โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
เมื่อวสันตฤดูมาเยือน
ฟ้าชุ่มฉ่ำ ดินชุ่มน้ำ
มวลหมู่มหา“กระเจียว” ที่หลับใหลอยู่ใต้พื้นดินในบ้านเราต่างพากันแตกหน่อ แทงยอด แล้วค่อยๆทยอยกันผลิดอกแย้มบานขึ้นมาเริงร่าอวดโฉมความงาม
1...
กระเจียว เป็นพืชล้มลุกสกุลเดียวกับขมิ้น อยู่ในวงขิง,ข่า,ขมิ้น กระเจียวขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ ในฤดูหนาวและฤดูร้อนพวกมันจะจำศีลหลับใหลพักตัว แต่พอถึงวสันตฤดูเมื่อฝนโปรยสายลงมาพวกมันก็จะพากันออกดอกเริงร่าเบ่งบาน
พืชตระกูลกระเจียว มีรายงานว่าทั่วโลกพบไม่ต่ำกว่า 65 ชนิด(Species ) ทั้งในทวีปออสเตรเลีย อัฟฟริกา เอเชีย ส่วนในเมืองไทยมีข้อมูลระบุว่า พบพืชสกุลกระเจียวประมาณ 30 ชนิด มีกระจายอยู่ตามภาคต่างๆทั่วประเทศไทย โดยแต่ละพื้นที่ต่างก็เรียกชื่อต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น บัวสวรรค์ ปทุมมา กระเจียวบัว หรือ ทิวลิปสยาม เป็นต้น
กระเจียวมีดอกเป็นกลีบซ้อนกันหลายชั้น ดอกกระเจียวมีหลายสีสัน ทั้ง ขาว เขียว แดง ส้ม ชมพูอ่อน และที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็คือดอกกระเจียวที่ชัยภูมิกับสีชมพูสดอมม่วง ดอกอ่อนของกระเจียวบางชนิดสามารถกินได้
ดอกกระเจียวได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งป่าฝน” เพราะเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่มากับฝนอย่างแท้จริง
สำหรับแหล่งชมทุ่งดอกกระเจียวที่จัดเป็นความมหัศจรรย์ของผืนป่าในหน้าฝนซึ่งโด่งดังมากในบ้านเราก็คือ ที่ จ.ชัยภูมิ ที่มีจุดชมดอกกระเจียวสำคัญอยู่ 2 แห่งด้วยกัน คือ “อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม” อ.เทพสถิต และ “อุทยานแห่งชาติไทรทอง” อ.หนองบัวระเหว
ดอกกระเจียวทั้ง 2 อุทยานฯจะมีสีชมพูอมม่วง แต่ที่ไทรทองสีจะสดกว่าและออกดอกช้ากว่าที่ป่าหินงามราวๆสองสัปดาห์ ทุกๆปีทุ่งดอกกระเจียวจะบานตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงสิงหาคม บวก-ลบ 2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับสภาพฝนฟ้าอากาศ
และเมื่อดอกกระเจียวบานที่ชัยภูมิบาน ทางจังหวัดชัยภูมิและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ก็จะจัดงานโปรโมท เชิญชวนให้คนไปท่องเที่ยวกันเป็นที่คึกคัก โดยในปีนี้เขามีพิธีเปิดไปในวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา กับชื่องานอินเทรนด์รับ AEC ว่า “ดอกกระเจียวเริงร่า...สู่อาเซียน” ซึ่งนอกจากจะเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศแล้ว ยังเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศอาเซียนที่เราจะเปิด AEC ที่จะมาถึงในปีหน้านี้
2...
ในปีนี้เมื่อฝนมา นอกจากผมจะอดตาหลับขับตานอนลุ้นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่ 20 แล้ว ก็ยังหาโอกาสฝ่าละอองฝนบางๆไปยัง“อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม” เพื่อสัมผัสกับความงามของทุ่งดอกกระเจียวอีกครั้ง
อย่างไรก็ด้วยด้วยความที่ปีนี้ ฝนในชัยภูมิมาล่าไปหน่อย ทำให้ช่วงที่ผมไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทุ่งดอกกระเจียวเพิ่งเริ่มบานได้ประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่คาดว่า หลังจากนี้ดอกกระเจียวที่นี่จะบานเต็มที่ในอีกประมาณ 2 สัปดาห์ หรือในช่วงเข้าพรรษา จากนั้นก็จะเริ่มทยอยเหี่ยว ร่วงโรย ไปอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก็เป็นอันสิ้นสุดฤดูชมทุ่งดอกกระเจียวแห่งป่าหินงาม
สำหรับการเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียว ป่าหินงาม ของผมในทริปนี้เลือกมาวันธรรมดา เพราะต้องการหลีกหนีความพลุกพล่านจากมวลมหานักท่องเที่ยวที่นิยมมารุมเที่ยวกันในวันหยุด
ครั้นเมื่อเรามาถึงยังอุทยานฯในช่วงบ่ายแก่ๆของวันที่มีละอองฝนปรอยบางๆ เสน่ห์ธรรมชาติอย่างแรกที่สัมผัสได้ก็คืออากาศอันบริสุทธิ์สดชื่นที่นอกจากจะสูดหายใจได้อย่างสดชื่นชุ่มปอดแล้ว ผมยังอยากบรรจุอากาศที่นี่ใส่ตู้คอนเทนเนอร์กลับไปฝากเพื่อนๆที่กรุงเทพฯ เสียจริง
หลังได้รับอากาศสดชื่น ช่วยให้ฟื้นจากที่อาการสะลึมสะลือที่อดหลับอดนอนจากบอลโลก เราก็ไปซื้อตั๋วเข้าอุทยานฯ แล้วก็ไปซื้อตั๋วขึ้นรถรางนำเที่ยวอีกที
ก็อย่างที่รู้ๆแหละเหตุที่ต้องเก็บเงินซ้ำซ้อนก็เพราะเป็นคนละหน่วยงาน อุทยานฯ ต้องกระจายรายได้ไปให้ท้องถิ่นได้รับผลประโยชน์ด้วย เรื่องนี้ใครจะนำมาคิดเล็กคิดน้อย คิดมาก หรือไม่คิดก็สุดแท้แต่ แต่ผู้ที่เก็บเงินไปแล้วก็ต้องบริหารจัดการ บริการให้ดี เพราะเคยมีผู้ที่ประสบปัญหาจากการบริการในช่วงเทศกาลคนพลุกพล่านโพสต์ระบายลงในโลกออนไลน์หลายคนอยู่ แต่สำหรับทริปนี้เนื่องจากเป็นวันธรรมดา เหตุการณ์จึงปกติ แถมเจ้าหน้าที่ยังอัธยาศัยไมตรีดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยทำให้บรรยากาศน่าเที่ยวยิ่งขึ้น
เอาหล่ะ เมื่อคนมาขึ้นรถรางกันได้ตามจำนวนเจ้าหน้าที่ก็ขับพาขึ้นไปส่งยัง “(ผา)สุดแผ่นดิน” เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมทิวทัศน์ ณ “จุดชมวิวสุดแผ่นดิน” ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี
(ผา)สุดแผ่นดิน เป็นชะง่อนผาชัน จุดที่สูงสุดของเทือกเขาพังเหย เกิดจากการยกตัวของเปลือกโลก ทำให้เกิด รอยต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง
คือ ณ จุดหน้าผาที่ยืนอยู่เป็นภาคอีสาน ส่วนผืนป่าซับลังกาเบื้องล่างเป็นภาคกลาง วิวบนนี้ถือว่าสวยใช้ได้ทีเดียว แถมถ้าไปยืนใกล้ๆก็เสียวเอาเรื่องเหมือนกัน แม้ไม่เสียวเท่าที่“ผาหำหด” อช.ไทรทอง แต่ไม่ว่า ผาหำหด ผาสุดแผ่นดิน หรือผาไหนๆ ถ้าตกลงไปก็รอดยาก เพราะฉะนั้นใครที่จะมาชมวิวต้องไม่ประมาทด้วยประการทั้งปวง
3…
จากสุดแผ่นดินมีทางเดินผ่านเส้นทางป่าโปร่งไปชมทุ่งดอกกระเจียว ส่วนถ้าใครขี้เกียจเดิน หรืออยากถนอมแรง ก็ให้ไปยืนรอ ณ จุดที่รถขึ้นมาส่ง พลขับก็จะพาไปจอดยังจุดลงเดินชมทุ่งดอกกระเจียวที่เป็นเส้นทางเดินเชื่อมถึงกันจากเส้นทางสุดแผ่นดิน โดยมีการทำทางบังคับให้เดินไปบนเส้นทาง นักท่องเที่ยวห้ามออกนอกเส้นทางลงไปเดินสัมผัสดอกกระเจียวอย่างใกล้ชิด หรือลงไปเหยียบย่ำทุ่งดอกกระเจียวโดยเด็ดขาด เพราะนั่นนอกจากจะเป็นการทำลายทุ่งดอกไม้แห่งนี้แล้ว หากเจ้าหน้าที่อุทยานฯเห็นจะถูกปรับ เพราะเขามีระเบียบข้อบังคับห้ามไว้
เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะในสมันก่อนที่จะทำทางบังคับเดิน มีนักท่องเที่ยวเดินตามใจฉันลงไปเหยียบย่ำดอกกระเจียวและทุ่งหญ้าตายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีคนลงไปเด็ดหักดอกกระเจียวมาไว้ในครอบครอง ทำให้ทุ่งดอกกระเจียวโดนทำลายลดน้อยถอยลง นั่นจึงจำเป็นต้องสร้างทางบังคับเดินไว้ให้ชมกันในเส้นทาง
สำหรับการชมทุ่งดอกกระเจียวที่นี่ ในช่วงเช้า สาย บ่าย เย็น มีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะช่วงเย็นกับช่วงเช้าตรู่
ในช่วงเย็นเราจะได้เห็นดอกกระเจียวชูช่อเด่นเป็นสง่าท้าทายแสงแดดยามเย็น ส่วนในช่วงเช้าตรู่ก็จะให้บรรยากาศที่แตกต่างออกไป ซึ่งผมได้กลับมาเดิน ณ จุดเดิมอีกครั้งในช่วงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น
การชมทุ่งดอกกระเจียวยามเช้าตรู่ถือเป็นกิจกรรมไฮไลท์ของป่าหินงาม เป็นช่วงเวลาทองของการชมทุ่งดอกกระเจียว ซึ่งในช่วงที่มีดอกกระเจียวบานตั้งแต่ 70-80 % ไปจนถึงบานเต็มที่ ยามเช้าตรู่ที่นี่จะน่ายลไปด้วย มวลมหาดอกกระเจียวที่กลีบยังชุมฉ่ำน้ำค้างดูชุ่มชื่นหัวใจได้พากันชูช่ออวดความงามยามเช้า ท่ามกลางสีเขียวขจีของทุ่งหญ้าเพ็ก ต้นไม้ป่า และก้อนหิน ที่ขึ้นแซมอยู่ทั่วไป
ที่สำคัญคือในยามที่มีสายหมอกขาวโพลนลอยอ้อยอิ่งมาปกคลุมทุ่งดอกกระเจียวแบบพองาม ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทุ่งดอกกระเจียวที่นี่จะอวลไปด้วยเสน่ห์ของสายหมอกและดอกกระเจียวอันน่าตื่นตาตื่นใจ จนเกิดเป็น สโลแกน “หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว” ขึ้น พร้อมๆกับน้ำค้างพร่างพราวที่เกาะค้างอยู่บนใบ ดอก ของกระเจียว อากาศสดชื่นเย็นสบายที่มากมายไปด้วยโอโซน นับเป็นความงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างให้กับผู้สนใจได้ชมกันเพียงปีละครั้งเท่านั้น
4...
หลังสายหมอกค่อยผ่านพ้นหมดไปแสงแดดยามเช้าเข้ามาแทนที่ ผมไปขึ้นรถรางอีกครั้งเพื่อไปยังอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญคือ “ลานหินงาม”(ส่วนนักท่องเที่ยวบางคนก็เลือกที่จะนั่งกลับลงไปข้างล่างเลย)
ลานหินงามเป็นที่มาของชื่อป่าหินงาม เป็นพื้นที่ลานหินที่เต็มไปด้วยประติมากรรมหินธรรมชาติมากมาย ทั้งหินรูปร่างประหลาด แปลกตา และสวยงาม ให้เราๆท่านๆได้จินตนาการตามกัน ขณะที่หินหลายก้อนทางอุทยานฯได้ตั้งชื่อตามรูปร่างลักษณะ(ผสมจินตนาการ)เอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น หินปราสาท หินแม่ไก่ยักษ์ หินถ้ำมอง และ“หิน(ฐาน)เรดาห์” ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของป่าหินงาม
ขณะที่อีกหนึ่งก้อนหินรูปทรงประหลาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังและกำลังอินเทรนด์กับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 (หรือฟุตบอลโลกทุกๆครั้ง) ก็คือ “หินถ้วยฟีฟ่า” หรือ “หินฟีฟ่าเลิด์คัพ” หรือ “หินถ้วยบอลโลก” ตามแต่จะเรียก
หินถ้วยฟีฟ่าเมื่อมองในมุมที่ใช่ จะมีรูปร่างเหมือนถ้วยฟีฟ่าหินขนาดยักษ์ นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของป่าหินงาม ที่พอ 4 ปีเวียนบรรจบ ถึงเทศกาลแข่งขันฟุตบอลโลกทีไร หินก้อนนี้ก็จะกลับมาฮอตฮิตเรียกเสียงฮือฮาได้อยู่เสมอ
นับเป็นหินถ้วยฟีฟ่ายักษ์ที่ เมสซี่ เนย์มาร์ โรนัลโด้ อาร์วีพี ร็อบเบน ยากที่จะมีโอกาสได้สัมผัส
ต่างไปจาก“บังยี” ที่โอกาสจะได้สัมผัส จับต้อง หินถ้วยฟีฟ่ายักษ์ใบนี้ถือว่าง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
***********************************************************
การเดินทางไปเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จากกรุงเทพฯตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 มุ่งหน้าสู่สระบุรี ผ่านตัวเมืองสระบุรีมาถึงแยกพุแค ก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 สู่บ้านรำนารายณ์จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 205 เส้นทางลำนารายณ์-ลำสนธิ-เทพสถิต จากนั้นจึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหมายเขต 2354 ราว 15 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามระยะทางอีก 14 กิโลเมตร
ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ที่ โทร.0-4489-0105, อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทร. โทร.08-9282-3437
และสามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียว เชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ใน จ.ชัยภูมิ รวมไปถึงที่พัก ร้านอาหาร การเดินทาง ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา(รับผิดชอบพื้นที่ นครราชสีมา ชัยภูมิ) โทร.0-4421-3030
***********************************************************
หมายเหตุ : ภาพส่วนหนึ่งเป็นภาพจากแฟ้ม เนื่องจากทุ่งดอกกระเจียวช่วงนี้เพิ่งเริ่มบานประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
เมื่อวสันตฤดูมาเยือน
ฟ้าชุ่มฉ่ำ ดินชุ่มน้ำ
มวลหมู่มหา“กระเจียว” ที่หลับใหลอยู่ใต้พื้นดินในบ้านเราต่างพากันแตกหน่อ แทงยอด แล้วค่อยๆทยอยกันผลิดอกแย้มบานขึ้นมาเริงร่าอวดโฉมความงาม
1...
กระเจียว เป็นพืชล้มลุกสกุลเดียวกับขมิ้น อยู่ในวงขิง,ข่า,ขมิ้น กระเจียวขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ ในฤดูหนาวและฤดูร้อนพวกมันจะจำศีลหลับใหลพักตัว แต่พอถึงวสันตฤดูเมื่อฝนโปรยสายลงมาพวกมันก็จะพากันออกดอกเริงร่าเบ่งบาน
พืชตระกูลกระเจียว มีรายงานว่าทั่วโลกพบไม่ต่ำกว่า 65 ชนิด(Species ) ทั้งในทวีปออสเตรเลีย อัฟฟริกา เอเชีย ส่วนในเมืองไทยมีข้อมูลระบุว่า พบพืชสกุลกระเจียวประมาณ 30 ชนิด มีกระจายอยู่ตามภาคต่างๆทั่วประเทศไทย โดยแต่ละพื้นที่ต่างก็เรียกชื่อต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น บัวสวรรค์ ปทุมมา กระเจียวบัว หรือ ทิวลิปสยาม เป็นต้น
กระเจียวมีดอกเป็นกลีบซ้อนกันหลายชั้น ดอกกระเจียวมีหลายสีสัน ทั้ง ขาว เขียว แดง ส้ม ชมพูอ่อน และที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็คือดอกกระเจียวที่ชัยภูมิกับสีชมพูสดอมม่วง ดอกอ่อนของกระเจียวบางชนิดสามารถกินได้
ดอกกระเจียวได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งป่าฝน” เพราะเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่มากับฝนอย่างแท้จริง
สำหรับแหล่งชมทุ่งดอกกระเจียวที่จัดเป็นความมหัศจรรย์ของผืนป่าในหน้าฝนซึ่งโด่งดังมากในบ้านเราก็คือ ที่ จ.ชัยภูมิ ที่มีจุดชมดอกกระเจียวสำคัญอยู่ 2 แห่งด้วยกัน คือ “อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม” อ.เทพสถิต และ “อุทยานแห่งชาติไทรทอง” อ.หนองบัวระเหว
ดอกกระเจียวทั้ง 2 อุทยานฯจะมีสีชมพูอมม่วง แต่ที่ไทรทองสีจะสดกว่าและออกดอกช้ากว่าที่ป่าหินงามราวๆสองสัปดาห์ ทุกๆปีทุ่งดอกกระเจียวจะบานตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงสิงหาคม บวก-ลบ 2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับสภาพฝนฟ้าอากาศ
และเมื่อดอกกระเจียวบานที่ชัยภูมิบาน ทางจังหวัดชัยภูมิและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ก็จะจัดงานโปรโมท เชิญชวนให้คนไปท่องเที่ยวกันเป็นที่คึกคัก โดยในปีนี้เขามีพิธีเปิดไปในวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา กับชื่องานอินเทรนด์รับ AEC ว่า “ดอกกระเจียวเริงร่า...สู่อาเซียน” ซึ่งนอกจากจะเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศแล้ว ยังเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศอาเซียนที่เราจะเปิด AEC ที่จะมาถึงในปีหน้านี้
2...
ในปีนี้เมื่อฝนมา นอกจากผมจะอดตาหลับขับตานอนลุ้นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่ 20 แล้ว ก็ยังหาโอกาสฝ่าละอองฝนบางๆไปยัง“อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม” เพื่อสัมผัสกับความงามของทุ่งดอกกระเจียวอีกครั้ง
อย่างไรก็ด้วยด้วยความที่ปีนี้ ฝนในชัยภูมิมาล่าไปหน่อย ทำให้ช่วงที่ผมไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทุ่งดอกกระเจียวเพิ่งเริ่มบานได้ประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่คาดว่า หลังจากนี้ดอกกระเจียวที่นี่จะบานเต็มที่ในอีกประมาณ 2 สัปดาห์ หรือในช่วงเข้าพรรษา จากนั้นก็จะเริ่มทยอยเหี่ยว ร่วงโรย ไปอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก็เป็นอันสิ้นสุดฤดูชมทุ่งดอกกระเจียวแห่งป่าหินงาม
สำหรับการเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียว ป่าหินงาม ของผมในทริปนี้เลือกมาวันธรรมดา เพราะต้องการหลีกหนีความพลุกพล่านจากมวลมหานักท่องเที่ยวที่นิยมมารุมเที่ยวกันในวันหยุด
ครั้นเมื่อเรามาถึงยังอุทยานฯในช่วงบ่ายแก่ๆของวันที่มีละอองฝนปรอยบางๆ เสน่ห์ธรรมชาติอย่างแรกที่สัมผัสได้ก็คืออากาศอันบริสุทธิ์สดชื่นที่นอกจากจะสูดหายใจได้อย่างสดชื่นชุ่มปอดแล้ว ผมยังอยากบรรจุอากาศที่นี่ใส่ตู้คอนเทนเนอร์กลับไปฝากเพื่อนๆที่กรุงเทพฯ เสียจริง
หลังได้รับอากาศสดชื่น ช่วยให้ฟื้นจากที่อาการสะลึมสะลือที่อดหลับอดนอนจากบอลโลก เราก็ไปซื้อตั๋วเข้าอุทยานฯ แล้วก็ไปซื้อตั๋วขึ้นรถรางนำเที่ยวอีกที
ก็อย่างที่รู้ๆแหละเหตุที่ต้องเก็บเงินซ้ำซ้อนก็เพราะเป็นคนละหน่วยงาน อุทยานฯ ต้องกระจายรายได้ไปให้ท้องถิ่นได้รับผลประโยชน์ด้วย เรื่องนี้ใครจะนำมาคิดเล็กคิดน้อย คิดมาก หรือไม่คิดก็สุดแท้แต่ แต่ผู้ที่เก็บเงินไปแล้วก็ต้องบริหารจัดการ บริการให้ดี เพราะเคยมีผู้ที่ประสบปัญหาจากการบริการในช่วงเทศกาลคนพลุกพล่านโพสต์ระบายลงในโลกออนไลน์หลายคนอยู่ แต่สำหรับทริปนี้เนื่องจากเป็นวันธรรมดา เหตุการณ์จึงปกติ แถมเจ้าหน้าที่ยังอัธยาศัยไมตรีดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยทำให้บรรยากาศน่าเที่ยวยิ่งขึ้น
เอาหล่ะ เมื่อคนมาขึ้นรถรางกันได้ตามจำนวนเจ้าหน้าที่ก็ขับพาขึ้นไปส่งยัง “(ผา)สุดแผ่นดิน” เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมทิวทัศน์ ณ “จุดชมวิวสุดแผ่นดิน” ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี
(ผา)สุดแผ่นดิน เป็นชะง่อนผาชัน จุดที่สูงสุดของเทือกเขาพังเหย เกิดจากการยกตัวของเปลือกโลก ทำให้เกิด รอยต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง
คือ ณ จุดหน้าผาที่ยืนอยู่เป็นภาคอีสาน ส่วนผืนป่าซับลังกาเบื้องล่างเป็นภาคกลาง วิวบนนี้ถือว่าสวยใช้ได้ทีเดียว แถมถ้าไปยืนใกล้ๆก็เสียวเอาเรื่องเหมือนกัน แม้ไม่เสียวเท่าที่“ผาหำหด” อช.ไทรทอง แต่ไม่ว่า ผาหำหด ผาสุดแผ่นดิน หรือผาไหนๆ ถ้าตกลงไปก็รอดยาก เพราะฉะนั้นใครที่จะมาชมวิวต้องไม่ประมาทด้วยประการทั้งปวง
3…
จากสุดแผ่นดินมีทางเดินผ่านเส้นทางป่าโปร่งไปชมทุ่งดอกกระเจียว ส่วนถ้าใครขี้เกียจเดิน หรืออยากถนอมแรง ก็ให้ไปยืนรอ ณ จุดที่รถขึ้นมาส่ง พลขับก็จะพาไปจอดยังจุดลงเดินชมทุ่งดอกกระเจียวที่เป็นเส้นทางเดินเชื่อมถึงกันจากเส้นทางสุดแผ่นดิน โดยมีการทำทางบังคับให้เดินไปบนเส้นทาง นักท่องเที่ยวห้ามออกนอกเส้นทางลงไปเดินสัมผัสดอกกระเจียวอย่างใกล้ชิด หรือลงไปเหยียบย่ำทุ่งดอกกระเจียวโดยเด็ดขาด เพราะนั่นนอกจากจะเป็นการทำลายทุ่งดอกไม้แห่งนี้แล้ว หากเจ้าหน้าที่อุทยานฯเห็นจะถูกปรับ เพราะเขามีระเบียบข้อบังคับห้ามไว้
เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะในสมันก่อนที่จะทำทางบังคับเดิน มีนักท่องเที่ยวเดินตามใจฉันลงไปเหยียบย่ำดอกกระเจียวและทุ่งหญ้าตายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีคนลงไปเด็ดหักดอกกระเจียวมาไว้ในครอบครอง ทำให้ทุ่งดอกกระเจียวโดนทำลายลดน้อยถอยลง นั่นจึงจำเป็นต้องสร้างทางบังคับเดินไว้ให้ชมกันในเส้นทาง
สำหรับการชมทุ่งดอกกระเจียวที่นี่ ในช่วงเช้า สาย บ่าย เย็น มีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะช่วงเย็นกับช่วงเช้าตรู่
ในช่วงเย็นเราจะได้เห็นดอกกระเจียวชูช่อเด่นเป็นสง่าท้าทายแสงแดดยามเย็น ส่วนในช่วงเช้าตรู่ก็จะให้บรรยากาศที่แตกต่างออกไป ซึ่งผมได้กลับมาเดิน ณ จุดเดิมอีกครั้งในช่วงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น
การชมทุ่งดอกกระเจียวยามเช้าตรู่ถือเป็นกิจกรรมไฮไลท์ของป่าหินงาม เป็นช่วงเวลาทองของการชมทุ่งดอกกระเจียว ซึ่งในช่วงที่มีดอกกระเจียวบานตั้งแต่ 70-80 % ไปจนถึงบานเต็มที่ ยามเช้าตรู่ที่นี่จะน่ายลไปด้วย มวลมหาดอกกระเจียวที่กลีบยังชุมฉ่ำน้ำค้างดูชุ่มชื่นหัวใจได้พากันชูช่ออวดความงามยามเช้า ท่ามกลางสีเขียวขจีของทุ่งหญ้าเพ็ก ต้นไม้ป่า และก้อนหิน ที่ขึ้นแซมอยู่ทั่วไป
ที่สำคัญคือในยามที่มีสายหมอกขาวโพลนลอยอ้อยอิ่งมาปกคลุมทุ่งดอกกระเจียวแบบพองาม ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทุ่งดอกกระเจียวที่นี่จะอวลไปด้วยเสน่ห์ของสายหมอกและดอกกระเจียวอันน่าตื่นตาตื่นใจ จนเกิดเป็น สโลแกน “หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว” ขึ้น พร้อมๆกับน้ำค้างพร่างพราวที่เกาะค้างอยู่บนใบ ดอก ของกระเจียว อากาศสดชื่นเย็นสบายที่มากมายไปด้วยโอโซน นับเป็นความงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างให้กับผู้สนใจได้ชมกันเพียงปีละครั้งเท่านั้น
4...
หลังสายหมอกค่อยผ่านพ้นหมดไปแสงแดดยามเช้าเข้ามาแทนที่ ผมไปขึ้นรถรางอีกครั้งเพื่อไปยังอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญคือ “ลานหินงาม”(ส่วนนักท่องเที่ยวบางคนก็เลือกที่จะนั่งกลับลงไปข้างล่างเลย)
ลานหินงามเป็นที่มาของชื่อป่าหินงาม เป็นพื้นที่ลานหินที่เต็มไปด้วยประติมากรรมหินธรรมชาติมากมาย ทั้งหินรูปร่างประหลาด แปลกตา และสวยงาม ให้เราๆท่านๆได้จินตนาการตามกัน ขณะที่หินหลายก้อนทางอุทยานฯได้ตั้งชื่อตามรูปร่างลักษณะ(ผสมจินตนาการ)เอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น หินปราสาท หินแม่ไก่ยักษ์ หินถ้ำมอง และ“หิน(ฐาน)เรดาห์” ที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของป่าหินงาม
ขณะที่อีกหนึ่งก้อนหินรูปทรงประหลาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังและกำลังอินเทรนด์กับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 (หรือฟุตบอลโลกทุกๆครั้ง) ก็คือ “หินถ้วยฟีฟ่า” หรือ “หินฟีฟ่าเลิด์คัพ” หรือ “หินถ้วยบอลโลก” ตามแต่จะเรียก
หินถ้วยฟีฟ่าเมื่อมองในมุมที่ใช่ จะมีรูปร่างเหมือนถ้วยฟีฟ่าหินขนาดยักษ์ นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของป่าหินงาม ที่พอ 4 ปีเวียนบรรจบ ถึงเทศกาลแข่งขันฟุตบอลโลกทีไร หินก้อนนี้ก็จะกลับมาฮอตฮิตเรียกเสียงฮือฮาได้อยู่เสมอ
นับเป็นหินถ้วยฟีฟ่ายักษ์ที่ เมสซี่ เนย์มาร์ โรนัลโด้ อาร์วีพี ร็อบเบน ยากที่จะมีโอกาสได้สัมผัส
ต่างไปจาก“บังยี” ที่โอกาสจะได้สัมผัส จับต้อง หินถ้วยฟีฟ่ายักษ์ใบนี้ถือว่าง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
***********************************************************
การเดินทางไปเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จากกรุงเทพฯตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 มุ่งหน้าสู่สระบุรี ผ่านตัวเมืองสระบุรีมาถึงแยกพุแค ก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 สู่บ้านรำนารายณ์จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 205 เส้นทางลำนารายณ์-ลำสนธิ-เทพสถิต จากนั้นจึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหมายเขต 2354 ราว 15 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามระยะทางอีก 14 กิโลเมตร
ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ที่ โทร.0-4489-0105, อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทร. โทร.08-9282-3437
และสามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียว เชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ใน จ.ชัยภูมิ รวมไปถึงที่พัก ร้านอาหาร การเดินทาง ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา(รับผิดชอบพื้นที่ นครราชสีมา ชัยภูมิ) โทร.0-4421-3030
***********************************************************
หมายเหตุ : ภาพส่วนหนึ่งเป็นภาพจากแฟ้ม เนื่องจากทุ่งดอกกระเจียวช่วงนี้เพิ่งเริ่มบานประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com