ไปกิน “ฟักข้าว” กัน!!
หลายคนยังทำหน้างงๆ อยู่เพราะอาจจะยังไม่รู้จักว่าฟักข้าวนั้นคืออะไร มีประโยชน์อะไรบ้าง “108 เคล็ดกิน” ก็เลยจะมาบอกสรรพคุณอันเยี่ยมยอดของ “ฟักข้าว” พืชผักพื้นบ้านของเราว่ามีดีอะไรบ้าง
ก่อนอื่นมาพูดถึงเรื่องหน้าตาของฟักข้าวว่าเป็นอย่างไร ใครที่เคยไปเดินตลาดแล้วสังเกตเห็นผักที่ลักษณะเป็นผลทรงกลมๆ หรือรีๆ มีตุ่มแหลมๆ อยู่ทั่วทั้งผล มีทั้งแบบสีเขียวอ่อนที่ยังเป็นผลอ่อน และผลที่สุกแล้วเป็นสีแดง หรือแดงอมส้ม นั่นแหละ “ฟักข้าว” ที่เรากำลังพูดถึงกัน
สำหรับฟักข้าวนั้นเป็นผักพื้นบ้านที่คนไทยกินกันมานานแล้ว กินกันตั้งแต่ยอดอ่อนของฟักข้าว นำมาลวกจิ้มน้ำพริก ผัด ต้ม หรือแกง ก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น ส่วนผลอ่อนนั้นก็นำมาต้มจิ้มน้ำพริก หรือจะใส่แกงต่างๆ ก็ได้ เพราะเนื้อของฟักข้าวผลอ่อนนั้นละม้ายกับเนื้อมะละกอดิบ แต่เนียนและแน่นกว่า
ซึ่งใบของฟักข้าวตามตำราแพทย์แผนไทยก็มีสรรพคุณแก้ไข้ตัวร้อน ถอนพิษอักเสบ เนื่องจากเป็นผักรสขมเย็น และยังสามารถนำมาตำแล้วพอกแก้ปวดหลัง แก้ฝี แก้พิษ ส่วนผลอ่อนและใบอ่อนของฟักข้าวก็มีการวิจัยออกมาแล้วว่ามีสารที่ช่วยยับยั้งน้ำตาลในเลือด ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน ทำให้ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้นั่นเอง นอกจากนี้ก็ยังมีทั้งวิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก และไฟเบอร์อีกด้วย
และสารอาหารที่พบมากในฟักข้าวก็คือ เบต้าแคโรทีน ซึ่งพบอยู่ที่เยื่อเมล็ดของฟักข้าว โดยมีเบต้าแคโรทีนสูงกว่าในแครอทถึง 10 เท่า
ส่วนผลสุกของฟักข้าว หากผ่าเข้าไปดูภายในแล้วจะพบกับเมล็ดของฟักข้าวที่เรียงตัวกันและมีเยื่อหุ้มเป็นสีแดง ตามตำราแพทย์แผนไทย เมล็ดฟักข้าวจะมีรสมันเมาเย็น หากกินเมล็ดดิบๆ จะมีพิษ ต้องนำไปทำให้สุกก่อน อาจจะนำไปคั่วก็ได้ กินแล้วช่วยบำรุงปอด แก้ฝีในปอด แก้ไอ ขับปัสสาวะ แก้ท่อน้ำดีอุดตัน
การศึกษาวิจัยในปัจจุบัน ก็พบสารไลโคปีนในเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าว ที่มีมากกว่าในมะเขือเทศ เป็นสารต้านมะเร็ง มีฤทธิ์ด้านอนุมูนอิสระสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และที่มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้วิจัยพบโปรตีนในเมล็ดฟักข้าวที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเอชไอวี และยับยั้งเซลล์มะเร็ง
และสำหรับคนที่รักสุขภาพ ปัจจุบันก็มีการนำฟักข้าวมาทำเป็น “น้ำฟักข้าว” ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ยากนัก เริ่มจากการเลือกใช้ผลฟักข้าวที่สุกแล้ว นำมาปอกเอาเปลือกออก แยกเนื้อฟักข้าวไว้ก่อน ส่วนเมล็ดนั้นจะมีเยื่อหุ้มสีแดงหุ้มอยู่ ให้นำไปขยำกับน้ำเพื่อแยกเอาแต่เยื่อหุ้มเมล็ดมาใช้ จากนั้นนำเยื่อหุ้มเมล็ดที่ได้กับเนื้อฟักข้าวมาปั่นรวมกันให้ละเอียด
จากนั้นนำเนื้อและเยื่อหุ้มเมล็ดที่ปั่นแล้วมาผสมกับน้ำแล้วนำไปตั้งไฟ เคี่ยวด้วยไฟปานกลาง ประมาณ 15-20 นาที ระหว่างนั้นก็ลองชิมแล้วปรุงรสเพิ่มเติมตามชอบด้วยเกลือ น้ำตาล หรืออาจะใส่น้ำมะขามหรือน้ำเสาวรสเพิ่มความเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อเสร็จแล้วสามารถดื่มน้ำฟักข้าวได้ทั้งตอนที่ยังอุ่นอยู่ หรือจะแช่ให้เย็นแล้วค่อยดื่มเพิ่มความสดชื่นก็ได้
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com