xs
xsm
sm
md
lg

“หลีเป๊ะ-ตะรุเตา” จุดดักฝัน สวรรค์ของคนรักทะเล/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
วิวมุมสูงของหาดเมาเท่น เมื่อมองจากจุดชมวิวบนเกาะหลีเป๊ะออกไป
ทะเลอันดามัน

หลังฤดูมรสุมผ่านพ้น ท้องทะเลได้แปรเปลี่ยนจากเกรี้ยวกราดคลื่นลมถั่งโถม กลับคืนสู่ท้องทะเลที่สงบสวยงาม

สวยงามชนิดที่หลายๆคนยกให้เป็นดังทะเลสวรรค์ เป็นจุดดักฝันของคนรักทะเลจากทั่วทุกสารทิศให้เดินทางมาสัมผัสในความงดงาม

สำหรับท้องทะเล(จังหวัด)สตูล ที่เป็นส่วนหนึ่งของทะเลอันดามัน วันนี้ “เกาะหลีเป๊ะ” แห่ง“หมู่เกาะตะรุเตา” ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮอตโด่งดังค้างฟ้า

ขณะที่"เกาะตะรุเตา" และเกาะอื่นๆในพื้นที่หมู่เกาะแห่งนี้ ก็ยังคงความงามไม่สร่างซา นับเป็นมนต์เสน่ห์ที่ช่วยหนุนส่งให้หมู่เกาะตะรุเตาเป็นดังทะเลในฝันที่หมายปองของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
เกาะตะรุเตากับหาดทรายชายทะเลอันสะอาด สงบงาม
1…

พูดถึงเกาะตะรุเตาแล้ว หากไม่พูดถึงประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเกาะที่กลายเป็นตำนาน มันก็เหมือนกับการอ่านหนังสือแล้วไม่อ่านคำนำ

สำหรับจุดเริ่มของตำนานแห่งตะรุเตา เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2479 เมื่อครั้งเกาะตะรุเตาเป็นดังแดนดิบ ดงเถื่อน อันรกชัฏ ชุกชุมไปด้วยสัตว์ร้าย งูพิษ ยุงป่า ไข้มาลาเรีย ฉลาม จระเข้

รัฐบาลไทยยุคนั้นจึงได้จัดตั้งเกาะตะรุเตาเป็น“คุกเปิด”(ทัณฑสถาน)คุมขังนักโทษการเมืองและนักโทษอุจฉกรรจ์ เนื่องจากเกาะตะรุเตามีศักยภาพ(ด้านโหดร้าย) และมีสภาพพื้นที่ที่เหมาะสม

หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2481 นักโทษอุจฉกรรจ์ 500 คนแรก ถูกส่งมายังคุมขังที่นี่ และตามต่อกันด้วยนักโทษการเมืองจากเหตุการณ์กบฏบวรเดชและกบฏนายสิบอีก 70 คน ที่ส่งมากักตัวที่อ่าวตะโละอุดังในปีถัดมา
ประภาคารหน้าอ่าวพันเตมะละกา เกาะตะรุเตา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น เกาะตะรุเตาถูกตัดขาดการติดต่อจากแผ่นดินใหญ่ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนอาหาร ยา นักโทษบนเกาะต้องอดอยาก เจ็บป่วย ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ผู้คุมและนักโทษส่วนหนึ่งจึงหันมาเป็นโจรสลัด ปล้นสะดมเรือบรรทุกสินค้าที่ผ่านไปมาในน่านน้ำบริเวณช่องแคบมะละกา

เกาะตะรุเตาในตอนนั้นจึงเปรียบดัง“นรก”! กลางทะเลดีๆนี่เอง

กระทั่งปี 2491 รัฐบาลอังกฤษที่ปกครองมลายูในขณะนั้นได้ขออนุญาตรัฐบาลไทย ส่งเรือรบและทหารเข้ากวาดล้างโจรสลัดแห่งตะรุเตาแตกพ่าย ปิดฉากนรกตะรุเตาให้กลายเป็นตำนานสืบไป
หมู่เกาะตะรุเตา ประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งขาติในปี 2517
หลังวันเปลี่ยนคืนผ่าน ปี 2517 เกาะตะรุเตาและหมู่เกาะใกล้เคียงในทะเลสตูลได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น“อุทยานแห่งชาติตะรุเตา” ก่อนตามมาด้วยการเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย

นับแต่นั้นมา อดีตเกาะนรกได้กลายเป็น“เกาะสวรรค์” แห่งท้องทะเลอันดามันที่หลายคนถวิลหา

2…

จ.สตูล ท่าเรือปากบารา

พยับแดดแผดกล้า ท้องฟ้าแจ่มใส คลื่นลมเบาบาง
ใต้ร่มเงาสนอ่าวพันเตมะละกา
จากท่าเรือปากบารา ชั่วเวลาไม่นานจากบนฝั่ง เรือนำเที่ยวได้แล่นมาถึงยังเกาะตะรุเตา ซึ่งแม้นี่จะไม่ใช่การมาเยือนตะรุเตาครั้งแรกของผม แต่ทว่าเมื่อมาทีไรก็ยังคงรักเกาะตะรุเตาอยู่เหมือนเดิม ไม่สร่างซา เพราะหาดทราย ชายทะเล บนเกาะยังคงสงบงาม สภาพธรรมชาติที่นี่ยังคงความพิสุทธิ์สมบูรณ์ สมกับตำแหน่ง“มรดกแห่งอาเซียน” ที่ได้รับจากยูเนสโกในปี พ.ศ. 2525

สำหรับจุดชวนเที่ยวชมบนเกาะตะรุเตานั้นมีมากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “อ่าวจาก” อ่าวสงบโอบอ้อมด้วยภูผา 3 ด้านที่ใครไปเยือนแล้วไม่อยากจากมา “อ่าวสารภี” แหล่งวางไข่เต่าทะเล “อ่าวสน”อ่าวโค้งสลับกับหาดหินที่ข้อมูลจากอุทยานฯบอกว่าหินปูนที่นี่มีอายุมากถึงร่วม 700 ล้านปี
อ่าวตะโละวาว เกาะตะรุเตา
และ “อ่าวตะโละวาว” หนึ่งในมุมเอกลักษณ์ของเกาะที่น่ายลและน่าทึ่งไปด้วยหินซีกก้อนยักษ์ขนาดตึก 4-5 ชั้นตั้งตระหง่านโดดเด่นริมฝั่งน้ำ ข้างๆมีสะพานท่าเรือทอดยาวไปเทียบเคียง นับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ชั้นดีมุมหนึ่งของท้องทะเลอันดามัน
อ่าวพันเตมะละกา หาดสวยน้ำใส ทรายละเอียดยิบ
ส่วนอีกอ่าวหนึ่งซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเกาะตะรุเตาก็คือ “อ่าวพันเตมะละกา” ที่ตั้งอยู่ตรงส่วนหน้าเกาะ มองออกไปในทะเลเห็นประภาคารสีขาวเด่น หาดทรายที่อ่าวพันเตฯสวยงามทอดยาวขาวสะอาด พื้นทรายละเอียดยิบดุจแป้งผัดหน้าสาว แถมหาดทรายบางช่วงเมื่อลงไปเดินเหยียบย่ำ พื้นทรายจะส่งเสียงดัง“เอี๊ยดๆ” โดยเฉพาะหากลงไปเดินสัมผัสด้วยเท้าเปล่า เสียงเหยียบทรายที่สะท้อนกลับมานั้น ช่างได้อารมณ์และได้อรรถรสมากๆ

ถัดจากหาดทรายยาวของอ่าวพันเตฯเข้ามาบนฝั่ง มีทิวสนขึ้นเรียงรายร่มรื่น มุมหนึ่งเป็นที่ตั้ง“ศาลเจ้าพ่อตะรุเตา”อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งใครมาถึงที่นี่ควรมาสักการบูชาท่านก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นถัดลึกเข้ามาเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ที่ทำการอุทยานฯ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จุดกางเต็นท์ และบ้านพักที่อยู่ลึกเข้าไปใกล้ๆกับแนวดงป่า
รูปเคารพเจ้าพ่อตะรุเตา บนเกาะตะรุเตา
นอกจากท้องทะเลสงบงามแล้ว บนเกาะตะรุเตายังอุดมไปด้วยป่าเขาธรรมชาติ มีถ้ำจระเข้ให้ล่องเรือลัดเลาะผจญภัย มีน้ำตกลูดูและน้ำตกโละโป๊ะให้สัมผัสในความชุ่มฉ่ำ มีประวัติศาสตร์อดีตนรกตะรุเตาให้เรียนรู้ มีจุดชมวิวผาโต๊ะบูให้ขึ้นไปชมวิวในแบบสุดสายตาพอโนรามา

นับได้ว่าตะรุเตาเป็นอีกหนึ่งเกาะที่ครบเครื่องเรื่องท่องเที่ยวไม่น้อยเลย ซึ่งสำหรับผมแล้ว

“ตะรุเตา รักเราไม่เก่าเลย”
เกาะไข่กับซุ้มประตูหิน อันเป็นเอกลักษณ์
3…

หมู่เกาะตะรุเตา ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่มากหลาย เมื่อมาเที่ยวท้องทะเลแห่งนี้แล้ว กิจกรรมล่องเรือ ดำน้ำ เที่ยวชมความงามของเกาะต่างๆ นับเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

สำหรับเกาะแรก ว่ากันว่าใครที่มาเที่ยวหมู่เกาะตะรุเตาแล้วไม่ได้ไปเยือน เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึง นั่นก็คือ“เกาะไข่” ที่ในอดีตเคยมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่เป็นจำนวนมาก
ซุ้มประตูหิน เกาะไข่ มีความเชื่อว่า ใครที่ควงคู่กันมาเดินลอดซุ้มประตูแห่งนี้ความรักจะสมหวังยั่งยืน
เกาะไข่ นอกจากจะมีหาดสวยน้ำใสแล้ว ยังมีสัญลักษณ์แห่งตะรุเตาและสัญลักษณ์สตูลอย่าง "ซุ้มประตูหิน" มีลักษณะเป็นแนวหินยื่นยาวจากตัวเกาะโค้งทอดตัวลงบนชายหาด นับเป็นผลงานการสร้างสรรค์อันน่าทึ่งของธรรมชาติ ซึ่งมีความเชื่อว่า ใครที่ควงคู่กันมาเดินลอดซุ้มประตูแห่งนี้ความรักจะสมหวังยั่งยืน

อีกเกาะหนึ่งที่ถือเป็นไฮไลท์แห่งตะรุเตานั่นก็คือ “เกาะหินงาม” เกาะที่ไม่มีหาดทรายขาวเนียนให้เหยียบย่ำ หากแต่มีก้อนหินงามๆ ก้อนมนๆ ทรงกลม รี แบน สีดำ น้ำตาลเข้ม อยู่เต็มหาด ซึ่งกว่าที่เกาะหินงามจะมีวันนี้ ธรรมชาติต้องใช้เวลาสรรค์สร้างอย่างยาวนานมากกินเวลานับพันนับหมื่นปี หรืออาจจะมากกว่านั้น!?!
หาดหินงาม เกาะหินงาม ห้ามเรียงหิน และห้ามขโมยหินกลับไป
นั่นจึงทำให้ทางอช.ตะรุเตา ออกกฎเข้ม ห้ามใครแอบนำ(ขโมย)หินจากบนเกาะนี้ไปเด็ดขาด พร้อมกับมีป้ายคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาขึ้นติดเอาไว้ว่า

“...ผู้ใดบังอาจเก็บหินจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะพบแต่ความหายนะ นานาประการ จะกลับไม่ถึงบ้าน จะประสบอุบัติเหตุ จะหลุดพ้นจากหน้าที่การงาน จะพบภัยพิบัติไม่มีที่สิ้นสุด...”

ในอดีตคนที่ขึ้นมาเที่ยวบนเกาะหินงามส่วนใหญ่จะนิยมขึ้นมาเรียงหินซ้อนต่อกันเป็นชั้นๆ เป็นเจดีย์หิน หรือคอนโดหิน แล้วอธิษฐาน บ้างก็ว่าถ้าเรียงซ้อนกันได้ 13 ก้อน 13 ชั้น จะโชคดี ส่วนบ้างก็ว่า ยิ่งเรียงได้สูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งโชคดี
หินก้อนงามๆบนเกาะหินงาม
นั่นจึงทำให้มีคนมาเรียงหินบนเกาะหินงามกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อหินบนเกาะหินงามตามมา เพราะเมื่อมีคนนำก้อนหินขึ้นเรียงซ้อนกันเป็นเจดีย์แล้ว ยามเมื่อมีลมแรงๆพัดกระโชก เจดีย์หินที่ส่วนใหญ่ถูกเรียงวางไว้แบบไม่เสถียรเมื่อถูกลมพัดเสียสมดุลเพียงเล็กน้อยก็จะโค่นพังลงมา ทำให้ก้อนหินบางก้อนแตกหักเปลี่ยนจากหินงามกลายเป็นหินแตก ส่งผลเสียหายต่อก้อนหินที่สวยงามของเกาะแห่งนี้

ด้วยเหตุนี้ปัจจุบันทางอช.ตะรุเตา จึงประกาศห้ามนักท่องเที่ยวเรียงหินบนเกาะหินงาม ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรหินสวยๆงามๆบนเกาะแห่งนี้ไว้ให้ดำรงคงอยู่ ไม่ให้เกิดแตกหักชำรุด(มากกว่าเดิมที่ผ่านมา) ซึ่งเกิดมาจากการเรียงหินของน้ำมือมนุษย์
เกาะราวี หาดทรายชาวเนียน น้ำทะเลสวยใส
นอกจาก 2 เกาะไฮไลท์ตามที่กล่าวมาแล้ว หมู่เกาะตะรุเตายังมีเกาะฝาแฝดอย่าง “เกาะอาดัง-ราวี” 2 เกาะใหญ่ที่อยู่ห่างกันเพียงแค่ราว 1 กิโลเมตร

ทั้งเกาะอาดังและเกาะราวีมีเสน่ห์คล้ายกันๆคือเป็นเกาะสงบงาม มีหาดทรายขาวเนียบ น้ำทะเลสวยงาม รวมไปถึงองค์ประกอบของธรรมชาติอันเรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์
เกาะหินซ้อน อีกหนึ่งประติมากรรมอันน่าทึ่งของธรรมชาติ
ขณะที่เกาะเล็กๆน่าสนใจอื่นๆก็มี “เกาะหินซ้อน” ที่เป็นประติมากรรมธรรมชาติก้อนหินใหญ่วางซ้อนกันกลางทะเลดูเหมือนจะตกไม่ตกแหล่ แต่ว่ากลับมีความสมดุล ดูน่าทึ่งเป็นยิ่งนัก ”เกาะรอกลอย”(รอ-กลอย) เกาะขนาดเล็กประเภทจิ๋วแต่แจ๋ว กับวิวทิวทัศน์งดงามตา โดยเฉพาะกับหาดทรายและผืนน้ำทะเลที่ไหลผ่านสันทรายน้ำตื้นระหว่างเกาะรอกลอยกับเกาะดงที่อยู่ติดๆกันนั้น มันช่างสวยงามจับใจ
น้ำทะเลใสแจ๋วที่เกาะรอกลอย
สายน้ำที่เกาะรอกลอยใสแจ๋วแหวว ก่อนจะค่อยๆไล่โทนไปสู่สีเขียวอมฟ้าจางๆ ยามต้องแสงแดดจะเป็นประกายพริบพรายระยิบระยับ จนได้รับฉายาว่าเป็น “มรกตกลางทะเล” รวมถึงถูกยกให้เป็น “สระ(ว่าย)น้ำกลางทะเล” ที่ใครมาเห็นต่างอดไม่ได้ที่จะลงแหวกว่ายเล่นน้ำท่ามกลางสระธรรมชาติอันงดงามแห่งนี้
ปะการัง 7 สี ร่องน้ำจาบัง
นอกจากนี้หมู่เกาะตะรุเตายังมีจุดดำน้ำน่าสนใจ ได้แก่ บริเวณเกาะผึ้ง เกาะยาง เกาะดง เกาะกระ และที่ถือเป็นจุดไฮไลท์ก็คือ“ร่องน้ำจาบัง” ที่อุดมไปด้วยปะการังสีสันสดสวยทั้ง ชมพู ม่วง แดง เหลือง สีฟ้า สมดังคำร่ำลือว่าที่นี่มีปะการัง 7 สี สวยไม่เป็นรองใคร

แต่ด้วยความที่กระแสน้ำที่นี่ไหลเชี่ยวแรงมาก ดังนั้นผู้ที่ลงดำน้ำดูปะการังต้องสวมชูชีพทุกครั้ง ใครที่ว่ายน้ำไม่แข็งหรือว่ายน้ำไม่เป็นต้องเกาะเชือกที่เขามีผูกไว้ให้แม่นมั่น เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนและไม่ควรประมาทด้วยประการทั้งปวง
หาดเมาเท่น เกาะหลีเปีะ
4…

หมู่เกาะตะรุเตายังมีเพชรน้ำงามอีกหนึ่งเม็ด คือ “เกาะหลีเป๊ะ” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลอันแสนฮอตฮิตของบ้านเรา

เกาะหลีเป๊ะ ก่อนที่จะถูกค้นพบและแปรสภาพกลายเป็นเกาะท่องเที่ยวเต็มรูปแบบอย่างในวันนี้ เดิมเป็นบ้านของชาวเล(อูรักลาโว้ย)มาก่อน ก่อนที่อุทยานแห่งชาติ คนบนแผ่นดินใหญ่ การท่องเที่ยว นายทุน นักท่องเที่ยว และฯลฯ จะตามเข้ามาในภายหลัง พร้อมๆกับรุกคืบผลักดันชาวเล“คนใน”เจ้าของเดิม ให้ออกไปยืนห่างๆไม่ต่างอะไรจาก“คนนอก” ซึ่งวันนี้บนเกาะหลีเป๊ะยังพอมีภาพวิถีชีวิตของชาวเลยุคใหม่ หลงเหลือให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสกันแบบพอหอมปากหอมคอ ไม่ว่าจะเป็น บ้านเรือนผสมแบบดั้งเดิมกับวิถีใหม่ หรือการใช้ชีวิตร่วมสมัยที่ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไป
ท้องทะเลหน้าหาดเมาเท่น น้ำทะเลสวยใส
สำหรับชายหาดหลักๆอันสวยงามโดดเด่นบนเกาะหลีเป๊ะนั้น ได้แก่

หาดชาวเล”(Sunrise Beach)ที่บริเวณหลังเกาะ เดิมที่นี่เคยเป็นถิ่นอาศัยของชุมชนชาวเล แต่เมื่อการท่องเที่ยวเติบโต ที่ดินถูกขาย ให้เช่าทำเป็นที่พัก บังกะโล ชาวเลก็ถูกย้ายไปตั้งชุมชนลึกเข้าไปใกล้ๆกับโรงเรียนบ้านอาดัง(โรงเรียนประจำเกาะหลีเป๊ะ) ขณะที่วิถีชาวเลวันนี้ก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่ออกทะเลเป็นหลักวันนี้เปลี่ยนมาทำด้านการท่องเที่ยวขับเรือนำเที่ยว เป็นลูกจ้าง แรงงาน ตามร้านอาหาร โรงแรม หรือบางคนก็เปิดร้านอาหารเองก็มี
หาดชาวเล เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นชั้นดี
หาดชาวเล เป็นชายหาดยาวทอดเคียงคู่ไปกับทิวสน ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นชั้นดี ในยามเช้าที่ฟ้าเป็นใจสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ดวงกลมแดงลอยโผล่ขึ้นมาจากม่านเมฆกลางทะเลอันสวยงาม โดยมี “เกาะกระ” เกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ใกล้ๆฝั่ง และที่เรือจอดเรียงราย ร่วมเป็นองค์ประกอบแห่งความงาม

หาดเมาเท่น”(เมาเทิร์น) หาดที่ตั้งชื่อตามตามชื่อรีสอร์ทที่อยู่บริเวณนั้น (หรือบางคนก็เรียกหาดนี้ว่า “หาดคาร์มา”)
แนวสันทราย ที่หาดเมาเท่น
หาดเมาเท่น ตั้งอยู่ใกล้ๆหาดชาวเล ณ ส่วนปลายสุดฝั่งหนึ่งของแนวชายหาดหลังเกาะ มีแนวชายหาดขาวเนียนสวยงามยื่นเป็นครึ่งวงรีกินเข้าไปในทะเล เป็นหาดน้ำตื้นที่คนนิยมมาเล่นน้ำกันมาก มีน้ำทะเลสวยใสแจ๋ว

ในช่วงน้ำลง ที่หน้าหาดเมาเท่นจะผุดแนวสันทรายกลางทะเลขึ้นมา เป็นเกาะเล็กๆแบนๆ น้ำทะเลใสแจ๋ว ทรายละเอียดยิบ นอกจากนี้ในช่วงเย็นที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะหลีเป๊ะ

หาดประมง” หรือ “หาดซันเซ็ท” (Sunset) เป็นอีกหนึ่งหาดบนเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงาม เพราะแนวหาดหันหน้าเข้าประจันกับดวงอาทิตย์ยามเย็นแบบชัดแจ้ง
หาดบันดาหยา หาดยอดนิยมแห่งเกาะหลีเป๊ะ
บนเกาะหลีเป๊ะยังมีหาดไฮไลท์อยู่อีกหนึ่งหาดคือ “หาดบันดาหยา” อันเป็นด่านแรกในการเหยียบเกาะหลีเป๊ะ เพราะเป็นจุดขึ้น-ลงเรือเทียบท่าชายฝั่ง

สำหรับชื่อหาดบันดาหยานั้นเป็นชื่อแท้ๆของหาดแห่งนี้ แต่ที่ผ่านมาเรามักจะเรียกชื่อหาดนี้ตามฝรั่งกันติดปากว่า“หาดพัทยา” รวมไปถึงตามเอกสารนำเที่ยวและข้อมูลท่องเที่ยวในอินเตอร์เน็ตจำนวนมากก็มักจะเรียกว่าหาดพัทยาด้วยเช่นกัน
แนวหาดทรายโล่งกว้างที่หาดบันดาหยา
หาดบันดาหยา เป็นหาดโค้งยาวสวยงาม มีทรายละเอียดแน่นนุ่มเท้า เป็นหาดยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ทั้งมาเล่นน้ำ อาบแดด พักผ่อน ดื่มกิน และเมามาย รวมถึงมาเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ตกทะเลอันสวยงาม

สมัยก่อนหาดบันดาหยาเงียบสงบ มีที่พักไม่กี่หลัง ตัวผมเองเคยมาพักที่หาดแห่งนี้ครั้งแรกเมื่อกว่า 15 ปีมาแล้ว สมัยที่เกาะหลีเป๊ะยังไม่บูม หาดบันดาหยาสงบและงดงามนัก ที่นี่มีหาดทรายชายทะเลอันสวยงาม ธรรมชาติอันพิสุทธิ์ และคลื่นลมเห่กล่อม นับเป็นสวรรค์ดีๆที่เราไม่จำเป็นต้องเรียกหานางฟ้าหรือเทวดาแต่อย่างใด

จากวันนั้นมาถึงวันนี้หาดบันดาหยาเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่นเดียวกับเกาะหลีเป๊ะที่เปลี่ยนแปลงไป จนต้องมีการไร่ลื้อจัดระเบียบรีสอร์ทบางแห่งที่ทำผิดกฎหมาย จนปรากฏเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว
ในช่วงไฮซีซั่น หาดบันดาหยาจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย(ภาพก่อนการจัดระเบียบของคสช.)
หาดบันดาหยาวันนี้ เต็มไปด้วย สิ่งปลูกสร้าง ที่พัก ร้านอาหาร บาร์เบียร์ โดยอย่างยิ่งในยามค่ำคืนที่หาดบันดาหยาจะคึกคักไปด้วยแสงสีและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสกับสีสันยามราตรี ดื่มกิน เมา ชมควงกระบองไฟ ฟังเพลง และอีกสารพัดกิจกรรมที่จะสรรหา

นอกจากนี้บนหาดบันดาหยายังมีเส้นทางถนนคนเดินอันคึกคักมากไปด้วยร้านรวง ทอดยาวไปสิ้นสุดๆแถวบริเวณกลางเกาะ นับเป็นแหล่งบันเทิงยามราตรีที่ยากจะหลับใหลเช่นเดียวกับหน้าหาดบันดาหยา
สีสันยามราตรีอันคึกคักที่หาดบันดาหยา(ภาพก่อนการจัดระเบียบของคสช.)
ครับด้วยความเปลี่ยนแปลง ความเจริญเติบโตทางวัตถุอยากมากมายของหาดบันพาหยาและเกาะหลีเป๊ะในวันนี้(และในช่วงราว 5 ปีที่ผ่านมา) ทำให้หลายๆคนอดเป็นห่วงเกาะหลีเป๊ะไม่ได้ ว่า หากต่างคนต่างมุ่งเข้ามากอบโกย ไม่มีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้เกาะหลีเป๊ะ ไม่มีการจัดระเบียบควบคุมสิ่งก่อสร้าง ควบคุมทัศนะอุจาด ไม่แก้ปัญหาเรื่องขยะได้ ไม่มีการวางแผนเพื่อรองรับการเติบโตของเกาะในทิศทางที่ถูกต้องและชัดเจน

เกาะหลีเป๊ะในวันหน้าอาจเป็น“เกาะเละปี๋” ที่ถ้าหากว่าทางผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ปล่อยปละละเลยปัญหาต่างๆให้เป็นไปตามยถากรรม บางทีในอนาคตข้างหน้าทะเลไทยอาจต้องสูญเสียเพชรเม็ดงามนามว่า“หลีเป๊ะ”ไป แบบไม่มีวันหวนคืน
หาดบันดาหยา เป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกอันงดงามบนเกาะหลีเป๊ะ
*****************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น