xs
xsm
sm
md
lg

ขอทิ้งทวนกับรัฐบาลทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สะเก็ดไฟ

   
หากนับตามโรดแมปกำหนดการที่ “ขุนทหาร” วางกรอบตีเส้นเอาไว้ ก็ผ่านพ้นมากว่าครึ่งทางแล้ว สำหรับประเทศไทยในยุค “คืนความสุข” ส่วนจะทดเวลาบาดเจ็บนานขนาดไหน ก็ต้องรอลุ้นกันอีกที

หลายเรื่องหลายนโยบายที่เคยเป็น “จุดขาย” เริ่มหมดช่วงโปรโมชัน กลับกลายมาเป็น “จุดเสื่อม” ในศรัทธาที่คนไทยเคยมีให้กับ คสช. ที่ขันอาสาเข้ามากอบกู้ชาติจากวิกฤตความขัดแย้ง

หนักสุดตอนนี้ก็ปัญหาปากท้องที่บ่นระงมกันทุกวงการ ทั้งที่ราคาน้ำมันโลกลดฮวบฮาบ แต่คนไทยก็ยังต้องกัดก้อนเกลือกินในภาวะที่ราคาสินค้าอุปโภค - บริโภค พุ่งทะยานแบบลืมตัว จนชาวบ้านอดๆ อยากๆ กระเบียดกระเสียรหากิน สวนทางกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ฟังจากคนในรัฐบาลที่สวยหรูราวกลับเนรมิตขึ้นมา ขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงหน้ามือเป็นหลังมือ

หลักๆ ก็หนีไม่พ้นต้องโทษผลงานของ“รัฐบาลขุนทหาร”ที่อำนาจล้นฟ้า แต่มีเครื่องหมายคำถามปะอยู่บนหน้าผากของ “ขุนพล” ที่ระดมเข้ามาช่วยหยิบจับงานบริหารประเทศ ไล่เช็กชื่อดูปูมหลังแต่ละคนแล้วก็สุดจะเพลีย คนหน้าเดิมๆ ที่ฝากผลงานไว้เป็นที่ประจักษ์มาแล้วทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในทางการเมือง มีส่วนร่วมนำพาประเทศฉวัดเฉวียนเกือบพาดิ่งลงเหวมาหลายหน หรือพวกที่ว่ามือดีจากสาขาต่างๆ ก็ไม่เห็นโชว์ฝีไม้ลายมือให้สมกับราคาค่างวดที่คุยโวเอาไว้เลย

ตลอดระยะเวลา 8 เดือนเต็มของ คสช. หรือ 4 เดือนกว่าของรัฐบาล ก็มีภาคส่วนต่างๆ ในฐานะผู้หวังดีออกมาติติงเสนอแนะหลายๆ ประเด็นเพื่อให้บรรดาผู้มีอำนาจฉุกคิดหรือรับไอเดียไปสานต่อ ตามที่ “ท่านผู้นำ” เคยกล่าวไว้ว่า รัฐบาลพร้อมเปิดใจกว้าง รับฟังปัญหาและข้อเสนอจากทุกฝ่าย โดยอยากให้คนไทยทุกหมู่เหล่าได้มีส่วนร่วมกับการปฏิรูปพลิกฟื้นประเทศ
 
ดูจะ “ใจกว้าง” มากกับคำพูดข้างต้น แต่ความเป็นจริงกลับ “ใจแคบ” อย่างไม่น่าเชื่อ

ทุกเรื่องราวเลือกที่จะฟังจาก “คนใน” เท่านั้น ซึ่งเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า หลายเรื่องไม่ได้ผล หลายเรื่องก็พังตั้งแต่ยังไม่เริ่ม อย่างมติเสียงข้างมากของ สปช. ที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่สนใจ ยังเดินหน้าเปิดช่องให้ต่างชาติมากอบโกยผลประโยชน์ของประเทศกันอย่างมันมือ คนกันเองแท้ๆ ยังไม่ฟังกันเลย แล้วจะไปรับฟังเสียงหัวหงอกหัวดำที่ไหน

ก็ไม่แปลกที่บรรดาผู้หวังดีจะท้อแท้สิ้นหวังกับ คสช. อย่าง “อุเทน ชาติภิญโญ” อดีตคนวงในพรรคเพื่อไทย วันนี้ก้าวออกมาคุมหางเสือเองในฐานะหัวหน้าพรรคคนไทย ก็เป็นคนหนึ่งที่แสดงความห่วงใยประเทศบ้านเกิดเมืองนอน ออกมาปล่อยของ แนะนำ คสช. และรัฐบาลโดยตลอด แต่ก็ไร้วี่แววที่จะรับลูกนำเรื่องดีๆ ที่เป็นประโยชน์ไปใช้
 
ล่าสุด “เสี่ยอุเทน” ใช้พื้นที่ Facebook ส่วนตัว แจ้งไปถึงมิตรสหายโลกโซเชี่ยล ขอหยุดการโพสต์ชั่วคราว เพราะเขียนจนเมื่อย เขียนให้ตาย ก็ยังเป็นคนนอกสายตาอยู่ดี ทั้งยังเล็งเห็นว่า ช่องทาง Facebook เป็นพื้นที่สร้างความแตกแยกอีกต่างหาก

แต่ก่อนจะประกาศยุติการขีดๆ เขียนๆ ผ่านทาง Facebook ก็ยังการทิ้งทวนเตือนภัยไปถึงแฟนคลับ - แฟนเพจ ที่ติดตาม โดยเฉพาะสตรีที่ต้องระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะกระทั่งห้างใหญ่โรงแรมดังก็ไม่วายมีบรรดาโจรลักวิ่งชิงปล้น ฮิตสุดๆ ก็เห็นจะเป็นพวกนักวิ่งที่เลือกฉุดกระชากกระเป๋าสะพาย เหยื่ออันโอชะก็หนีไม่พ้นสาวออฟฟิศ คุณหญิงคุณนายทั้งหลาย

เตือนไม่เตือนเปล่า “อุเทน” ยังมองขาด ชี้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างทะลุปรุโปร่ง ทั้งสาเหตุที่โจรขโมยชุกชุม ก็ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง การบังคับใช้กฎหมาย และการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็หย่อนยาน จับกุมคนร้ายแทบไม่ได้เลย แถมยังมองเป็นเรื่องเล็กๆ การสืบเสาะติดตามคนทำผิดแทบไม่มีเลย

มาตรการควบคุมร้านขายของเก่า-ขายของมือสอง ก็ไม่รัดกุม เปิดช่องให้ขาย “ของโจร” กันอย่างโจ๋งครึ่ม ไร้การควบคุมอย่างเป็นระบบ โจรขโมยก็ปล่อยของขายต่อได้ทุกที่ ซึ่งก่อนอื่นคงต้องไปไล่เบี้ยแก้กันที่กฎหมาย ขันนอต กฎระเบียบต่างๆ

การรับซื้อของเก่า - ของมือสอง ควรมีมาตรการควบคุม และยืนยันความเป็นข้าวของอย่างเข้มงวด การแสดงตัวของผู้ค้า ตลอดจนไปถึงที่มาที่ไปสิ่งของที่ว่า เผื่อไว้ในกรณีที่มีปัญหาขึ้นมา และวางกลไกไม่ให้ “หัวขโมย”คิดตื้นๆไปฉกชิงวิ่งราวของใครมาขายได้ง่ายๆ
 
สุดท้ายปลายทางของปัญหา “อุเทน” ก็ตั้งคำถามทิ้งทวน ยิงหมักน็อกไปที่ผู้มีอำนาจซึ่ง ณ เวลานี้ก็คือ คสช. ว่า ทำอะไรกันอยู่ ปล่อยให้สวัสดิภาพของคนไทยตกต่ำขนาดนี้ได้อย่างไร แล้วประชาชนจะไว้ใจท่านได้หรือ
กำลังโหลดความคิดเห็น