“ลังกาวี” เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน และเป็นส่วนหนึ่งของรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย พื้นที่ของเกาะอยู่ใกล้กับชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลเซีย และเกาะแห่งนี้ ยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนต้องคำสาปอีกด้วย...
"ตะลอนเที่ยว" มาเยือนยังเกาะลังกาวี ที่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของประเทศมาเลเซีย ชื่อของเกาะลังกาวี มาจากคำในภาษามาเลย์ “เฮลัง” หมายถึงนกอินทรี และ “กาวี” แปลว่า สีน้ำตาลแดง เมื่อรวมกันจึงหมายถึง “เกาะแห่งนกอินทรีสีน้ำตาลแดง”
การเดินทางไปยังเกาะลังกาวีนั้นก็ง่ายดาย "ตะลอนเที่ยว" เดินทางจากฝ่ั่งไทย จากท่าเรือตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล ด้วยเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะลังกาวี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที และขึ้นสู่ฝั่งกันที่ท่าเรือเฟอร์รี่เมืองกัวห์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของด่านตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซีย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของเจ็ตตี้ พอยท์ (Jetty Point) แหล่งรวบรวมสินค้าปลอดภาษีนานาชนิด ที่มีร้านค้าต่างๆ มากมายให้ได้เลือกชมเลือกซื้อ หรือจะมาเดินช้อปปิ้งก่อนกลับเพื่อซื้อของฝากกันก็ได้
ที่เจ็ตตี้ พ้อยแห่งนี้ เปรียบเสมือนเป็นประตูบ้านที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนเกาะลังกาวี อีกทั้งบริเวณท่าเรือก็ยังสามารถที่จะเห็นจัตุรัสนกอินทรีย์ สัญลักษณ์ของลังกาวีที่อยู่ไกลออกไป โดยมีทัศนียภาพของท้องทะเล ภูเขาและท้องฟ้าเป็นฉากหลัง เป็นภาพแรกที่สวยงามของผู้ที่มาเยือนลังกาวี
จะดูอยู่แค่ไกลๆ ก็คงไม่ดี "ตะลอนเที่ยว" จึงออกเดินจากเจ็ตตี้ พอยท์ มายัง “จัตุรัสนกอินทรีย์” ซึ่งสามารถที่จะเดินมาได้เพราะระยะทางไม่ไกลมากนัก จัตุรัสนกอินทรีย์แห่งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเกาะลังกาวี โดยเป็นที่ตั้งรูปปั้นนกอินทรีย์สีน้ำตาลแดงกางปีกโผบินออกสู่ท้องทะเล ซึ่งมีความสูง 18 เมตร สัญลักษณ์สำคัญแห่งนี้มีที่มาจากเหล่านกอินทรีย์จำนวนมากที่อาศัยอยู่บริเวณป่าชายเลนด้านเหนือของเกาะลังกาวี โดยที่ชาวมาเลเซียจะเรียกนกชนิดนี้ว่าลังกาวี และชาวไทยเรียกว่าเหยี่ยวแดง นกชนิดนี้จึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์สำคัญ และชื่อของเกาะแห่งนี้ และที่จัตุรัสก็ยังเป็นสถานที่ถ่ายรูปยอดนิยม ของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่ลังกาวีอีกด้วย
ต่อจากนั้นเราก็จะไปชมทัศนียภาพมุมสูงแบบ 360 องศา กันที่ “ลังกาวี เคเบิลคาร์” (Langkawi Cable Car) แต่ก่อนที่จะขึ้นกระเช้าเพื่อไปชมวิวทิวทัศน์นั้น ก็จะต้องผ่าน “ดิ โอเรียลทัล วิลเลจ” (Oriental Village) ซึ่งมีความหมายว่า “หมู่บ้านโลกตะวันออก” ภายในดิ โอเรียลทัล วิลเลจ เป็นที่ตั้งของร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้า กระเป๋า และอาหารมากมาย ให้ได้เดินชม เดินช้อปเพลินๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขากุนัง มัต ชินชัง
หลังจากเดินชมความสวยงามของดิ โอเรียลทัล วิลเลจกันแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นลังกาวี เคเบิลคาร์ เพื่อขึ้นสู่ยอดเขากุนัง มัต ชินชัง เพื่อชมทัศนียภาพมุมสูงของเกาะลังกาวี ซึ่งลักษณะกระเช้านั้นมีที่โดยสาร 6 ที่นั่งและเป็นกระจกส่วนใหญ่ อีกทั้งลังกาวี เคเบิลคาร์แห่งนี้ ยังถือว่าเป็นกระเช้าที่มีความชันอีกแห่งหนึ่งของโลก จึงสร้างความหวาดเสียวให้แก่ผู้นั่งขณะขึ้นและลงอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาและทะเลระหว่างทางก็สามารถที่จะทำลืมความหวาดเสียวได้เป็นบางช่วง
เส้นทางของกระเช้านั้นจะแบ่งเป็นสองช่วง ไต่ระดับขึ้นไปสู่ยอดเขากุนัง มัต ชินชัง ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของเกาะลังกาวี มีระดับความสูง 700 เมตร โดยบนยอดเขานั้นจะมีจุดชมวิวที่สามารถชมทัศนียภาพได้อย่างกว้างไกล สามารถชมวิวได้ทั่วทั้งเกาะลังกาวี ท้องทะเลอันดามัน และมองเห็นหมู่เกาะตะรุเตาของประเทศไทย อีกทั้งในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสก็สามารถที่จะมองเห็นเกาะสุมาตรา ของประเทศอินโดนีเซียได้อีกด้วย บนยอดเขายังมีสะพานแขวนเชื่อมไปยังยอดเขาด้านข้าง ให้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินกินลมชิมวิวได้อีกด้วย
หลังจากชมความสวยงามบนยอดเขากันแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปที่แนะนำให้ไปชมก็คือการไปชมความงดงามใต้น้ำของลังกาวี ที่ “อันเดอร์ วอเตอร์เวิลด์ ลังกาวี” (Underwater World Langkawi) โดยเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่จัดแสดงสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลของเกาะลังกาวี และสายพันธุ์อื่นๆ ทั่วโลกกว่า 5,000 ชนิด จุดที่น่าสนใจของที่นี่คือมีตู้ปลาขนาดใหญ่ตั้งโชว์อยู่ในสวน จึงทำให้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินชมปลาหลากชนิด ในบรรยากาศร่มรื่นใต้ต้นไม้
และที่อันเดอร์ วอเตอร์เวิลด์ ลังกาวีแห่งนี้ ยังมีอุโมงค์เพื่อชมสัตว์ทะเล ซึ่งมีความยาว 15 เมตร ให้ชมสัตว์โลกใต้ทะเลอันหลากหลาย เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน ปะการัง ดอกไม้ทะเล อีกทั้งยังมีนกเพนกวินนานาสายพันธุ์ และแมวน้ำ ให้ได้ชมกันอีกด้วย
มาปิดท้ายแหล่งท่องเที่ยวของลังกาวีที่ “สุสานพระนางมัสสุหรี” (Mahsuri Tomb) ซึ่งเป็นที่มาของดินแดนต้องคำสาปที่ "ตะลอนเที่ยว" กล่าวไปเมื่อตอนต้น ซึ่งหากได้มาเยือนเกาะลังกาวีแล้ว ก็คงจะพลาดที่นี่ไปไม่ได้ เพราะเป็นที่ที่สามารถรับรู้เรื่องราวของพระนางมัสสุหรีและเหตุการณ์อันนำพาไปสู่คำสาป เรื่องเล่าอันโด่งดังแห่งเกาะลังกาวี
แต่ก่อนจะเข้าไปชมนั้น ก็ขอเล่าเรื่องราวของพระนางย่อๆ ให้ได้ฟังกันก่อน พระนางมัสสุหรีทรงเป็นคู่ครอง ของพระอนุชาองค์สุลต่านแห่งลังกาวี และได้ถูกกล่าวหาว่าคบชู้สู่ชาย จึงต้องโทษประหารด้วยความอยุติธรรม พระนางได้กล่าวคำสาปไว้ก่อนสิ้นพระชนว่า หากพระนางไม่ผิดขอให้โลหิตเป็นสีขาวและให้เกาะลังกาวีไม่มีความเจริญรุ่งเรืองไปเจ็ดชั่วโคตร หลังจากถูกประหารแล้วคำสาปนั้นก็ได้กลายเป็นจริง เพราะโลหิตของพระนางได้หลั่งออกมาเป็นสีขาว อีกทั้งเกาะลังกาวีก็ประสบกับความแห้งแล้งและร้างผู้คน จนกระทั่งทายาทรุ่นที่เจ็ดได้ปรากฏตัวขึ้นและได้ทำการเเก้คำสาปของพระนางมัสสุหรีไปแล้วในปัจจุบัน เรื่องราวดังกล่าวจึงได้มีการเล่าสืบมา และได้กลายมาเป็นเครื่องหมายการค้าสำคัญ ที่ทำให้ลังกาวีกลายเป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยว ว่าครั้งหนึ่งได้เคยมาเที่ยวที่ดินแดนต้องคำสาปแห่งนี้
ภายในบริเวณสุสานพระนางมัสสุหรี จะแบ่งส่วนจัดแสดงเป็นสองส่วน คือด้านในอาคารพิพิธภัณฑ์ ซึ่งประกอบจะห้องจัดแสดงต่างๆ อาทิ ห้องแสดงดนตรีพื้นเมืองของเกาะลังกาวี ห้องวีทีทัศน์เล่าเรื่องราวประวัติของพระนางมัสสุหรี ห้องจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของพระนางมัสสุหรี และในส่วนด้านนอกอาคารนั้นก็จะเป็นที่ตั้งของ “หลุมฝังศพพระนางมัสสุหรี” ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถที่สักการะและขอพรได้ และยังจัดแสดงเรือนจำลองของพระนางสุสานพระนางมัสสุหรีให้ได้ชมอีกด้วย
นับได้ว่าเกาะลังกาวี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวบ้านใกล้เรือนเคียงที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เคียงคู่เรื่องราวของในคำสาปของพระนางมัสสุหรี
**********************************************************************************
เรือเฟอร์รี่จากท่าเรือตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล ไปยังเกาะลังกาวี มีบริการวันละ 3 รอบ คือ9.30, 13.30, 16.00 น. ตามเวลาไทย ค่าโดยสาร 300 บาทต่อคน และจะต้องใช้พาสปอร์ตในการซื้อตั๋วเรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 0-7473-0513 , 0-7472-2764
**********************************************************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com