โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
...ตลอดระยะเวลา 700 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัย ประเทศไทยสามารถรักษาความเป็นเอกราช พสกนิกรชาวไทยดำรงชีวิตอย่างเป็นปกติสุขจวบจนถึงปัจจุบัน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่อดีตซึ่งทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ เพื่อนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตต่างๆทั้งการนำทัพสู้ศึกสงครามกับข้าศึกที่มารุกราน และการดำเนินพระบรมราโชบายในการประคับประคองบ้านเมืองให้รอดพ้นจากมหาอำนาจชาติตะวันตก ในช่วงเวลาที่ประเทศเพื่อนบ้านอยู่ภายใต้อิทธิพลของต่างชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์จึงเป็นศูนย์รวมจิตใจที่มีความสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย...
นั่นคือข้อความช่วงแรกจาก “ความเป็นมาในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์” จากเอกสาร“อุทยานราชภักดิ์” ที่ผมได้รับเมื่อครั้งมีโอกาสได้ไปสักการะเยี่ยมชมเมื่อไม่นานมานี้ จึงเก็บความประทับใจและข้อมูลน่าสนใจบางส่วนมาเล่าสู่กันฟัง
1...
อุทยานราชภักดิ์ ตั้งอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดสร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ซึ่งทุกพระองค์ทรงสร้างคุณูปการที่ใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ โดยมีกองทัพบกแม่งานหลัก ร่วมด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่ร่วมกันสมทบทุนบริจาค
อุทยานราชภักดิ์ มีพื้นที่ 222 ไร่ ประกอบด้วย
-พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ มีพื้นที่ 5 ไร่ บริเวณฐานด้านล่างของพระบรมราชานุสาวรีย์ เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจสำคัญของบูรพกษัตริย์ไทย
-ลานอเนกประสงค์ มีพื้นที่ประมาณ 91 ไร่ ใช้สำหรับประกอบพิธีสำคัญของกองทัพบก และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ
-พื้นที่ส่วนที่เหลือ 126 ไร่ เป็นพื้นที่ภูมิทัศน์โดยรอบที่จะมีการจัดแต่งภูมิทัศน์ให้สวยงาม และ จัดสร้างสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวกต่าง
2...
“อุทยานราชภักดิ์” เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า “อุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์”
วันที่ 19 ส.ค.58 เวลา 09.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวง ถวายเครื่องราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ทั้ง 7 พระองค์
วันที่ 26 ก.ย. 58 ในช่วงเช้าเวลา 09.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ (อดีต)ผบ.ทบ.เป็นประธานในพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์
จากนั้นในช่วงเย็นเวลา 18.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นองค์ประธานเปิดอุทยานราชภักดิ์ พร้อมทอดพระเนตรการแสดง แสง สี เสียง โภชอุทยานฯอลังการ
3…
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ แห่งอุทยานราชภักดิ์ ประกอบด้วย
1.“พ่อขุนรามคำแหงมหาราช” ผู้แกร่งกล้าสร้างชาติมารุ่งเรืองเมืองอร่าม สร้างอักษรปรากฏดูงดงาม ทั่วเขตคามต่างศรัทธาสาธุการ
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช(สมัยกรุงสุโขทัย) เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติเมื่อ พ.ศ. 1822 ถึง พ.ศ. 1841 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของไทยที่ได้รับการยกย่องเป็น “มหาราช” ด้วยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประโยชน์ แก่แผ่นดิน ทรงรวบรวมอาณาจักรสยามจนเป็นปึกแผ่นกว้างขวาง ทั้งยังได้ทรงประดิษฐ์ลายสือไทยขึ้น ทำให้สยามได้สะสมความรู้ทางศิลปะ วัฒนธรรม และวิชาการต่างๆ สืบทอดกันมากว่าเจ็ดร้อยปี...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนถือพระแสงของ้าวในอิริยาบถโน้มลงแผ่นดิน มีความหมายว่าพระองค์ได้ผ่านการรบมาโชกโชน แต่ตอนนี้อยากจะปกครองแผ่นดินให้สงบสุขอุดมสมบูรณ์
2. “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ผู้องอาจเกรียงไกรเกินไขขาน กอบกู้ชาติกลับเป็นไทยในก่อนกาล สร้างตำนาน“ยุทธหัตถี”ศรีชาติไทย
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(สมัยกรุงศรีอยุธยา) เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2089 พระองค์ได้กอบกู้อิสรภาพ และได้ทรงแผ่ขยายอำนาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 สิริรวมการครองราชย์สมบัติ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 รวมพระชนมายุ 50 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนถือทวนและสะพายพระแสงดาบในชุดนักรบ แสดงถึงความพร้อมในการออกรบตลอดเวลา
3.“สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” ทรงสร้างชาติตามแนวทางอย่างยิ่งใหญ่ เปิดการทูตการค้าพาก้าวไกล ปักธงชัยเปิดบ้านสานสัมพันธ์
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช(สมัยกรุงศรีอยุธยา) เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ปีวอก พ.ศ. 2175 เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2199 ขณะมีพระชนมายุ 25 พรรษา พระองค์ทรงใช้หลักการทูตในการรักษาเอกราชของสยามประเทศโดยการเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศสในสมัย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ครองราชสมบัติเป็นเวลา 32 ปี รวมพระชนมายุ 56 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนในชุดฉลองพระองค์เต็มยศและสวมมงกุฎ เนื่องจากช่วงนั้นอยุธยามีการติดต่อกับชาติตะวันตก จึงต้องแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์
4.“สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” กอบกู้ชาติสร้างพาราประชาสันต์ “กรุงธนบุรี” ศรีประจันต์ เป็นขอบขัณฑ์เมืองหลวงปวงประชา
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช(สมัยกรุงธนบุรี) เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2277 เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 พระองค์ได้กอบกู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงครั้งที่ 2 และได้รวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นจากการแบ่งเป็นก๊กเหล่าต่างๆ สถาปนา “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร” เป็นราชธานี เสด็จสวรรคตเมื่อ วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ครองราชสมบัติ 15 ปี รวมพระชนมายุ 48 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนถือพระแสงดาบด้วยสีหน้าแววตาอันดุดันจากการกรำศึกหนัก
5. “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” เก่งองอาจยอดทหารผู้ชาญกล้า “สร้างกรุงเทพฯ” ยิ่งใหญ่ในพารา จิตศรัทธาพุทธศาสน์ฉลาดธรรม
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 กรุงรัตนโกสินทร์) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งพระนคร สถาปนากรุงเทพมหานครฯ เป็นราชธานี และโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมเช่นเดียวกับกรุงศรีอยุธยาทุกประการ เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2352 ครองราชย์สมบัติ 27 ปี รวมพระชนมายุ 73 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนถือพระแสงดาบในฝัก หมายถึงการเป็นเสาหลักแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
6.“พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงรู้ทั่วเป็นปราชญ์ฉลาดล้ำ “ดาราศาสตร์” รู้แจ้งแสดงนำ แถลงคำทายทักประจักษ์จริง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4 กรุงรัตนโกสินทร์) พระราชโอรส พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศล้านภาลัย เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 เมื่อ พ.ศ. 2411 พระองค์ทรงนิวัฒน์สยามประเทศให้มีความทันสมัย โดยทรงนำงานด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ มาผนวกรวมกับอารยธรรมสยาม จนทำให้สยามประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมอารยประเทศ อาทิ ทรงคำนวณว่าจะปรากฏสุริยุปราคาเต็มดวงได้ในประเทศสยาม ณ ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่พระองค์ทรงคำนวณจึงเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงดังที่ทรงได้คำนวณไว้ เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งภานุมาศจำรูญ ภายในพระบรมมหาราชวัง รวมพระชนมายุ 64 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนพระหัตถ์ขวาทรงถือกล้องส่องดูดาว พระหัตถ์ซ้ายทรงถือพระแสงดาบ
7.“พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช” ทรงเลิกทาสสร้างสุขคืนทุกสิ่ง สร้างประเทศทั่วเขตคามตามอ้างอิง มิเคยทิ้งทวยราษฎร์ชนชาติไทย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช(รัชกาลที่ 5 กรุงรัตนโกสินทร์) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เสวยราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง(พ.ศ. 2411) ทรงมีพระราชกรณียกิจที่ทำให้สยามประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมอาณาประเทศ ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเลิกทาสคืนอิสรภาพของมวลประชาสู่ความเป็นไท ทรงจัดตั้งระบบราชการที่มีความทันสมัยแบบตะวันตก ทรงพัฒนาการทหารให้มีความเจริญรุ่งเรือง สืบต่อมาจนปัจจุบันกาล และพระราชกรณียกิจอีกมากล้นเกินคณานับ กระทั่งผู้คนมักออกพระนาม “พระปิยมหาราช” แปลว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รัก รวมสิริดำรงาชสมบัติ 42 ปี 22 วัน (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453) รวมพระชนมายุ 58 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนในชุดฉลองพระองค์แบบฝรั่ง พระหัตถ์ซ้ายจับกระบี่ แสดงถึงความมั่นคงของประเทศ
4...
อุทยานราชภักดิ์ยังมีความพิเศษบางประการที่หลายคนอาจไม่รู้ ซึ่ง พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ หรือ “ผู้การโต” ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ คณะกรรมการอำนวยการการก่อสร้าง ได้ให้สัมภาษณ์ ผ่านรายการ “ลับลวงพราง” ซึ่งผมขอคดบางส่วนมาดังนี้
“ผมไปสืบค้นมาแล้วว่า ในโลกนี้ไม่มีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ของประเทศใดที่ยืนเรียงรายกันทั้ง 7 พระองค์ ในพื้นที่เดียวกัน ในลานด้านหน้าเป็นลานคอนกรีต กว้าง 199 เมตร ยาว 299 เมตร หรือคิดเป็น 60,000 ตารางเมตร ก็ประมาณ 2 เท่าของลานพระบรมรูปทรงม้า ส่วนความสูงของแต่ละพระองค์จะอยู่ที่ 13.9 เมตร แท่นฐานของแต่ละพระองค์สูง 8 เมตร บวกกับแท่นที่ยืนอีก 1.5 เมตร รวมทั้งสิ้น 23.4 เมตร ก็ดูแล้วเป็นที่บังเอิญหรือเปล่าไม่ทราบ บวกเลขแล้วได้เลขท้ายเป็นเลข 9 ซึ่งเป็นเลขมงคลพอดี ซึ่งสร้างอยู่บนพื้นที่ 222 ไร่...”
นั่นคือความยิ่งใหญ่อลังการของอุทยานราชภักดิ์ที่ถือเป็นครั้งแรกของโลก ตามคำกล่าวของผู้การโต ที่มีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ยืนเรียงรายกัน 7 พระองค์ ในพื้นที่เดียวกัน
ทั้งนี้หลังจากเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าเที่ยวชม วันนี้อุทยานราชภักดิ์ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อแห่งใหม่ เป็นไฮไลท์แห่ง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
อีกทั้งยังเป็นดังศูนย์รวมจิตใจแห่งใหม่ของปวงชนชาวไทย
*****************************************
“อุทยานราชภักดิ์” ตั้งอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดให้เข้าชมฟรี!!! ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
การเดินทางสู่อุทยานราชภักดิ์ : จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4) ขับผ่าน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และเข้าสู่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มุ่งหน้าไปยังกองทัพบก หรือป้ายแนะนำ “อุทยานราชภักดิ์”
ใครที่ไม่มีรถส่วนตัว สามารถนั่งรถตู้หรือรถโดยสารประจำทางมาลงที่ อ.หัวหิน แล้วนั่งรถโดยสารท้องถิ่นไปยังอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งอยู่ห่างจาก อ.หัวหิน ประมาณ 4 กิโลเมตร
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
...ตลอดระยะเวลา 700 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัย ประเทศไทยสามารถรักษาความเป็นเอกราช พสกนิกรชาวไทยดำรงชีวิตอย่างเป็นปกติสุขจวบจนถึงปัจจุบัน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่อดีตซึ่งทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ เพื่อนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตต่างๆทั้งการนำทัพสู้ศึกสงครามกับข้าศึกที่มารุกราน และการดำเนินพระบรมราโชบายในการประคับประคองบ้านเมืองให้รอดพ้นจากมหาอำนาจชาติตะวันตก ในช่วงเวลาที่ประเทศเพื่อนบ้านอยู่ภายใต้อิทธิพลของต่างชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์จึงเป็นศูนย์รวมจิตใจที่มีความสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย...
นั่นคือข้อความช่วงแรกจาก “ความเป็นมาในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์” จากเอกสาร“อุทยานราชภักดิ์” ที่ผมได้รับเมื่อครั้งมีโอกาสได้ไปสักการะเยี่ยมชมเมื่อไม่นานมานี้ จึงเก็บความประทับใจและข้อมูลน่าสนใจบางส่วนมาเล่าสู่กันฟัง
1...
อุทยานราชภักดิ์ ตั้งอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดสร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ซึ่งทุกพระองค์ทรงสร้างคุณูปการที่ใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ โดยมีกองทัพบกแม่งานหลัก ร่วมด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่ร่วมกันสมทบทุนบริจาค
อุทยานราชภักดิ์ มีพื้นที่ 222 ไร่ ประกอบด้วย
-พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ มีพื้นที่ 5 ไร่ บริเวณฐานด้านล่างของพระบรมราชานุสาวรีย์ เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจสำคัญของบูรพกษัตริย์ไทย
-ลานอเนกประสงค์ มีพื้นที่ประมาณ 91 ไร่ ใช้สำหรับประกอบพิธีสำคัญของกองทัพบก และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ
-พื้นที่ส่วนที่เหลือ 126 ไร่ เป็นพื้นที่ภูมิทัศน์โดยรอบที่จะมีการจัดแต่งภูมิทัศน์ให้สวยงาม และ จัดสร้างสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวกต่าง
2...
“อุทยานราชภักดิ์” เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า “อุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์”
วันที่ 19 ส.ค.58 เวลา 09.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวง ถวายเครื่องราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ทั้ง 7 พระองค์
วันที่ 26 ก.ย. 58 ในช่วงเช้าเวลา 09.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ (อดีต)ผบ.ทบ.เป็นประธานในพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์
จากนั้นในช่วงเย็นเวลา 18.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นองค์ประธานเปิดอุทยานราชภักดิ์ พร้อมทอดพระเนตรการแสดง แสง สี เสียง โภชอุทยานฯอลังการ
3…
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ แห่งอุทยานราชภักดิ์ ประกอบด้วย
1.“พ่อขุนรามคำแหงมหาราช” ผู้แกร่งกล้าสร้างชาติมารุ่งเรืองเมืองอร่าม สร้างอักษรปรากฏดูงดงาม ทั่วเขตคามต่างศรัทธาสาธุการ
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช(สมัยกรุงสุโขทัย) เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติเมื่อ พ.ศ. 1822 ถึง พ.ศ. 1841 พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของไทยที่ได้รับการยกย่องเป็น “มหาราช” ด้วยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประโยชน์ แก่แผ่นดิน ทรงรวบรวมอาณาจักรสยามจนเป็นปึกแผ่นกว้างขวาง ทั้งยังได้ทรงประดิษฐ์ลายสือไทยขึ้น ทำให้สยามได้สะสมความรู้ทางศิลปะ วัฒนธรรม และวิชาการต่างๆ สืบทอดกันมากว่าเจ็ดร้อยปี...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนถือพระแสงของ้าวในอิริยาบถโน้มลงแผ่นดิน มีความหมายว่าพระองค์ได้ผ่านการรบมาโชกโชน แต่ตอนนี้อยากจะปกครองแผ่นดินให้สงบสุขอุดมสมบูรณ์
2. “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ผู้องอาจเกรียงไกรเกินไขขาน กอบกู้ชาติกลับเป็นไทยในก่อนกาล สร้างตำนาน“ยุทธหัตถี”ศรีชาติไทย
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(สมัยกรุงศรีอยุธยา) เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2089 พระองค์ได้กอบกู้อิสรภาพ และได้ทรงแผ่ขยายอำนาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 สิริรวมการครองราชย์สมบัติ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 รวมพระชนมายุ 50 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนถือทวนและสะพายพระแสงดาบในชุดนักรบ แสดงถึงความพร้อมในการออกรบตลอดเวลา
3.“สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” ทรงสร้างชาติตามแนวทางอย่างยิ่งใหญ่ เปิดการทูตการค้าพาก้าวไกล ปักธงชัยเปิดบ้านสานสัมพันธ์
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช(สมัยกรุงศรีอยุธยา) เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ปีวอก พ.ศ. 2175 เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2199 ขณะมีพระชนมายุ 25 พรรษา พระองค์ทรงใช้หลักการทูตในการรักษาเอกราชของสยามประเทศโดยการเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศสในสมัย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ครองราชสมบัติเป็นเวลา 32 ปี รวมพระชนมายุ 56 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนในชุดฉลองพระองค์เต็มยศและสวมมงกุฎ เนื่องจากช่วงนั้นอยุธยามีการติดต่อกับชาติตะวันตก จึงต้องแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์
4.“สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” กอบกู้ชาติสร้างพาราประชาสันต์ “กรุงธนบุรี” ศรีประจันต์ เป็นขอบขัณฑ์เมืองหลวงปวงประชา
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช(สมัยกรุงธนบุรี) เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2277 เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 พระองค์ได้กอบกู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงครั้งที่ 2 และได้รวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นจากการแบ่งเป็นก๊กเหล่าต่างๆ สถาปนา “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร” เป็นราชธานี เสด็จสวรรคตเมื่อ วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ครองราชสมบัติ 15 ปี รวมพระชนมายุ 48 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนถือพระแสงดาบด้วยสีหน้าแววตาอันดุดันจากการกรำศึกหนัก
5. “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” เก่งองอาจยอดทหารผู้ชาญกล้า “สร้างกรุงเทพฯ” ยิ่งใหญ่ในพารา จิตศรัทธาพุทธศาสน์ฉลาดธรรม
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 กรุงรัตนโกสินทร์) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งพระนคร สถาปนากรุงเทพมหานครฯ เป็นราชธานี และโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมเช่นเดียวกับกรุงศรีอยุธยาทุกประการ เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2352 ครองราชย์สมบัติ 27 ปี รวมพระชนมายุ 73 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนถือพระแสงดาบในฝัก หมายถึงการเป็นเสาหลักแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
6.“พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงรู้ทั่วเป็นปราชญ์ฉลาดล้ำ “ดาราศาสตร์” รู้แจ้งแสดงนำ แถลงคำทายทักประจักษ์จริง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4 กรุงรัตนโกสินทร์) พระราชโอรส พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศล้านภาลัย เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 เมื่อ พ.ศ. 2411 พระองค์ทรงนิวัฒน์สยามประเทศให้มีความทันสมัย โดยทรงนำงานด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ มาผนวกรวมกับอารยธรรมสยาม จนทำให้สยามประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมอารยประเทศ อาทิ ทรงคำนวณว่าจะปรากฏสุริยุปราคาเต็มดวงได้ในประเทศสยาม ณ ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่พระองค์ทรงคำนวณจึงเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงดังที่ทรงได้คำนวณไว้ เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งภานุมาศจำรูญ ภายในพระบรมมหาราชวัง รวมพระชนมายุ 64 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนพระหัตถ์ขวาทรงถือกล้องส่องดูดาว พระหัตถ์ซ้ายทรงถือพระแสงดาบ
7.“พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช” ทรงเลิกทาสสร้างสุขคืนทุกสิ่ง สร้างประเทศทั่วเขตคามตามอ้างอิง มิเคยทิ้งทวยราษฎร์ชนชาติไทย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช(รัชกาลที่ 5 กรุงรัตนโกสินทร์) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เสวยราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง(พ.ศ. 2411) ทรงมีพระราชกรณียกิจที่ทำให้สยามประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมอาณาประเทศ ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเลิกทาสคืนอิสรภาพของมวลประชาสู่ความเป็นไท ทรงจัดตั้งระบบราชการที่มีความทันสมัยแบบตะวันตก ทรงพัฒนาการทหารให้มีความเจริญรุ่งเรือง สืบต่อมาจนปัจจุบันกาล และพระราชกรณียกิจอีกมากล้นเกินคณานับ กระทั่งผู้คนมักออกพระนาม “พระปิยมหาราช” แปลว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รัก รวมสิริดำรงาชสมบัติ 42 ปี 22 วัน (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453) รวมพระชนมายุ 58 พรรษา...(ข้อมูลจากเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานราชภักดิ์)
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช-อุทยานราชภักดิ์ ทรงยืนในชุดฉลองพระองค์แบบฝรั่ง พระหัตถ์ซ้ายจับกระบี่ แสดงถึงความมั่นคงของประเทศ
4...
อุทยานราชภักดิ์ยังมีความพิเศษบางประการที่หลายคนอาจไม่รู้ ซึ่ง พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ หรือ “ผู้การโต” ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ คณะกรรมการอำนวยการการก่อสร้าง ได้ให้สัมภาษณ์ ผ่านรายการ “ลับลวงพราง” ซึ่งผมขอคดบางส่วนมาดังนี้
“ผมไปสืบค้นมาแล้วว่า ในโลกนี้ไม่มีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ของประเทศใดที่ยืนเรียงรายกันทั้ง 7 พระองค์ ในพื้นที่เดียวกัน ในลานด้านหน้าเป็นลานคอนกรีต กว้าง 199 เมตร ยาว 299 เมตร หรือคิดเป็น 60,000 ตารางเมตร ก็ประมาณ 2 เท่าของลานพระบรมรูปทรงม้า ส่วนความสูงของแต่ละพระองค์จะอยู่ที่ 13.9 เมตร แท่นฐานของแต่ละพระองค์สูง 8 เมตร บวกกับแท่นที่ยืนอีก 1.5 เมตร รวมทั้งสิ้น 23.4 เมตร ก็ดูแล้วเป็นที่บังเอิญหรือเปล่าไม่ทราบ บวกเลขแล้วได้เลขท้ายเป็นเลข 9 ซึ่งเป็นเลขมงคลพอดี ซึ่งสร้างอยู่บนพื้นที่ 222 ไร่...”
นั่นคือความยิ่งใหญ่อลังการของอุทยานราชภักดิ์ที่ถือเป็นครั้งแรกของโลก ตามคำกล่าวของผู้การโต ที่มีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ยืนเรียงรายกัน 7 พระองค์ ในพื้นที่เดียวกัน
ทั้งนี้หลังจากเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าเที่ยวชม วันนี้อุทยานราชภักดิ์ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อแห่งใหม่ เป็นไฮไลท์แห่ง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
อีกทั้งยังเป็นดังศูนย์รวมจิตใจแห่งใหม่ของปวงชนชาวไทย
*****************************************
“อุทยานราชภักดิ์” ตั้งอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดให้เข้าชมฟรี!!! ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
การเดินทางสู่อุทยานราชภักดิ์ : จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4) ขับผ่าน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และเข้าสู่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มุ่งหน้าไปยังกองทัพบก หรือป้ายแนะนำ “อุทยานราชภักดิ์”
ใครที่ไม่มีรถส่วนตัว สามารถนั่งรถตู้หรือรถโดยสารประจำทางมาลงที่ อ.หัวหิน แล้วนั่งรถโดยสารท้องถิ่นไปยังอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งอยู่ห่างจาก อ.หัวหิน ประมาณ 4 กิโลเมตร
*****************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com