สำหรับบรรดา “คู่รัก” ไม่ว่าจะเป็นคนสงขลา ว่าที่เขย หรือสะใภ้ หรือใครที่เพิ่งจะเริ่มครองคู่ชนิดข้าวใหม่ปลามัน และอาจรวมถึงครอบครัวที่ถือชีวิตคู่มาแล้วหลายปี คงไม่ยึดติดแค่เฉพาะเดือนแห่งความรักเท่านั้นที่จะหาโอกาสเกี่ยวก้อยกันออกไปท่องเที่ยวเพื่อชื่นชมบรรยากาศ และวิถีชีวิตผู้คนใน “2 เทศบาลนคร” และ “เกาะกลางทะเลสาบสงขลา” ตามเส้นทางเชื่อมเมืองสงขลา-หาดใหญ่
“เที่ยวท่องล่องใต้” อาศัยช่วงเทศกาลแห่งความรักแนะนำกิจกรรมท่องเที่ยวในลักษณะ “One Day Trip จูงมือคนรักเที่ยว ชิม และชอปบนเส้นทางเชื่อม 2 เมืองสงขลา-หาดใหญ่” หรือจะหาเวลา และโอกาสเหมาะๆ ตามใจปรารถนาก็ไม่ว่ากัน เพราะทริปท่องเที่ยวที่จะแนะนำนี้ก็สามารถที่จะนำไปเป็นไกด์กันได้ตลอดทั้งปี
หากมีโอกาสก็ควรไปพักค้างแรมที่เมืองสงขลา มีทั้งสถานที่พักย่าน “ชายหาดสมิหลา” และในตัวเมืองให้เลือกสรรมากมาย แล้วควงคู่ออกสตาร์ทกันในตอนเช้าตรู่ของวันรับอากาศสดใสกับโจ๊ก พร้อมชา และกาแฟที่แสนอร่อยกันที่ “ร้านโจ๊กเกาะไทย” บนถนนนางงาม ถนนสายท่องเที่ยวขึ้นชื่อในย่านเมืองเก่ากลางนครสงขลา ไม่ว่าจะสั่งแบบธรรมดา ใส่ไข่ หรือพิเศษด้วยหมูบดก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ ยิ่งทานคู่กับปาท่องโก๋กรอบๆ อันเป็นขนมแห่งสัญลักษณ์ของความเป็นคู่ด้วยแล้ว ก็ยิ่งลงตัวแบบไม่ต้องปรุงรสกันเลยทีเดียว
นอกจากจะได้ลิ้มรสอาหารแล้ว ยังจะได้ซึมซับรสชาติแห่งวิถีชีวิตคนพื้นถิ่นในช่วงเช้าด้วย เพราะจะมีบรรดาลุง ป้า น้า อา กระทั่งเด็กๆ แวะเวียนหมุนเปลี่ยนกันมาจนแน่นร้านแทบจะทุกวัน ซึ่งการันตีความอร่อยที่ยาวนานต่อเนื่องมามากกว่า 100 ปี บวกกับบรรยากาศร้านที่สุดแสนวินเทจ โดยเฉพาะการได้นั่งโต๊ะและเก้าอี้ไม้เก่าๆ ที่มากมายมนต์เสน่ห์
เสร็จแล้วได้เวลาเหมาะเจาะพอดีต่อการเข้าวัดไหว้พระ และทำบุญที่ “วัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร” วัดเก่าแก่กว่า 400 ปี ที่ตั้งอยู่บนถนนไทยบุรีย่านเมืองเก่าสงขลาเช่นกัน การได้สักการบูชาพระพุทธรูปหินอ่อนปางสมาธิราบที่เป็นพระประธาน พร้อมถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ก็เป็นเรื่องมงคลต่อชีวิตคู่ไม่น้อย
การได้พักผ่อนหย่อนใจภายใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของศาสนา ชื่นชมความงดงามของภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถทั้ง 4 ด้านที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ทศชาติชาดก เทพชุมนุม รวมไปถึงภาพจำหลักหินเรื่องสามก๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติภัทรศีลสังวร พระเจดีย์แบบจีน รูปปั้นยักษ์ และมรดกทางวัฒนธรรมอื่นๆ อีกมากมายภายในวัด น่าจะช่วยชาร์จแบตเตอรี่ชีวิตคู่ได้ไม่มากก็น้อย
หนึ่งในไฮไลต์ทัวร์เมืองสงขลาของคู่รักน่าจะอยู่ที่ “เขาตังกวน” ถือเป็นสถานที่มากมนต์ขลังที่อยู่คู่เมืองสงขลามาตั้งแต่โบราณกาล เป็นภูเขาเสียดยอดสูงสุดกลางเมือง สามารถขึ้นไปได้สะดวกสบายด้วยลิฟต์ และชมความสวยงามของตัวเมืองได้แบบ 360 องศา บนยอดเขายังจะได้สักการบูชา “พระธาตุเจดีย์หลวง” และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายเพื่อความเป็นสิริมงคล
สิ่งที่น่าจะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคู่รักคือ บนยอดเขาตังกวน มีประติมากรรม “แผงหัวใจ” ที่วางไว้ทั้ง 4 ทิศ บนลานรอบล้อมองค์พระธาตุเจดีย์ และยังนำ “กุญแจรัก” ไปอธิษฐานไขแล้วล็อกแขวนไว้บนแผงโลหะรูปหัวใจเบื้องหน้ารูปหล่อ “หลวงปู่ทวด” เพื่อให้เป็นสักขีพยานรักให้หวานชื่น ส่วนลูกกุญแจก็ให้โยนทิ้งลงหน้าผาในบริเวณนั้น จะได้ช่วยล็อกชีวิตคู่ให้อยู่กันไปตราบนานเท่านาน
จากนั้นลงเขาสู่ย่านชายหาดสมิหลา โดยแวะไปที่ “Samila Sheeps Farm” ฟาร์มที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า บวกความร่มรื่นจากต้นไม้น้อยใหญ่ พร้อมมุมถ่ายรูปสุดกิ๊บเก๋ ทั้งตุ๊กตาปั้นปูนแนวโมอายแห่งเกาะอีสเตอร์ รูปปั้นลูกกวาดยักษ์สีสันดึงดูดใจ สถาปัตยกรรมสโตนเฮนจ์จำลองสีสันฉูดฉาด และกังหันลมขนาดยักษ์ที่สามารถขึ้นไปชมวิวของฟาร์มได้แบบรอบทิศทาง
ไฮไลต์ของ Samila Sheeps Farm แห่งนี้คือ บริเวณทุ่งหญ้าจะมีสัตว์น้อยใหญ่ทั้งแกะ ม้า กวาง กระต่าย ให้ชื่นชมความน่ารัก และสามารถป้อนหญ้าสัตว์แบบใกล้ชิดติดขอบคอกกันเลย พร้อมทั้งยังมีศูนย์อาหาร ร้านขายของกินอร่อยๆ ในรูปแบบร้านที่น่าแปลกตาตื่นใจ มื้อกลางวันสำหรับคู่รักจะฝากท้องไว้ที่นี่ก็น่าจะได้บรรยากาศไปอีกแบบ
หลังอาหารคาวมื้อกลางวัน ก็หันมาเติมความหวานกันต่อที่ “The Secret Garden” บนถนนนางงามย่านเมืองเก่าในอีกฟาก ที่นี่มีทั้งกาแฟ เค้ก และขนมหวานไว้คอยบริการ เมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้คงจะเป็นเค้กรสชาติต่างๆ แบบโฮมเมดที่ทางร้านทำขึ้นเอง ซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพจากวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี และยังคงรสชาติแบบต้นตำรับดั้งเดิมไว้ชวนให้ลิ้มลอง
ด้วยบรรยากาศ และลักษณะของร้านเป็นบ้าน 2 ชั้น บวกกับความเท่ และเก๋สไตล์โมเดิร์น แล้วยังมีประตูไม้สีส้มสะดุดตา ที่เมื่อผลักประตูเข้าไปจะพบกับสวนเล็กๆ ชวนให้รู้สึกอยากนั่งจิบกาแฟยามบ่าย กับบรรยากาศที่สุดแสนพิเศษ ซึ่งมีให้เลือกนั่งทั้งในร้าน และนอกร้าน
อิ่มท้องแล้วคราวนี้เดินทางออกมาเมืองสงขลามุ่งหน้าสู่เมืองหาดใหญ่ ตามเส้นทางหลัก เมื่อถึง 5 แยกน้ำกระจายสามารถเลี้ยวขวาแวะไปเที่ยว “เกาะยอ” ได้โดยไม่ใช้เวลามากมายอะไร ไปไหว้ “พระนอนวัดแหลมพ้อ” พระพุทธรูปปางปรินิพพานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขณะที่วัดเองก็มีอายุอานามกว่า 200 ปี และทำบุญปิดทองพระประจำวันเกิด
ไปเกาะยอทั้งทีมีหรือที่จะไม่แวะชอปของฝากที่ “ตลาดเกาะยอ” ที่ห่างจากวัดไม่มากนัก มีสินค้าพื้นถิ่นมากมายให้ได้เลือกติดไม้ติดมือกลับบ้า นหรือไปเป็นของฝาก โดยเฉพาะอาหารทะเลแห้งขึ้นชื่อมาก ไม่ว่าจะเป็นปลาแห้ง กุ้งแห้ง กะปิ รวมถึงสินค้า OTOP อย่างผ้าทอเกาะยอด้วย
กลับมาที่ 5 แยกเกาะยอ แล้วเลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่เมืองหาดใหญ่ด้วยเส้นทางสายเก่า เพื่อไปกราบนมัสการ “พระพุทธมงคลมหาราช” ที่ตระหง่านตระการตาอยู่บนเขาคอหงส์ จะขับรถขึ้นไปเอง หรือใช้บริการกระเช้าลอยฟ้า Hatyai Cable Car ก็จะได้ชมเมืองด้วยอีกทาง เป็นกระเช้าลอยฟ้าที่แรก และที่เดียวในไทย จากไหว้พระยังต่อขึ้นไปไหว้ “ศาลท้าวมหาพรหม” ได้ด้วย แล้วขากลับลงเขาก็แวะไหว้ “พระโพธิสัตว์กวนอิม” ที่แกะสลักจากหยกขาวใหญ่ที่สุดในไทย
อีกหนึ่งกิจกรรมอันเป็นเหมือนไฮไลต์สำคัญบนเขาคอหงส์ คือ การควงคู่กันไปนั่งชมพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าไปกับฉากหน้าที่เป็นตัวเมืองหาดใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สวยงามมากๆ เหมาะสำหรับการบันทึกภาพคู่รักเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ
ลงจากเขาคอหงส์ ไปทานมื้อเย็นแบบโรแมนติกกันที่ “ร้านคุณตั้ม” บริเวณหัวมุมถนนคลองเรียน 1 ทางไปโรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ นั่งได้แบบชิลล์ พร้อมฟังเพลงคลอเบาๆ กับรสชาติอาหารสไตล์ Fusion เช่น พอร์คชอปพริกไทยดำ กุ้งอบชีส ลาซานญ่า เครื่องดื่มก็สตรอเบอรี่เชคป็อป สตรอเบอรี่ปั้น เป็นต้น ที่นี่ใช้สีดำตกแต่งหน้าร้านแบบ modern บรรยากาศภายในร้านถูกตกแต่งขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่ก็ดูหรูหราอยู่ไม่น้อย
ปิดท้ายทริปสำหรับคู่รักกันที่ “ตลาดกรีนเวย์” บนถนนกาญจนวนิช เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ แหล่งชอปที่มีสินค้าให้เลือกสรรอย่างมากมาย และหลากหลาย แถมยังมี “พิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติหาดใหญ่ (Magic Eye Museum)” อีกด้วย สามารถเดินพักผ่อนหย่อนใจได้ตั้งแต่ยามเย็นจนถึงดึก เหมาะต่อทุกเพศ และทุกวัย
และที่สำคัญหากไม่เร่งรีบ หรือต้องไปต่อที่ไหน เมืองหาดใหญ่ก็เหมาะที่จะพักค้างแรมสำหรับคู่รัก โดยมีทั้งโรงแรม รีสอร์ต และห้องพักในสไตล์ต่างๆ ให้เลือกมากมายเช่นเดียวกัน
--------------------------------------
เรื่อง/ภาพ : วรถพ สังสง, นันทนา โกศล, ธัญสินี สุดทองคง