สำหรับพุทธศาสนิกชน การได้เข้าวัดทำบุญทำทานนั้น ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้มีความสุข ความสบายใจมากขึ้น ยิ่งในช่วงวันสำคัญทางศาสนาแล้ว ก็ยิ่งเห็นชาวพุทธหลายคนตั้งใจเข้าวัดฟังธรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตกันมากขึ้น
ในวันวิสาขบูชาปีนี้ ก็มีอีกหนึ่งวัดที่มีผู้คนตั้งใจจะเข้ามาทำบุญกันเป็นจำนวนมาก นั่นก็คือ “วัดโบสถ์” ที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี นั่นก็เนื่องจากที่วัดแห่งนี้มีรูปปั้นเหมือนของหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านให้เห็นเด่นชัดอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยานั่นเอง
วัดโบสถ์แห่งนี้ เดิมเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ “วัดสร้อยนางหงษ์” เชื่อกันว่าสร้างขึ้นโดยชาวมอญที่อพยพมาจากเมืองหงสาวดี มาตั้งรกรากอยู่ในบริเวณนี้ โดยที่บริเวณ อ.สามโคก นั้นเป็นชาวมอญกลุ่มใหญ่ที่อพยพเข้ามาอยู่ในแผ่นดินไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และต่อจากนั้นก็ยังมีการอพยพเข้ามาของชาวมอญมาอยู่ในบริเวณนี้อีกหลายครั้ง จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
พระพุทธรูปสำคัญของวัดแห่งนี้ก็คือ “หลวงพ่อเหลือ” และยังถือว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปทุมธานีอีกด้วย โดยหลวงพ่อเหลือเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่กับวัดโบสถ์มานานแล้ว เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยศิลาทราย ประดิษฐานอยู่บริเวณฐานชุกชีภายในโบสถ์ที่มีทั้งหมด 12 องค์ ต่อมาเมื่อประมาณปี 2507 มีขโมยเข้ามาลักลอบตัดเศียรพระพุทธรูปภายในโบสถ์ และเหลือเพียงหลวงพ่อเหลือเท่านั้นที่ไม่ถูกตัดเศียร จากความศรัทธาของชาวบ้านจึงเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อเหลือ”
ตามความเชื่อของชาวบ้านนั้น หากมากราบไว้บูชาและปิดทององค์หลวงพ่อเหลือ จะแคล้วคลาดจากอุบัติภัยทั้งปวง ทำการใดก็ได้ดั่งใจ และมีเงินมีทองเหลือเก็บเหลือใช้
นอกจากองค์หลวงพ่อเหลือแล้ว ภายในวัดก็ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหลายองค์ที่เปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้ามาสักการะตามศาลาต่างๆ เริ่มจาก องค์จตุคามรามเทพ ที่อยู่ถัดจากศาลาของหลวงพ่อเหลือ จากนั้นเป็น พระสีวลี ชาวบ้านเชื่อกันว่า พระพุทธคุณของพระสีวลีจะทำให้ผู้บูชาสมปรารถนาในเรื่องลาภยศสรรเสริญ และสมหวังดังที่ตั้งใจทุกประการ
ถัดจากนั้นจะเป็นศาลาที่ทางวัดจัดไว้ให้ได้จุดธูปเทียน และปิดทองรูปปั้นเหมือนหลวงพ่อโตองค์เล็ก ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าของหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ ซึ่งด้านหลังนั้นก็จะเป็นลานธรรมหลวงพ่อโต ที่มีวิหารคดล้อมรอบอยู่ ซึ่งสร้างขึ้นในวาระเฉลิมพระเกียติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2550
ส่วนหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่บริเวณนั้น เป็นรูปปั้นเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมฺรังสี) ในลักษณะเทศนาธรรม และถือเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพราะมีความสูงถึง 28 เมตร ทั้งนี้ รูปปั้นเหมือนของหลวงพ่อโตองค์นี้สร้างขึ้นจากมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากทั่วประเทศ ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 1 ปีครึ่ง แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้สักการะกันเป็นจำนวนมาก
เมื่อเดินถัดมายังริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ยังมีศาลาเล็กๆ ที่ประดิษฐานรูปปั้นเหมือนหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ให้เข้าไปสักการะและปิดทองกันอีกด้วย
ส่วนบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้นจัดทำเป็นเขื่อนคอนกรีตขั้นบันได มีทางเดินให้ลงไปทำทานให้อาหารปลาบริเวณแพด้านล่าง แล้วก็ยังมีซุ้มใต้ต้นไม้ให้นั่งพักผ่อนหลบร้อนกันด้วย
หากไหว้พระทำบุญกันเสร็จแล้ว ในบริเวณวัดก็ยังมีตลาดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและของฝาก เปิดให้ซื้อหาของกินของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้สด ผลไม้ดอง ของกินเล่น ขนมหวาน หรือจะเป็นอาหารจานเดียวที่สั่งมานั่งกินในซุ้มก็ได้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
วัดโบสถ์ ตั้งอยู่ที่ ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี การเดินทางจากถนนวงแหวนตะวันตก ใช้ทางด่วนบางปะอิน วิ่งจนถึงด่านบางปะอิน แล้วให้แยกซ้ายออกมาทางสามโคก เข้าเส้นกาญจนาภิเษก (สาย 9) พอข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะเห็นองค์หลวงพ่อตั้งอยู่ พอลงจากสะพานก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนชลประทาน อีก 1-2 กม. ก็ถึงทางเข้าวัดซึ่งอยู่ทางซ้ายมือ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com