงระหว่างปลายเดือนมิ.ย.- ราวๆกลางเดือน ส.ค. มีช่วงที่ออกดอกประมาณ 1 เดือน โดยจะมีช่วงที่ออกดอกบานเต็มที่เป็นจำนวนมาก ประมาณ 2 สัปดาห์ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร.0-5535-6607, 08-1596-5977 หรือที่ ททท.สำนักงานพิษณุโลก (รับผิดชอบพื้นที่พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907
ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก จะออกดอกบานเต็มท้องทุ่งในช่วงหน้าฝนราวเดือน ก.ค.-ก.ย. ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานตาก โทร.0-5551-4341-3
ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ จะออกดอกเบ่งบานเต็มที่ในช่วงกลางฤดูฝน ราวเดือน ส.ค.-ก.ย. โดย อช.ภูสอยดาว จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปบนลานสนภูสอยดาวและพักค้างบนนั้นได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. - 15 ม.ค. ของทุกฤดูกาล ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โทร. 0-5543-6001 หรือที่ ททท. สำนักงานแพร่” (รับผิดชอบพื้นที่แพร่ น่าน อุตรดิตถ์) โทร. 0-5452-1127
อย่างไรก็ดีสำหรับช่วงเวลาในการบานของเหล่าดอกไม้ป่า ตามที่กล่าวมาข้างต้น แต่ละปีจะมีช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน และจะบานมาก-น้อย แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของปีนั้นๆ ดังนั้นผู้ที่จะไปชมความงามของทุ่งดอกไม้ป่า ควรสอบถามข้อมูลการบานของดอกไม้จากพื้นที่ก่อน ตามเบอร์โทร.ที่ให้ไว้ข้างต้น เพื่อจะได้ไม่ผิดหวัง
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com
วสันตฤดู
ฝนโปรยสาย ป่าไพรชุ่มฉ่ำ
มวลหมู่ดอกไม้ป่าหลากหลาย ต่างพากันผลิดอกออกใบอวดโฉมความงามเริงร่าท้าสายฝน แต่งแต้มสีสันให้กับผืนป่าไพร
ทุ่งดอกไม้ป่าบางแห่งยามเมื่อพร้อมใจกันออกดอกเบ่งบาน จะกลายเป็นดังสวรรค์น้อยๆกลางผืนไพร ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปสัมผัสในความงดงามปานเนรมิต ชนิดที่ใครหลายๆคนเมื่อได้มาประสบพบเจอ ต่างเกิดความหลงใหลประทับใจยากลืมเลือน จนต้องกลับมาเยือนอีกครั้ง หรือหลายๆ ครั้ง
และนี่ก็คือ 5 สถานที่ชมดอกไม้ป่าหน้าฝนที่ขึ้นชื่อของเมืองไทย ซึ่งหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว หากใครพลาดคงต้องรออีกทีปีหน้า
ทุ่งดอกกระเจียว ป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ
สถานที่แรก ผมขอเริ่มต้นด้วยการชวนไปชมความงามของ“ทุ่งดอกกระเจียว” ที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ หรือที่เรียกสั้นๆว่า “ทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงาม” ซึ่งแต่ละปีทุ่งกระเจียวที่นี่จะออกดอกบานในราวเดือนมิถุนายนไปจนถึงสิงหาคม(บวก-ลบ 2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับสภาพฝนฟ้าอากาศ หรือบางปีฝนมาล่าอาจจะเลื่อนมาบานในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.)
กระเจียว เป็นพืชล้มลุกสกุลเดียวกับขมิ้น อยู่ในวงขิง, ข่า, ขมิ้น ขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน กระเจียวจะจำศีลหลับใหลอยู่ใต้ดิน แต่พอถึงหน้าฝนพวกมันก็จะพากันออกดอกผลิบานเริงร่าท้าทายสายฝนที่โปรยสายลงมา ทำให้ดอกกระเจียวได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งป่าฝน” เพราะเป็นหนึ่งในดอกไม้งามที่มาพร้อมกับหน้าฝนโดยแท้จริง
ดอกกระเจียว มีกลีบดอกซ้อนกันหลายชั้น และมีหลากสีสัน ทั้ง ชมพู ขาว เขียว แดง ส้ม ดอกอ่อนของกระเจียวบางชนิดสามารถกินได้
กระเจียว ยามเมื่อมันออกดอกเดี่ยวๆก็มีความสวยงามอยู่ในตัวของมันเอง จากสีสันและรูปทรงของดอกที่มีกลีบงามบานเป็นเชิงชั้น ส่วนเมื่อมันพร้อมใจกันเบ่งบานเต็มท้องทุ่ง มนต์เสน่ห์ของมันก็ยิ่งเพิ่มทวีขึ้น เกิดเป็น“ทุ่งดอกกระเจียว”แสนสวยที่ช่วยแต่งแต้มสีสันความงามให้กับฤดูฝนได้เป็นอย่างดี
สำหรับทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามนั้น ถือเป็นจุดชมทุ่งดอกกระเจียวยอดนิยมอันดับหนึ่งของบ้านเรา เพราะเป็นทุ่งดอกกระเจียวผืนใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่
ดอกกระเจียวที่นี่จะมีสีชมพูอมม่วงอ่อน ยามที่มันออกดอกเบ่งบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่ง สีชมพูอมม่วงของมันจะตัดกับสีเขียวสดของทุ่งหญ้าเพ็ก โดยมีต้นไม้ ก้อนหินใหญ่น้อย และผืนป่าเต็งรังเบื้องหลังเป็นองค์ประกอบสำคัญ ดูสวยงามน่าประทับใจไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้าตรู่(ของวันอากาศเป็นใจ) ยามเมื่อมีสายหมอกขาวลอยอ้องอิ่งเข้ามาปกคลุมแบบพองาม ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามจะพากันชูช่อไสว ดูงดงามสดใสไปด้วยกลีบดอกที่มีน้ำค้างเกาะพราว ท่ามกลางสายหมอกขาวที่ลอยห่มคลุม ดูงดงามประหนึ่งภาพฝัน อันทำให้เกิดเป็นสโลแกน “หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว” ซึ่งสะท้อนถึงความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามแห่งนี้
อย่างไรก็ดีในการชมทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงามนั้น ต้องเดินไปตามเส้นทางที่กำหนด ห้ามลงไปเดินเหยียบย่ำดอกกระเจียวเสียหาย ห้ามลงไปถ่ายรูปเซลฟี่ใกล้ๆดอกไม้ในแปลงทุ่งดอกกระเจียว และก็ห้ามเด็ด ดึง หัก ทำลายดอกกระเจียวเด็ดขาด หากใครไม่เชื่อฟัง ฝ่าฝืนก็จะถูกปรับ(เป็นอุทาหรณ์)ตามที่อุทยานฯกำหนด
ส่วนใครที่คิดว่าไม่มีเจ้าหน้าที่เห็น จะลงไปเดินถ่ายรูปใกล้ชิดกับดอกไม้ งานนี้หากมีนักท่องเที่ยวเห็นแล้วถ่ายรูปนำมาโพสต์ลงโลกออนไลน์ บางทีอาจจะโดนหนักกว่าการโดนปรับอีกก็เป็นได้
นอกจากทุ่งดอกกระเจียวอันสวยงามแล้ว อุทยานฯป่าหินงามยังมี “จุดชมวิวสุดแผ่นดิน” ที่อยู่ใกล้ๆ กับทุ่งดอกกระเจียว(ช่วงบน)
จุดชมวิวสุดแผ่นดินเป็นชะง่อนผาชัน บริเวณจุดที่สูงสุดของเทือกเขาพังเหย เป็นรอยต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง ซึ่งเมื่อมองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์ของผืนป่าซับลังกาในเบื้องล่างได้อย่างสวยงามกว้างไกล
อุทยานฯป่าหินงามยังมีอีกหนึ่งของดีนั่นก็คือ “ลานหินงาม” ซึ่งเป็นพื้นที่ลานหินที่เต็มไปด้วยประติมากรรมหินธรรมชาติรูปร่างประหลาดแปลกตา ชวนให้จินตนาการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หินถ้วยฟีฟ่า หินปราสาท หินแม่ไก่ยักษ์ หินถ้ำมอง และหิน(ฐาน)เรดาร์ เป็นต้น
นับเป็นอีกหนึ่งจุดไม่ควรพลาดสำหรับผู้มาเยือนอุทยานฯป่าหินงาม
ทุ่งดอกกระเจียว ไทรทอง จ.ชัยภูมิ
ยังคงอยู่กับความงามของทุ่งดอกกระเจียว กันที่ ทุ่งดอกกระเจียว “อุทยานแห่งชาติไทรทอง” อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมทุ่งดอกกระเจียวเลื่องชื่อของเมืองไทย
ทุ่งดอกกระเจียวที่อช.ไทรทองจะออกดอกบานช้ากว่าที่อช.ป่าหินงามประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ว่าดอกจะมีสีสันสดกว่าที่ป่าหินงาม และมีประมาณ 5 แปลงให้เดินชมกันท่ามกลางบรรยากาศผืนป่าอันสวยงาม ของทุ่งดอกกระเจียวสีม่วงอมชมพูเข้มที่พากันออกดอกชูช่อเด่นหราตัดกับท้องทุ่งหญ้าสีเขียว ดูงดงามน่าประทับใจ
ส่วนที่พิเศษก็คือ ที่อุทยานฯไทรทองยังมีดอกกระเจียวสีขาว(ดอกจะเล็กกว่ากระเจียวสีม่วงอมชมพู)ขึ้นแซมอยู่เป็นจำนวนมาก ตามดงหญ้า ถือเป็นหนึ่งในจุดชมดอกกระเจียวขาวที่น่าสนใจมาก
นอกจากนี้ที่อุทยานฯไทรทองยังมี “น้ำตกไทรทอง” อันสดชื่นชุ่มฉ่ำให้เที่ยวชม มีจุดชมวิวทิวทัศน์ตามหน้าผาต่างๆ อาทิ ผาพ่อเมือง ผาเพลินใจ ผาสวนสวรรค์ และ“ผาหำหด” ที่มีชื่อสะดุดหู กับหน้าผาสูงสุดเสียวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไปนั่ง-ยืนวัดใจที่หน้าผาแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก
เปราะภูขาว ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก
จากทุ่งดอกกระเจียว มาชมความงามของดอกเปราะภูกันบ้าง
เปราะภูเป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลขิง ข่า มีเหง้าอยู่ใต้ดิน พอได้รับน้ำฝนเหง้าก็จะแตกตัวแทงยอดขึ้นมาตามพื้นดินและซอกหิน พร้อมออกดอกเบ่งบาน มีทั้งสีขาว ชมพู เหลือง นับเป็นอีกหนึ่งดอกไม้ป่าที่มาพร้อมๆ กับฤดูฝน
สำหรับจุดชมดอกเปราะภูขึ้นชื่อนั้นอยู่ที่ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง” อ.ภูหลวง จ.เลย ซึ่งจะมีทุ่งดอกเปราะภูสีชมพูอันสวยงามให้ชม แต่ว่าปัจจุบันทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงได้ปิดป่าในช่วงหน้าฝน เพื่อให้ป่าฟื้นตัวจึงไม่สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้
อย่างไรก็ดีก็ยังมีสถานที่ชมดอกเปราะภูหน้าฝนที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง คือที่ “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
ดอกเปราะภู ภูหินฯ เป็นดอกเปราะภูสีขาว ส่วนใหญ่จะออกดอกในช่วงระหว่างปลายเดือน มิ.ย.- ราวๆกลางเดือน ส.ค. มีช่วงที่ออกดอกประมาณ 1 เดือน โดยจะมีช่วงที่ออกดอกบานเต็มที่เป็นจำนวนมาก ประมาณ 2 สัปดาห์
สำหรับจุดชมดอกเปราะภูขาวที่ภูหินร่องกล้า หลักๆจะอยู่ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ “ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก”(เป็นเส้นทางวงรอบ ระยะทางประมาณ 2,460 เมตร) โดยเฉพาะบริเวณช่วงก่อนถึงลานหินปุ่ม จะมีดอกเปราะภูขาวราวสำลีเบ่งบานตามพื้นดินและซอกหินอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากดอกเปราะภูขาวแล้ว บริเวณใกล้ๆกับลานหินปุ่มในช่วงหน้าฝนยังมีดอกไม้ป่าอีกหลากหลายชนิดบานอวดโฉมความงาม ไม่ว่าจะเป็น “ลิ้นมังกร” สีส้มสดเด่นที่ออกดอกอยู่ตามพื้นดิน, “กุหลาบขาว” ที่ออกดอกประปรายสีขาวนวลเด่น, “เอนอ้า” สีชมพูอมม่วงสดใสที่นอกจากแถวลานหินปุ่มแล้วยังมีให้เห็นกันเกือบตลอดเส้นทาง
รวมถึงมี “เอื้องตาเหินไหว” ที่ออกดอกสีขาวชูช่อเป็นริ้วพลิ้วไหวอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ใน 3-4 จุด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งดอกไม้ดาวเด่นประจำฤดูฝนแห่งภูหินร่องกล้า
ขณะที่จุดท่องเที่ยวเด่นๆในเส้นทางสายนี้ก็มี “ซันแครก” แนวหินตามธรรมชาติมีลักษณะเป็นชั้นๆ ริ้วๆ “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล และ “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลต์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับจุดชมวิวบนหน้าผาหินที่มีรูปลักษณ์อันโดดเด่นแปลกตา มีก้อนหินกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกเป็นปุ่มละลานเต็มพื้นที่ของลานหินกว้าง สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา
อช.ภูหินร่องกล้ายังมี“น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงหน้าฝนจะมีสายน้ำหลั่งไหลสวยงามแล้ว ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคม น้ำตกหมันแดงจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร”(คนละชนิดกับบริเวณลานหินปุ่ม) ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด
นับเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกไม้งามยามหน้าฝนบนภูหินร่องกล้าที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ อุ้มผาง จ.ตาก
มาถึงสถานที่ชมดอกไม้ป่าแสนสวยลำดับที่ 4 อยู่ที่ ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก กับจุดชมทุ่งดอก “เทียนปีกผีเสื้อ”อันสวยงาม
ดอยหัวหมด เป็นขุนเขาทอดตัวเป็นแนวยาวติดต่อกันหลายลูกราว 30 กม. บนดอยหัวหมดมีสภาพเตียนโล่งปราศจากต้นไม้ใหญ่ สมชื่อดอยหัวหมด
อย่างไรก็ดีบนความเตียนโล่งของดอยหัวหมดนั้น ไม่ได้เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า แต่นี่เกิดจากการที่ดอยหัวหมดเป็นแหล่งแร่โดโลไมต์ที่ต้นไม้ใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้ มีเพียงต้นไม้เล็กๆ เตี้ยๆ และต้นหญ้าขึ้นอยู่เท่านั้น
ดอยหัวหมดจัดเป็นจุดชมวิวชั้นดี บนยอดดอยหลายๆลูกสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองอุ้มผางได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น พระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง
สำหรับในช่วงหน้าฝนราวเดือน ก.ค.-ก.ย. ดอยหัวหมดมีความพิเศษเพิ่มขึ้น เนื่องจากตามพื้นดินบนดอยจะเต็มไปด้วย “ดอกเทียนปีกผีเสื้อ” ที่พร้อมใจกันเบ่งบานเป็นทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้ออันสวยงาม และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
เทียนปีกผีเสื้อ เป็นพืชเฉพาะถิ่น ขึ้นตามหินปูนที่โล่ง ในระดับความสูงจนถึง 1,000 เมตร มีรายงานการค้นพบที่จังหวัดตาก และกาญจนบุรี โดยพบมากที่ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก
ดอกเทียนปีกผีเสื้อ เป็นดอกไม้ที่เบ่งบานในช่วงหน้าฝน มีดอกสีชมพูอมม่วงสดใส รูปร่างดอกดูคล้ายปีกผีเสื้อสมชื่อ สำหรับดอกเทียนปีกผีเสื้อที่ดอยหัวหมดจะออกดอกบานสะพรั่งเป็นทุ่งๆไปทั่วในหลายจุดหลายพื้นที่ของดอย ช่วงแต่งแต้มสีสันของ อ.อุ้มผาง แผ่นดินดอยลอยฟ้ายามหน้าฝนให้น่าเที่ยวชมและชวนค้นหามากขึ้น
นอกจากดอกเทียนปีกผีเสื้อแล้ว อ.อุ้มผางหน้าฝน ยังมีสิ่งน่าสนใจให้ชวนเที่ยวชมอีก อาทิ จุดชมวิวบนดอยหัวหมด กิจกรรมล่องแก่งอุ้มผางคี เดินป่าพิชิตดอยสามหมื่น เที่ยวน้ำตกทีลอจ่อ น้ำตกปะหละทะ เดินป่าพิชิตน้ำตก“ปิตุโกร” น้ำตกรูปหัวใจที่สูงที่สุดในเมืองไทย(สูงกว่า 500 เมตร) ซึ่งหนึ่งปีจะมีน้ำให้ชมเฉพาะในฤดูฝนเพียงสี่เดือน คือ ส.ค. - พ.ย. โดยช่วงที่สวยที่สุดจะอยู่ในช่วง ส.ค.-ก.ย.
รวมถึงอีกหนึ่งจุดไฮไลต์คือการพิชิตน้ำตก“ทีลอซู”น้ำตกอันยิ่งใหญ่ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในเมืองไทย ซึ่งในช่วงหน้าฝนนั้นห้ามรถวิ่งเข้า แต่สามารถไปเที่ยวได้ด้วยการล่องแก่งเข้าไป แล้วต่อด้วยการเดินเท้าสู่ตัวน้ำตกทีลอซูอีกต่อหนึ่ง ถือว่าได้บรรยากาศผจญภัยไปอีกแบบ
ทุ่งดอกหงอนนาค ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
ปิดท้ายกันด้วยจุดชมดอกไม้ป่าลำดับที่ 5 กับ “ทุ่งดอกหงอนนาค” บนภูสอยดาว ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์
ภูสอยดาวเป็นภูยอดตัด บนยอดภูเป็นลานสนกว้างใหญ่มีเนื้อที่ราว 3,000 ไร่ บนนั้นมีความพิเศษหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลานสนสามใบตามธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เป็นลานสน 2 แผ่นดิน เพราะมีอาณาเขตติดสปป.ลาว มีหลักกิโลเมตรแบ่งเขตแดนชัดเจน
ลานสนบนภูสอยดาวมีสภาพทั่วไปเป็นที่ราบสลับกับเนินสูงๆต่ำๆ ตามพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าจะมีดอกไม้ป่าหลากหลายชนิดออกดอกหมุนเวียนอวดโฉมความงามกันอยู่ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น เอนอ้า สร้อยสุวรรณา ชมพูนุช ชมพูเชียงดาว เหลืองพิศมร ฯลฯ
ที่สำคัญคือบนนี้เป็นแหล่ง“ทุ่งดอกหงอนนาค”อันสวยงาม และมีขนาดใหญ่จนได้ชื่อว่า“ภูสอยดาวเป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในเมืองไทย”
ดอกหงอนนาค เป็นพืชล้มลุกที่มีดอกออกทั้งปี มีทั้งดอกสีชมพูอมม่วง สีม่วงน้ำเงิน และสีขาว ดอกหงอนนาคเป็นดอกไม้ที่หุบยามเช้า แต่จะบานในเมื่อมีแสงแดด และส่วนล่างของดอกมักจะมีน้ำค้างเกาะติดอยู่เป็นหยดใสสวยงาม จนได้ชื่อว่า “น้ำค้างกลางเที่ยง” ขณะที่ชื่ออื่นก็มี หญ้าหงอนเงือก หงอนเหงือก
ดอกหงอนนาคบนภูสอยดาวหลักๆแล้วจะเป็นดอกสีชมพูอมม่วง แต่ก็มีดอกหงอนนาคสีขาวขึ้นแซมบ้างอยู่นิดหน่อย แต่ต้องสอดส่ายสายตาหาให้ดี
ดอกหงอนนาค ภูสอยดาวจะออกดอกเบ่งบานเต็มที่ในช่วงกลางฤดูฝน ราวเดือน ส.ค.-ก.ย. ซึ่งจะพร้อมใจกันออกดอกเบ่งบานดารดาษไปทั่วบริเวณ ย้อมลานสนให้เป็นสีชมพูอมม่วงดูสวยงาม ตัดกับสีเขียวของทุ่งหญ้าและบรรดาต้นสนที่ขึ้นปกคลุม แลดูสวยงามปานเนรมิต
นอกจากทุ่งดอกหงอนนาคแสนสวยแล้ว บนภูสอยดาวยังมีสิ่งน่าสนใจเด่นๆให้เที่ยวชมกัน อาทิ
- จุดชมวิวตามหน้าผาต่างๆ รวมถึงวิวทิวทัศน์ในทางเดินขึ้นช่วงสุดท้าย(เนินส่งญาติ)ที่สวยงามน่ายลมาก
-“หลักเขต 2 แผ่นดิน” หรือ “หลักเขตชายแดนไทย-ลาว” ซึ่งเป็นการก่อสร้างร่วมกันอย่างเท่าเทียม ด้วยคนไทย 30 คน คนลาว 30 คน มาช่วยกันก่อหลักเขตกันคนละครึ่ง โดยแต่ละชาติต้องขนปูนขนทรายมาเอง แล้วก่อสร้างหลักเขตหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวที่ดูแล้วแนบเนียนไม่มีตำหนิ นับเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์บนภูสอยดาวที่ไม่ควรพลาด
-ป่าสนภูสอยดาว เป็นป่าสนสามใบขนาดใหญ่ มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติเป็นวงรอบในระยะทาง 2.28 กิโลเมตร ให้เดินชมธรรมชาติ ชมความงามของทุ่งดอกหงอนนาค และดอกไม้ กล้วยไม้ พืชพันธุ์เล็กๆน้อยๆตามพื้นดิน รวมถึงชมความงดงามของป่าสนที่ขึ้นยืนต้นตั้งตระหง่าน โดยเฉพาะในยามที่มีสายหมอกขาวลอยเข้าห่มคลุมผืนป่าสนนั้น มันช่างดูโรแมนติกชวนฝันเสียนี่กระไร
ขณะที่บริเวณตีนภูสอยดาวหน้าจุดสตาร์ทสู่ยอดภูสอยดาวนั้นมี “น้ำตกภูสอยดาว” ที่มีน้ำใสไหลเย็นชุ่มฉ่ำให้ชื่นชมในความงดงาม
อย่างไรก็ดีการจะขึ้นไปชมทุ่งดอกหงอนนาคแสนสวยบนภูสอยดาวนั้น ต้องออกแรงใช้พละกำลังเดินขึ้นเขาสูงชัน ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชั่วโมง ขึ้นไปเป็นผู้พิชิตภูสอยดาว บนระดับความสูง 1,633 เมตร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 10 เส้นทางเดินป่าอันโหดหินของเมืองไทย
แต่ว่าเมื่อสามารถเดินขึ้นไปเป็นผู้พิชิตได้แล้วจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะธรรมชาติบนภูสอยดาวนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง
และนั่นก็คือ 5 จุดชมดอกไม้ป่าแสนงามยามหน้าฝน กับมนต์เสน่ห์ความงามที่เกิดจากธรรมชาติสรรสร้าง เป็นดังสวรรค์น้อยๆกลางผืนป่า ซึ่งแต่ละแห่งต่างก็มีเสน่ห์ความงามอันน่ายลแตกต่างกันออกไป
ที่สำคัญคือความงดงามของทุ่งดอกไม้ป่าเหล่านี้ มันสามารถช่วยชโลมจิตใจให้เกิดความรู้สึก“ดอกไม้งามเบ่งบานในใจเรา” ได้เป็นอย่างดี
*****************************************
ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จะออกดอกบานในราวเดือนมิถุนายนไปจนถึงสิงหาคม(บวก-ลบ 2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับสภาพฝนฟ้าอากาศ หรือบางปีฝนมาล่าอาจจะเลื่อนมาบานในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.)
ส่วนที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง จะออกดอกบานช้ากว่าที่อช.ป่าหินงามประมาณ 2 สัปดาห์
ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลการบานของทุ่งดอกกระเจียว จ.ชัยภูมิ ได้ที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ที่โทร.0-4489-0105, อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทร.08-9282-3437 หรือที่ ททท. สำนักงานนครราชสีมา(รับผิดชอบพื้นที่นครราชสีมา,ชัยภูมิ) โทร. 0-4421-3030, 0-4421-3666
ดอกเปราะภูสีชมพูสีขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ส่วนใหญ่จะออกดอกในช่วงระหว่างปลายเดือนมิ.ย.- ราวๆกลางเดือน ส.ค. มีช่วงที่ออกดอกประมาณ 1 เดือน โดยจะมีช่วงที่ออกดอกบานเต็มที่เป็นจำนวนมาก ประมาณ 2 สัปดาห์ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร.0-5535-6607, 08-1596-5977 หรือที่ ททท.สำนักงานพิษณุโลก (รับผิดชอบพื้นที่พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907
ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ ดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก จะออกดอกบานเต็มท้องทุ่งในช่วงหน้าฝนราวเดือน ก.ค.-ก.ย. ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานตาก โทร.0-5551-4341-3
ทุ่งดอกหงอนนาค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ จะออกดอกเบ่งบานเต็มที่ในช่วงกลางฤดูฝน ราวเดือน ส.ค.-ก.ย. โดย อช.ภูสอยดาว จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปบนลานสนภูสอยดาวและพักค้างบนนั้นได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. - 15 ม.ค. ของทุกฤดูกาล ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว โทร. 0-5543-6001 หรือที่ ททท. สำนักงานแพร่” (รับผิดชอบพื้นที่แพร่ น่าน อุตรดิตถ์) โทร. 0-5452-1127
อย่างไรก็ดีสำหรับช่วงเวลาในการบานของเหล่าดอกไม้ป่า ตามที่กล่าวมาข้างต้น แต่ละปีจะมีช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน และจะบานมาก-น้อย แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของปีนั้นๆ ดังนั้นผู้ที่จะไปชมความงามของทุ่งดอกไม้ป่า ควรสอบถามข้อมูลการบานของดอกไม้จากพื้นที่ก่อน ตามเบอร์โทร.ที่ให้ไว้ข้างต้น เพื่อจะได้ไม่ผิดหวัง
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com