วัดวาอารามและสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนานั้นมีอยู่มากมายหลายแห่งในประเทศไทย แต่ละสถานที่ย่อมมีเรื่องราวและประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน และในวันนี้ฉันก็ได้อยู่ในอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงอย่าง “องค์พระปฐมเจดีย์” หรือที่ชาวนครปฐมมักเรียกกันติดปากว่า “องค์พระ” ตั้งอยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ต.องค์พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม บริเวณใจกลางของตัวเมืองนครปฐม
องค์พระปฐมเจดีย์ถือเป็นพระมหาเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เดิมมีชื่อเรียกว่า “พระธมเจดีย์” ประวัติความเป็นมาขององค์พระปฐมเจดีย์มีมาอย่างยาวนานย้อนกลับไปถึงยุคสุวรรณภูมิ คาดว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อคราวที่พระสมณทูตในพระเจ้าอโศกมหาราช เดินทางมาเผยแผ่ศาสนายังสุวรรณภูมิ องค์พระปฐมเจดีย์นั้นเป็นพระเจดีย์ขนาดใหญ่ รูปทรงระฆังคว่ำ โครงสร้างเดิมเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่เส้นใหญ่ ก่อด้วยอิฐ ก่อนจะได้รับการปฏิสังขรณ์ในครั้งแรกโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ขณะที่ทรงยังผนวชได้ธุดงค์และพบองค์พระปฐมเจดีย์ที่อยู่ในสภาพเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรม
เดินมาสักพักฉันก็มาถึงบริเวณด้านบนขององค์พระปฐมเจดีย์ สถานที่แรกที่ฉันได้เข้าไปดูก็คือ “วิหารปัญจวคีย์” บริเวณภายในของวิหารนั้นประกอบไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรประณีตอยู่รอบด้าน เป็นเรื่องราวที่แสดงถึงประวัติความเป็นมาของพุทธศาสนา ประวัติการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน และประวัติศาสตร์องค์พระปฐมเจดีย์ 3 สมัย ในยุครัตนโกสินทร์ และจากคำบอกเล่าของผู้ดูแล เมื่อไม่นานมานี้ภายในวิหารเพิ่งจะมีการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จ สีสันของจิตรกรรมฝาผนังจึงยิ่งมีความสวยสดงดงามเป็นพิเศษมากขึ้น
เสร็จจากวิหารปัญจวคีย์ ฉันก็เดินชมพระปฐมเจดีย์ต่อจนมาพบกับพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่เรียงรายอยู่โดยรอบ เป็นความโชคดีของฉันมากเพราะถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปปางต่างๆ แต่ที่พระปฐมเจดีย์แห่งนี้ก็มีป้ายข้อมูลติดไว้บริเวณพระพุทธรูปทุกปาง ฉันจึงสามารถอ่านทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดาย และสามารสักการะได้อย่างทั่วถึง
ถัดมาบริเวณใกล้เคียงกันก็จะมี มีการสร้างสถูปจำลองพระปฐมเจดีย์องค์เก่าไว้ ซึ่งถึงแม้จะเป็นเพียงสถูปจำลองแต่ก็มีความสวยสดงดงามไม่แพ้องค์พระปฐมเจดีย์ในปัจจุบัน
เดินต่อมาเรื่อยๆ ฉันก็ต้องหยุดดูเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของฉันนั้นช่างน่าสนใจยิ่ง นั่นคือ “ถ้ำลับแลและถ้ำตะเคียนทอง” ไม่รอช้าฉันจึงเดินเข้าไปสำรวจ เริ่มต้นจาก “ถ้ำลับแล” ที่บริเวณปากทางเข้านั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก การจะเดินเข้ามาต้องใช้ความระมัดระวังสักหน่อย ภายในเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิม หลวงพ่อพันปี และพระพระสังกัจจายน์ และในส่วนของ “ถ้ำตะเคียนทอง” นั้นจะมีทางเดินที่ค่อนข้างกว้าง เป็นที่ประดิษฐานของสมเด็จพุทธาจารย์โต และเจ้าแม่ตะเคียนทอง (องค์พี่)
ด้วยความเก่าแก่ของสถานที่บริเวณจังหวัดนครปฐมเอง จากการวิจัยและสำรวจพื้นที่ทำให้มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุเป็นจำนวนมากทั้งจากสมัยบ้านเชียง และสมัยทวารวดี เช่น พระพุทธรูป หินบดยา กำไลข้อมือ เงินโบราณ ลูกประคำดินเผา ฯลฯ ซึ่งโบราณวัตถุเหล่านี้ได้ถูกเก็บรวบรวมและรักษาไว้เป็นอย่างดีใน “พิพิธภัณฑ์วัดพระปฐมเจดีย์” ตั้งอยู่บริเวณชั้นลดด้านทิศตะวันออกตรงข้ามพระอุโบสถ และนอกจากโบราณวัตถุต่างๆ ที่เก็บรักษาและจัดแสดงไว้ ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเป็นที่เก็บหีบศพของย่าเหลซึ่งเป็นสุนัขที่รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดปราน และโต๊ะหมู่บูชาซึ่งในพิธีศพ
และก็มาถึงส่วนสำคัญขององค์พระปฐมเจดีย์ “พระร่วงโรจนฤทธิ์” ซึ่งในวันที่ฉันไปนั้นมีผู้คนเดินทางมาสักการะบูชาอยู่เป็นจำนวนมาก พระร่วงโรจนฤทธิ์เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติศิลปะแบบสุโขทัย ประทับยืนอยู่บนฐานโลหะทองเหลืองลายบัวคว่ำบัวหงาย ทำวงพระพักตร์ตามยาว และพระบาทไม่เสมอกัน เป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดนครปฐมและพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วไป ชื่อเต็มของพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็คือ พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรโมภาส มหาวชิราวุธ ราชปูชนียบพิตร ตามประกาศกระแสพระบรมราชโองการ แต่ประชาชนทั่วไป จะเรียกว่า “หลวงพ่อพระร่วง” หรือ “พระร่วงโรจนฤทธิ์”
หากใครที่มีโอกาสแวะเวียนไปยังจังหวัดนครปฐม ก็อย่าลืมไปไหว้พระขอพรชมความสวยงามที่วัดพระปฐมเจดีย์แห่งนี้ กันได้ สำหรับการเดินทางไปนั้นก็ไม่ยากเพราะมีรถหลายสายจากกรุงเทพฯ วิ่งตรงเข้าสู่จังหวัดนครปฐม หรือหากเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ และในช่วงเย็นภายในบริเวณวัดยังมีตลาดโต้รุ่งให้ได้อิ่มหนำสำราญกับอาหารอร่อยๆ ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com