บ้านนาต้นจั่น ใน ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนอันโดดเด่นที่เป็นที่รู้จักมาเป็นเวลานาน มีดีกรีคว้ารางวัลทางการท่องเที่ยวต่างๆ มามากมาย ซึ่งหากชุมชนไม่เข้มแข็งจริงคงไม่สามารถรักษาชื่อเสียงและมาตรฐานมาได้นานเช่นนี้
และในตอนนี้บ้านนาต้นจั่นก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก เพราะเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีการเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในพื้นที่บ้านนาต้นจั่น นั่นก็คือจุดชมพระอาทิตย์และทะเลหมอกอันงดงามที่ “จุดชมวิวห้วยต้นไฮ” บนเขานารายณ์ แห่งบ้านนาต้นจั่นนั่นเอง
สำหรับจุดชมวิวห้วยต้นไฮ ถูกพบเจอโดยบังเอิญ จากคุณป้าเสงี่ยม แสวงลาภ ประธานชุมชนบ้านนาต้นจั่น ที่เล่าให้เราฟังว่า เมื่อปีที่แล้ว (2556) ป้าเสงี่ยมขึ้นมาเก็บเห็ดบนภูเขาในป่า เดินเก็บเห็ดเพลินๆ ได้เต็มเข่ง แต่เกิดหลงทางกับสามีกลับบ้านไม่ถูก เดินหาทางออกเท่าไรก็ไม่เจอ มองลงไปเบื้องล่างเห็นหลังคาบ้านเป็นแถวๆ แต่ไม่รู้บ้านใครที่ไหน สุดท้ายต้องใช้วิธีตะโกนหาจนเจอกัน
“เราทำการท่องเที่ยววิถีชีวิตมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ทั้งเที่ยวในหมู่บ้าน ชมการทอผ้า ชิมข้าวเปิ๊บ ก็คุยกันว่า ถ้าเรามีจุดชมวิวสวย เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน่าจะดี จึงมาคิดกันว่าที่หมู่บ้านมีจุดชมวิวหรือไม่ ป้าก็บอกว่ามี ป้าเคยเห็นเพราะหลงทางไปเจอ หลังจากนั้นจึงได้กลับมาสำรวจหลายครั้งกว่าจะเจอ เมื่อเจอแล้วก็กลับไปประชุมกันในชุมชนว่า เราจะพัฒนาอย่างไรกันต่อ ต่อมาจึงพากันมาทำความสะอาด ปรับพื้นที่ ให้ท้องถิ่นทุกฝ่ายมาช่วยกันดู จนกลายเป็นจุดชมวิวห้วยต้นไฮขึ้นมา” ป้าเสงี่ยม กล่าว
ดังนั้น ในที่สุดจุดชมวิวบ้านห้วยต้นไฮจึงถูกนำมาผนวกกับเส้นทางท่องเที่ยววิถีชีวิตเดิมที่มีอยู่ จัดทำเป็นเส้นทางใหม่ เป็นเส้นทางวิถีชุมชน ยลสายหมอก ชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก พักค้างแรมแคมปิ้ง ณ จุดชมวิวห้วยต้นไฮ แห่งบ้านนาต้นจั่น และเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อราวเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
สำหรับการเดินทางขึ้นไปยังจุดชมวิวห้วยต้นไฮนั้น จากในหมู่บ้านนาต้นจั่น เราต้องนั่งรถกระบะโขยกเขยกมาตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ตีนเขาราว 2 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 15 นาที รถจะจอดส่งเราที่ตีนเขานารายณ์ จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นมาบนเขา ระยะทางราว 1.5 ก.ม. แต่เป็นทางขึ้นเขาเกือบตลอดเส้นทาง ชันเอาเรื่องในบางช่วง ใช้เวลาเดินราว 40 นาที ก็จะขึ้นมาถึงจุดชมวิวห้วยต้นไฮ
เนื่องจากไฮไลต์หลักของจุดชมวิวห้วยต้นไฮก็คือการชมพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตก และทะเลหมอก ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมในการเดินขึ้นก็คือช่วงราว 16.00 น. หรือสี่โมงเย็น ใช้เวลารวมนั่งรถและเดินราว 1 ชม. ก็จะขึ้นมาทันได้ชมพระอาทิตย์ตกพอดี โดยเมื่อมาถึงจุดชมวิวแล้วก็ไม่ต้องเดินต่อไปไหนอีก เพราะไม่ว่าจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตก จุดชมทะเลหมอก จุดกางเต็นท์พักค้างแรม จุดนอนเล่นชมดาว ก็ล้วนเป็นจุดเดียวกัน บนสันเขาเล็กๆ ที่เปิดโล่งทั้งทางทิศตะวันออกและตะวันตก ที่ชาวบ้านได้จัดทำระเบียงไม้ไผ่ไว้ทั้งสองด้านเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มายืนชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก และระเบียงไม้ไผ่นี้ก็ยังเป็นที่นั่งกินข้าว สังสรรค์ นั่งเล่นนอนเล่นได้อีกด้วย
บนจุดชมวิวนี้ไม่มีห้องอาบน้ำ มีเพียงห้องน้ำห้องส้วมที่ต้องใช้รถมอเตอร์ไซค์หาบน้ำขึ้นมา ดังนั้นใครที่ต้องการอาบน้ำจึงต้องจัดการอาบให้เรียบร้อยก่อนขึ้นเขา แต่จริงๆ แล้วจะอาบน้ำมาก่อนหรือไม่ก็แทบไม่แตกต่างกัน เพราะระหว่างเดินขึ้นเขาเหงื่อก็ออกท่วมตัวอยู่ดี
เมื่อยามเย็นเคลื่อนมาถึง พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง เรายืนถ่ายภาพและส่งพระอาทิตย์ลงลับเหลี่ยมเขา ตรงมุมนี้มองเห็นกลุ่มควันจากหมู่บ้านนาต้นจั่นลอยเรี่ยเหนือบ้านเรือนที่มองเห็นเป็นกลุ่มเล็กๆ ไม่นาน พระอาทิตย์ดวงกลมเป็นไข่แดงก็ค่อยๆ ลอยลงลับไปหลังภูเขา ดวงดาวเริ่มส่องแสงขึ้นมาแทน พร้อมกับที่ลมหนาวเริ่มพัดแรงขึ้น
ค่ำนั้นเราล้อมวงกันกินอาหารที่แม่ครัวจากบ้านนาต้นจั่นขึ้นมาแสดงฝีมือปรุงให้ชิม อาหารพื้นบ้านง่ายๆ แต่อร่อยเหลือเกินในความรู้สึกของคนกิน
คืนนั้นเรานอนพักผ่อนกันในเต็นท์ภายใต้ท้องฟ้าที่พร่างพรายไปด้วยหมู่ดาว ก่อนที่จะตื่นมาอีกครั้งตอนเช้ามืด เตรียมรอต้อนรับตะวันที่กำลังจะขึ้นมาส่องแสง ตะวันดวงเดิมดวงเดียวกับเมื่อวานนี้ แต่ให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน เช้านี้มีบรรยากาศที่อบอุ่น พระอาทิตย์ค่อยๆ ส่องแสงทะลุหมอกจางๆ ออกมา แสงสีส้มอาบทาไปทั่วบริเวณทำให้ภูเขาและเมฆหมอกกลายเป็นสีทองสว่าง นับเป็นเช้าวันใหม่ที่สร้างความประทับใจให้ผู้ที่พบเห็นได้มากทีเดียว
เช้านี้เราล้อมวงกินข้าวเช้ากันอีกครั้ง กับข้าวง่ายๆ แต่อร่อยอิ่มท้องเช่นเคย จากนั้นจึงเตรียมตัวเดินลงจากสันเขา ลงมายังหมู่บ้านนาต้นจั่นในช่วงสายๆ
เดินลงมาจนเกือบถึงปลายทาง ป้าเสงี่ยมชักชวนให้เดินแยกออกไปทางซ้ายมือ เพื่อไปชม “วารีทิพย์ศักดิ์สิทธิ์” หรือที่แต่เดิมเรียกกันว่า “ตาดต้นร่อง” ลำห้วยเล็กๆ ที่ไหลลดหลั่นมาตามโขดหิน มีน้ำไหลตลอดปี มีหินก้อนหนึ่งที่ลักษณะคล้ายบั้นท้ายผู้หญิง คนในหมู่บ้านเรียกว่า “หินกึงกึ๊” มีน้ำไหลผ่านร่องหิน ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ เวลาใครเข้ามาหาของป่าและเดินผ่านบริเวณลำห้วยนี้ก็จะต้องบอกกล่าวในใจกับเจ้าที่เจ้าทางและหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้ หรือถ้ามีใครเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ หากได้อธิษฐานและนำน้ำที่ไหลจากร่องหินนี้มาล้างหน้าล้างตาหรือดื่ม ก็จะช่วยให้อาการป่วยดีขึ้น อธิษฐานสิ่งใดก็สำเร็จตามที่ตั้งใจ
จากนั้นเราเดินทางกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันในหมู่บ้าน แล้วออกตระเวนเที่ยวชมสิ่งที่น่าสนใจภายในบ้านนาต้นจั่น โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเดินเที่ยว ขับรถ หรืออีกวิธีหนึ่งที่เหมาะสมที่สุดก็คือปั่นจักรยานเที่ยวชมหมู่บ้าน มาดูกระบวนการผลิต“ผ้าหมักโคลน”กับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สร้างสรรค์ให้ผ้าฝ้ายทอมือกลายเป็นผืนผ้าแสนนิ่มเป็นเอกลักษณ์สวยงาม ใส่สบาย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อผ้าหมักโคลนและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ที่ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของชุมชน
และต้องไม่พลาดชมการทำตุ๊กตาบาร์โหน ที่คุณตาวงศ์ เสาฟั่น กับลูกชายที่มารับช่วงต่อสืบสานการทำตุ๊กตาบาร์โหนที่นอกจากจะสวยงาม ขยับได้ตามแรงบีบของมือแล้ว ยังมีคุณประโยชน์เป็นเครื่องช่วยออกกำลังกายมือได้ด้วย
นอกจากนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้มาเที่ยวบ้านนาต้นจั่นไม่ควรพลาดก็คืออาหารพื้นบ้านแสนอร่อยของที่นี่ มีทั้งข้าวเปิ๊บ ก๋วยเตี๋ยวแบ ที่ร้านยายเครื่อง แกงแค น้ำพริกซอกไข่ เป็นต้น ซึ่งทั้งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งกินนี้สามารถปั่นจักรยานไปได้อย่างทั่วถึง และการปั่นจักรยานนี้หากเป็นช่วงหน้าผลไม้ก็สามารถปั่นเข้าไปได้ถึงสวย เข้าไปเก็บผลไม้อย่างลองกอง ลำไย ทุเรียน กินกันได้สนุกสนาน
แต่ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศของบ้านนาต้นจั่นให้ครบรส ขอแนะนำให้มาพักค้างคืนที่จุดชมวิวห้วยต้นไฮสักหนึ่งคืน จากนั้นจึงมาท่องเที่ยวในหมู่บ้าน ชิมของอร่อยอย่าง “ข้าวเปิ๊บ-ก๋วยเตี๋ยวแบ” และของกินอื่นๆ ที่บ้านนาต้นจั่น ปั่นจักรยานเที่ยวชมธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน ปิดท้ายด้วยการนอนโฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่นอีกสักคืนก็เป็นอันสมบูรณ์ครบถ้วนกระบวนการเที่ยวนาต้นจั่น ได้สัมผัสกับอัธยาศัยอันดีของชาวบ้านนาต้นจั่น สัมผัสอากาศดีๆ อาหารอร่อยๆ ทิวทัศน์งามๆ รับรองว่าต้องประทับใจไปอีกนาน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สำหรับผู้สนใจเที่ยวจุดชมวิวห้วยต้นไฮ สัมผัสวีชีวิตชุมชนบ้านนาต้นจั่น สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณป้าเสงี่ยม แสวงลาภ ประธานชุมชนบ้านนาต้นจั่น โทรศัพท์ 08 9885 1639 ราคาค่าใช้จ่าย 500 บาท/คน รับไม่เกินกลุ่มละ 5-20 คน เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างจำกัด มีบริการไกด์นำทางและรถกระบะจากหมู่บ้านมายังจุดเดินเท้า มีเต็นท์ให้บริการ และมีบริการอาหารเย็นและอาหารเช้า สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาพักโฮมสเตย์และต้องการขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่จุดชมวิว คิดค่าไกด์นำทางกลุ่มละ 200 บาท ถ้าต้องการรถกระบะไปส่งที่จุดเดินเท้าคิดเพิ่มอีก 200 บาท ทั้งนี้จุดชมวิวจะเปิดให้บริการตั้งแต่เดือน พ.ย.-มี.ค. เท่านั้น
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุโขทัย รับผิดชอบสุโขทัย กำแพงเพชร โทร.0-5561-6228-9
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com