หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดฮิตของคนที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ นั่นก็คือ “เกาหลีใต้” โดยเฉพาะสาวกซีรีส์เกาหลี หรือสาวกเคป็อป คงมีความฝันว่าสักครั้งหนึ่งจะได้ไปยืนอยู่ในมุมเดียวกันกับฉากในซีรีส์สักครั้ง ซึ่งที่เกาหลีใต้เองนั้นก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่งที่ชูว่าเป็นจุดถ่ายซีรีส์หรือถ่ายรายการต่างๆ เพื่อทำให้สถานที่นั้นๆ ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
แต่ถึงแม้จะไม่ใช่คอซีรีส์เกาหลีตัวยง “ตะลอนเที่ยว” ก็ยังอยากจะไปชมมุมสวยๆ ของเกาหลีอยู่ดี จึงเลือกเดินทางตรงมาที่เกาหลีใต้ ด้วยสายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ที่บินตรงจากดอนเมืองสู่สนามบินอินชอน ก่อนจะนั่งรถตรงมายังเมืองคาพยอง ในจังหวัดคยองกี มาเริ่มต้นความฟินกันที่ “Petite France” หรือ หมู่บ้านฝรั่งเศส อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวชื่อดังของเกาหลี
เดินเข้ามาที่ด้านในของหมู่บ้านฝรั่งเศส จะเห็นสีสันสดใสของตึกรูปทรงสวยๆ ซึ่งทำเป็นจุดถ่ายรูปน่ารักๆ ให้แวะแชะภาพเก็บความประทับใจกัน อันที่จริงแล้วที่นี่สร้างขึ้นเพื่อเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมฝรั่งเศส และเป็นศูนย์ฝึกอบรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวฝรั่งเศส แต่สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของเจ้าชายน้อย นวนิยายชื่อดังของนักเขียนชาวฝรั่งเศส ก็คงจะรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่นี่มีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบมาจากนวนิยายเรื่องเจ้าชายน้อย นั่นคือ “ดวงดาว ดอกไม้ และเจ้าชายน้อย” โดยรอบๆ หมู่บ้านนั้นจะมีทั้งรูปปั้นและรูปวาดของเจ้าชายน้อยมาคอยต้อนรับด้วยความสดใส
ส่วนสาวกซีรีส์เกาหลีนั้นอาจจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง เพราะว่าที่หมู่บ้านฝรั่งเศสนั้นถูกใช้เป็นฉากในการถ่ายทำรายการ Running Man รวมถึงการถ่ายซีรีส์ Secret Garden และ You Who Came From The Star
จากนั้นเดินทางมาต่อกันที่ “The Garden of Morning Calm” ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ ชื่อของสวนแห่งนี้ได้มาจากฉายาของประเทศเกาหลี ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งความสงบในยามเช้า (The Land of Morning Calm) และเป็นสวนดอกไม้ส่วนตัวที่เก่าแก่ที่สุดในเกาหลีใต้
แนวคิดของสวนแห่งนี้เน้นในเรื่องความสมดุล โดยการผสมผสานต้นไม้ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์มาจัดและตกแต่งภายใต้แนวคิดแบบเกาหลี ซึ่งสวนแห่งนี้ก็เปิดให้คนได้เข้าชมทั้งปี แต่ช่วงที่ต้นไม้ดอกไม้จะออกดอกผลิบาน และมีสีสันมากที่สุดก็อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤศจิกายน ส่วนช่วงอื่นๆ ก็จะมีการจัดเทศกาลดอกไม้ต่างๆ ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล อย่างเช่นช่วงใบไม้ผลิก็เป็นเทศกาล Spring Garden Festival หรือในช่วงฤดูหนาว จะจัดเป็นเทศกาล Lighting Festival ที่จัดเป็นไฟหลากหลายสีสันให้เข้ามาชมกันในช่วงค่ำ เป็นความสวยงามน่าชมไปอีกแบบ
ด้วยพื้นที่อันกว้างใหญ่ของสวนกว่าสามแสนตารางเมตร ทำให้เราต้องใช้เวลาเดินแวะชมดอกไม้สวยๆ อยู่นานพอดู ซึ่งที่นี่ก็แบ่งเป็นสวนในธีมต่างๆ กว่า 20 ธีม แต่ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเดินไปจนเหนื่อยเพลีย เพราะระหว่างทางในสวนก็ยังมีทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่มให้แวะนั่งพักผ่อนก่อนจะเดินกันต่อ และนอกจากจะเป็นสวนสวยๆ ที่น่าชวนกันมาเดินเล่นแล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นฉากในการถ่ายทำซีรีส์อีกหลายเรื่องด้วยเช่นกัน
เดินชมดอกไม้กันจนเหนื่อยมาทั้งวัน พอตกค่ำเราก็เลยขอแวะมานอนพักเอาแรงที่ “Kensington Resort Cheongpyeong” รีสอร์ตสวยๆ ที่ตั้งอยู่ริมลำธาร ซึ่งมีห้องพักให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นห้องสแตนดาร์ดแบบโรงแรมทั่วไป ห้องพักแบบห้องชุดที่มีหลายห้องนอน หรือจะเป็นห้องนอนสไตล์เกาหลีที่เรียกว่า Ondol ซึ่งที่รีสอร์ตก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถลงไปแหวกว่ายออกกำลังกายได้อย่างสบายตัว
พูดถึงเรื่องออกกำลังกายแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ก็เลยเดินทางต่อไปยังเมืองยางพยอง เพื่อไปออกกำลังกายขากันเสียหน่อย ด้วยการมาปั่นจักรยานกันที่ “Yangpyeong Rail Bike” ซึ่งเขาใช้ประโยชน์จากรางรถไฟเก่าที่ตอนนี้ไม่ได้ใช้ให้รถไฟมาวิ่งแล้ว มาเปลี่ยนเป็นรางสำหรับปั่นจักรยานชมทิวทัศน์สองข้างทาง
จักรยานที่ใช้ปั่นนี้ก็ไม่ใช่จักรยานสองล้อทั่วไป แต่เป็นจักรยานสี่ล้อที่ทำมาสำหรับปั่นบนทางรถไฟ โดยใช้แรงขาออกกำลังปั่นไปเพื่อให้จักรยานเคลื่อนที่ โดยหนึ่งคันนั้นสามารถปั่นได้ตั้งแต่ 2-4 คน สองข้างทางที่ต้องปั่นผ่านไปนั้นก็มีทั้งเป็นทางเลียบริมถนน เป็นบ้านของชาวบ้าน มีสวนผักเล็กๆ มีลำคลอง และอุโมงค์ จากจุดเริ่มต้นปั่นไปถึงปลายทางก็ลงจากรถไปนั่งพักสักครู่ เจ้าหน้าที่จะช่วยกลับรถมาอีกฝั่ง เพื่อให้เราได้ปั่นกลับมาตามเส้นทางเดิม สิริรวมระยะเวลาในการปั่นไปกลับสบายๆ ก็ประมาณ 40-45 นาที เรียกว่าได้ออกกำลังขากันอย่างเต็มเหนี่ยว
พอรู้สึกเหนื่อยจากการปั่นจักรยาน เราเลยแวะมานั่งพักจิบกาแฟกันที่ “The Greem Cafe” ที่นี่เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่เปิดให้มานั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ กัน ในพื้นที่ของร้านนี้ จะมีทั้งสนามหญ้า จุดนั่งเล่น มีบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม และมีจุดถ่ายรูปอยู่รอบๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จัดไว้เพื่อเป็นฉากในการถ่ายทำซีรีส์ ภาพยนตร์ และโฆษณาหลายๆ เรื่อง ทำให้ชาวเกาหลีนิยมมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในมุมต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดนั้นจะมีคนเยอะเป็นพิเศษ
เที่ยวนอกเมืองกันมาแล้ว คราวนี้กลับมาเที่ยวกันต่อในเมืองหลวงของเกาหลีใต้ที่กรุงโซล ซึ่งก่อนอื่นนั้นเราก็ตรงมาที่ “คลองชองเกชอน” คลองสายสำคัญที่กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเกาหลี
คลองชองเกชอนสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน มีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปีแล้ว ในช่วงหลายสิบปีก่อน คลองแห่งนี้เป็นคลองน้ำเน่าและเป็นแหล่งสลัมแออัด จนกระทั่งรัฐบาลได้บูรณะคลองนี้ขึ้นมาใหม่ในปี 2003 มีการทุบถนนและทางด่วนทิ้ง ขุดลอกคูคลอง และปรับทัศนียภาพรอบๆ จนกลายมาเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงโซล
ปัจจุบัน คลองชองเกชอนกลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ มีลำธารใสๆ ไหลผ่าน ความยาวราวๆ 6 กิโลเมตร โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ Cheonggye Plaza ยาวเรื่อยไปจนถึงตลาดทงแดมุน ซึ่งหากใครมาเที่ยวที่นี่ในช่วงเดือนพฤษภาคม บริเวณคลองแห่งนี้ก็มีการจัดเทศกาลโคมดอกบัววันวิสาขบูชา มีโคมไฟสวยๆ ให้ดูกันทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ส่วนในเดือนพฤศจิกายน ก็มีเทศกาลโคมไฟนานาชาติ มีการจัดโคมไฟสวยๆ ให้มาเดินชมกันด้วยเช่นกัน
จากคลองชองเกชอน เดินเล่นเรื่อยๆ มาจนถึง “จัตุรัสควางฮวามุน” ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของกรุงโซล รอบๆ จัตุรัสนั้นมีทั้งหน่วยงานราชการ โรงละคร และบริษัทต่างๆ ส่วนในพื้นที่จัตุรัสนั้นก็จะพบกับ “อนุสาวรีย์แม่ทัพอีซุนชิน” แม่ทัพเรือที่สร้างวีรกรรมปกป้องเกาหลีจากการรุกรานของญี่ปุ่น
ถัดจากนั้นก็จะเป็น “อนุสาวรีย์พระเจ้าเซจงมหาราช” ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์โชซอน ที่ได้ทำประโยชน์ให้กับประชาชนชาวเกาหลีอย่างมากมาย โดยเฉพาะการเป็นผู้คิดค้นตัวอักษรฮันกึลที่ทำให้ชาวเกาหลีมีตัวอักษรใช้เป็นของตัวเอง
บริเวณจัตุรัสควางฮวามุน กินพื้นที่ยาวเรื่อยไปจนถึงบริเวณ “ประตูควางฮวามุน” ประตูเมืองที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซล ชื่อของประตูควางฮวามุนหมายถึง “ขอให้แสงแห่งความสว่างปกคลุมโลก” และประตูแห่งนี้ก็เป็นประตูหลักของพระราชวังเคียงบกที่อยู่ด้านใน
ซึ่ง “พระราชวังเคียงบก” เป็นพระราชวังหลักของราชวงศ์โชซอน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงโซล จึงมีอีกชื่อเรียกว่าพระราชวังทางเหนือ พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์แทจง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โชซอน ซึ่งในช่วงที่ถูกญี่ปุ่นรุกราน พระราชวังก็ถูกเผาทำลายไป และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่
ภายในพระราชวังมีการจำลองท้องพระโรงสมัยโบราณให้ชม และในบริเวณพระราชวังก็ยังมีพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติเกาหลี รวมถึงมีการโชว์พิธีการผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหารในชุดโบราณ ซึ่งในแต่ละวันก็มีให้ชมหลายรอบ
หากใครที่ยังติดใจกับบรรยากาศบ้านเรือนเก่าๆ ใกล้กับพระราชวังเคียงบกก็ยังมี “Bukchon Hanok Village” ย่านที่ยังมีบ้านเกาหลีแบบโบราณให้เดินชมกันตลอดสองข้างทาง ซึ่งในสมัยก่อนนั้นบริเวณนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยของขุนนางระดับสูง
สองฝั่งถนนที่ยังคงมีบ้านสไตล์เกาหลีแบบโบราณให้ชม ทำให้ที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปอีกแห่งหนึ่งที่ใครๆ ก็แวะเวียนมาชมกัน บางบ้านเปิดให้เป็นที่พักแก่นักท่องเที่ยว บางบ้านกลายเป็นร้านขายของ แต่ส่วนใหญ่นั้นก็ยังเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน แต่ด้วยการที่มีนักท่องเที่ยวมาชมเป็นจำนวนมากนั้น ก็ทำให้ต้องแปะป้ายประกาศไม่ให้ส่งเสียงรบกวนผู้ที่อยู่อาศัยในย่านนี้
เห็นเป็นหมู่บ้านสวยๆ แบบนี้ ก็ต้องเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ด้วยเช่นกัน อย่างเช่นเรื่อง Personal Taste ก็ใช้เป็นฉากบ้านของนางเอก รวมถึงในภาพยนตร์เรื่องกวนมึนโฮ ก็มาถ่ายทำที่ย่านนี้ด้วยเช่นกัน
มาถึงเกาหลีแล้ว ถ้าไม่ได้ไปชอปปิ้งก็เหมือนมาไม่ถึงเกาหลี เราเลยขอเลือกที่จะมายัง “ตลาดอินซาดง” ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Bukchon Hanok Village มากนัก ซึ่งที่ตลาดแห่งนี้เรียกว่าเป็นย่านศิลปะ เพราะมีสินค้าพวกงานศิลป์และสินค้าพื้นเมืองของเกาหลีมาวางขายตามร้านต่างๆ รวมไปถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายเครื่องสำอางที่ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง ที่นี่จะมีทั้งนักท่องเที่ยว และชาวเกาหลีเองที่มาเดินเลือกซื้อสินค้าและแวะชิมของอร่อยกัน
และสำหรับสาวกเคป็อป ขอแนะนำให้แวะไปที่ “K-live Hologram Concert” ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 9 ของห้างสรรพสินค้า LOTTE FITIN ในย่านทงแดมุน ที่นี่จะเปิดให้ชมคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลีหลายๆ คนมาให้ชม อาทิ Psy, Bigbang, 2NE1 ซึ่งในแต่ละวันก็จะมีรอบให้เลือกชม รักใครชอบใคร อยากฟินกับศิลปินคนไหน ก็เลือกซื้อบัตรเข้าไปชมกันได้ นอกจากนี้ก็ยังมีมุมถ่ายรูปคู่กับศิลปินให้นำภาพกลับไปฟินกันต่อได้ที่บ้าน
ปิดท้ายทริปนี้กันที่ “N Seoul Tower” อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงโซล บางครั้งอาจจะได้ยินกันในชื่อ “นัมซานทาวเวอร์” เนื่องจากตั้งอยู่บนภูเขานัมซาน โดยหอคอยแห่งนี้มีความสูงราว 236.7 เมตร และถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซล ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากที่ไกลๆ
การเดินทางขึ้นไปยังหอคอยนั้นสามารถซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าตรงไปยังหอคอยได้เลย หรือหากใครฟิตร่างกายมาพร้อม จะเดินผ่านเขานัมซานขึ้นไปยังหอคอยก็ได้ ซึ่งบนหอคอยนั้นก็มีทั้งร้านอาหาร และจุดชมวิวของกรุงโซล สามารถมองเห็นเมืองได้ 360 องศาเลยทีเดียว ใครมาชมเมืองในช่วงกลางวันก็สวยแบบนึง ส่วนในยามค่ำก็จะได้ชมแสงไฟระยิบระยับสวยจับตาไปอีกแบบนึง
บนหอคอยแห่งนี้ นอกจากจะเป็นจุดชมวิวสวยๆ แล้ว ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่แห่งความโรแมนติกอีกด้วย บางครั้งเราก็จะเห็นคู่รักจูงมือกะหนุงกะหนิงกันมาชมเมือง มาถ่ายรูปคู่กัน แล้วก็มีมุมคล้องกุญแจคู่รัก ที่เต็มไปด้วยแม่กุญแจคล้องคู่กันพร้อมคำสัญญารักที่เขียนติดไว้ มีทั้งภาษาเกาหลี อังกฤษ ภาษาไทย และภาษาต่างๆ อีกมากมาย และในช่วงหลังๆ นี้ก็จะเห็นคู่รักนำเคสโทรศัพท์มาผูกติดกันไว้ น่าจะมาจากมีพื้นที่ใหญ่กว่า บอกรักได้เยอะกว่า แถมยังไม่ขึ้นสนิมเหมือนกับกุญแจด้วย ได้เดินดูกุญแจคู่รักไปเรื่อยๆ รู้สึกบรรยากาศดูมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมากเลยทีเดียว
มาเกาหลีครั้งนี้ “ตะลอนเที่ยว” สังเกตเห็นว่าคนเกาหลีนั้นเลือกใช้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มาเป็นฉากถ่ายทำซีรีส์ ถ่ายทำภาพยนตร์ หรือรายการต่างๆ เพื่อเป็นการโปรโมตประเทศไปด้วยในตัว บางครั้งก็เลือกใช้สถานที่ธรรมดามาเป็นฉาก แล้วก็ทำให้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง เรียกว่าเป็นจุดแข็งของการท่องเที่ยวเกาหลีที่สามารถขายให้กับนักท่องเที่ยวได้ แล้วก็เลยกลับมาคิดว่า ถ้าหากเป็นในบ้านเราแล้ว หากใช้กรณีแบบนี้เป็นจุดขายในการท่องเที่ยวดูบ้าง จะประสบความสำเร็จหรือไม่
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถเดินทางสู่ประเทศเกาหลีใต้จากหลายสายการบิน ซึ่งปัจจุบันมีสายการบิน ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายแรกที่บินตรงจาก ไทย (สนามบินดอนเมือง) - เกาหลีใต้ (สนามบินอินชอน) โดยมีเที่ยวบินตรงทุกวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com หรือที่ www.facebook.com/AirAsiaThailand
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com