หากพูดถึงสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามมากที่สุดในบ้านเรา บางคนอาจจะมีสถานที่ที่อยู่ในใจ แต่สำหรับฉัน สถาปัตยกรรมที่สวยงามและน่ายกย่อง จนถือว่าเป็นอันซีนของไทยแห่งหนึ่ง นั่นคือ “พระที่นั่งวิมานเมฆ” ด้วยความงดงามทั้งภายนอกและภายในของพระที่นั่งวิมานเมฆ ทำให้ใครหลายๆ คนเปรียบพระที่นั่งแห่งนี้ดังวิมานบนดินที่คนทั่วไปสามารถไปเที่ยวชมความงามกันได้ในพระราชวังดุสิตแห่งนี้
สำหรับแฟนพันธุ์แท้สถาปัตยกรรมไทย หากเอ่ยถึงฉายา “นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม” ฉันเชื่อว่าคงจะรู้จักกันดีว่าท่านคือ “สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์” ซึ่งท่านได้ฝากผลงานอันยอดเยี่ยมในเมืองไทยไว้มากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ “พระที่นั่งวิมานเมฆ” โดยพระที่นั่งวิมานเมฆนั้น รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งแห่งนี้ขึ้นในปี พ.ศ. 2443 โดยมีสมเด็จฯ กรมพระยานริศฯ เป็นผู้ออกแบบและควบคุมงานทั้งหมด ซึ่งได้รื้อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ จากเกาะสีชัง มาสร้างขึ้นใหม่ในพระราชวังดุสิตแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2444 กลายเป็นตำหนักไม้สักทองหลังใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
พระที่นั่งวิมานเมฆ ได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบวิกตอเรียของตะวันตก องค์พระที่นั่งเป็นรูปอักษรตัวแอล (L) ในภาษาอังกฤษ แต่ละด้านยาว 60 เมตร สูง 20 เมตร เป็นอาคาร 3 ชั้น ยกเว้นเฉพาะส่วนที่ประทับซึ่งมีรูปร่างเป็นแปดเหลี่ยม มี 4 ชั้น ชั้นล่างสุดก่ออิฐถือปูน ชั้นถัดขึ้นไปสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหมด เป็นห้องชุดต่างๆ 5 สีด้วยกัน รวมกันทั้งหมด 31 ห้อง คือสีฟ้า เขียว ชมพู งาช้าง และสีลูกพีช (ชมพูอมส้ม) ยังคงจัดแสดงบรรยากาศในอดีตไว้ เช่น หมู่ห้องบรรทม ท้องพระโรง ห้องสรง และหมู่ห้องสีชมพู เป็นต้น ห้องต่างๆ ยังจัดแสดงศิลปวัตถุแยกตามประเภท เช่น ห้องจัดแสดงเครื่องเงิน ห้องจัดแสดงเครื่องแก้วเจียระไน และห้องจัดแสดงเครื่องงา เป็นต้น
ภายนอกนั้นสิ่งพิเศษของพระที่นั่งวิมานเมฆ คือการได้แสดงถึงฝีมือเชิงช่างของกรมพระยานริศฯ นอกจากการออกแบบพระที่นั่งที่สวยงามสมส่วนแล้ว พระที่นั่งวิมานเมฆยังงดงามไปด้วยเส้นสายลวดลายต่างๆ ตามประตู หน้าต่าง ช่องลม โดยเฉพาะลายฉลุไม้ในสไตล์ขนมปังขิงที่สวยเฉียบ ซึ่งมีให้ชมทั่วไปรอบพระที่นั่งแห่งนี้
สำหรับห้องที่น่าสนใจฉันเดินไล่ไปจากทางเดินก็มีโซนห้องสีเขียว ที่มีห้องเครื่องเงินจากจีน (เซี่ยงไฮ้) ซึ่งมีความพิเศษตรงที่ใช้เป็นเครื่องทดสอบการลอบวางยาพิษจากอาหารในสมัยก่อน โดยถ้าอาหารมีพิษจะเปลี่ยนเครื่องเงินจากสีเงินเป็นสีดำ จากนั้นก็เป็นห้องเครื่องเคลือบที่ประทับตรา จปร. แล้วก็เป็นห้องเครื่องโลหะ ห้องเขาสัตว์ที่มีสารพัดเขาสัตว์ให้เลือกชมทั้งเขากวาง เขาวัว เขาควาย รวมไปถึงงาช้างอีกจำนวนมาก
มาที่ชั้น 2 กันบ้าง พอขึ้นสู่ชั้น 2 ก็จะเป็นห้องทรงงานของรัชกาลที่ 5 ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้น 3 (ห้องสีลูกพีช) ส่วนห้องชั้น 4 นั้นจะเป็นห้องบรรทมที่อยู่ในชั้นสูงสุดซึ่งไม่เปิดให้เข้าชมสำหรับคนทั่วไปในส่วนนี้ จากนั้นมาต่อกันที่ห้องสีงาช้างเพื่อพาเข้าสู่ไฮไลต์ของพระที่นั่งวิมานเมฆคือห้องท้องพระโรง ซึ่งเป็นห้องที่มีความสวยงามอย่างยิ่งที่สุดในพระที่นั่งแห่งนี้
ครั้นพอออกจากห้องท้องพระโรง ฉันก็ได้เดินชมอีกหลายห้อง ก่อนจะไปยืนชมรอยจารึกจากการทิ้งระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ฝากรอยไว้บนเพดาน และที่พื้นอย่างชัดเจน ก่อนจะเดินลงมาชั้นล่างชมห้องอัลบัมภาพในรัชกาลที่ 5 และห้องเครื่องดนตรีปิดท้าย
ถือว่าพระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้คนไทยที่เยี่ยมชมได้ระลึกและชมสิ่งมีค่าที่เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของชาติไทย นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากพระที่นั่งวิมานเมฆ มีพระตำหนักอีกมากมายที่น่าสนใจ อาทิ พระที่นั่งอภิเษกดุสิต ที่นับเป็นอีกพระที่นั่งอันงดงามแห่งพระราชวังดุสิตภายในจัดแสดงงานฝีมือของมูลนิธิศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระตำหนักสวนหงส์ ที่ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับพระราชพิธีโบราณ ตำหนักสวนบัวที่ภายในจัดแสดงศิลปะวัตถุของหายาก นอกจากนี้ก็ยังมีอาคารตำหนักเก่าของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง อย่าง ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุษบันบัวผัน ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรุณวดี ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญา และตำหนักกรมหลวงวรเสรฐสุดา และอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งทั้งพระที่นั่งวิมานเมฆและอาคารต่างๆ ในพระราชวังดุสิตนั้นถือเป็นความงามท่ามกลางบรรยากาศคลาสสิกย้อนยุค ที่ผิดแผกแตกต่างไปจากบรรยากาศอันวุ่นวายของ กทม.ที่ด้านนอกโดยสิ้นเชิง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
พระที่นั่งวิมานเมฆ ตั้งอยู่ในพระราชวังดุสิต ถนนราชวิถี เขตดุสิต กทม. เปิดให้เข้าชมวันอังคารถึงอาทิตย์ เวลา 09.30-16.00 น. ปิดทำการทุกวันจันทร์ การเข้าชมโปรดแต่งกายสุภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่บรรยายทั้งหมด 4 รอบ ภาษาไทย 10.00 น. และ 13.00 น. ภาษาอังกฤษ 11.00 น. และ 14.00 น. โดยห้ามถ่ายรูปภายในอาคาร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2628-6300
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com