MGR Online - รอง ผบ.ตร.ถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการบังคับใช้กฎหมายปราบปรามค้างาช้างผิดกฎหมาย เพื่อให้ประเทศหลุดจากห่วงโซ่การค้างาช้าง เผยไซเตสพอใจผลปราบปราม พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาต่อเนื่องเพื่อปลดจากบัญชีประเทศเฝ้าระวัง
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมายตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ได้เชิญคณะอนุกรรมการฯ ประกอบด้วย ตัวแทนจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมกำหนดแผน มาตรการ และแนวทางการดำเนินการด้านการกำกับดูแล และบังคับใช้กฎหมายให้สอดรับกับแผนงาช้างแห่งประเทศไทย และเป้าหมายของไซเตส
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า ไซเตสได้กำหนดพื้นที่วิกฤตในปี 2559 ทั้งสิ้น 11 จังหวัด จากเดิม 12 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี กาญจนบุรี ภูเก็ต สุรินทร์ นครสวรรค์ อุทัยธานี สุโขทัย เชียงราย เชียงใหม่ และได้กำหนดเป้าหมายประเทศนำเข้าต้นทาง ได้แก่ ประเทศ เคนยา เอธิโอเปีย คองโก อียิปต์ แอฟริกาใต้ ไนจีเรีย แองโกลา สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศปลายทางส่งออก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์
ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากห่วงโซ่การค้างาช้างแอฟริกาที่ผิดกฎหมายซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศที่ต้องเฝ้าติดตาม โดยจะนำผลการพิจารณาเข้ามติการประชุมใหญ่ภาคีสมาชิกไซเตส ครั้งที่17 ระหว่างวันที่ 24 ก.ย.ถึง 5 ต.ค.นี้ ณ นครโจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 8 ประเทศที่อยู่ในวงจรห่วงโซ่การค้างาช้างแอฟริกาข้ามชาติ แต่จากการบูรณาการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานก็ทำให้ผลการป้องกันและปราบปรามได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทางคณะกรรมการไซเตสก็พอใจต่อผลการดำเนินการของประเทศไทยซึ่งยังเฝ้าติดตามผลการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาปลดล็อกจากบัญชีของไซเตสต่อไป แต่ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาการพิจารณาแต่อย่างใด