ในความรู้สึกของ “ตระเวนกิน” การที่ร้านอาหารร้านไหนสักแห่งมีอาหารอร่อยอย่างเดียวคงจะไม่พอเพียง แต่ทว่าหากว่าร้านแห่งนั้นมีบรรยากาศของร้านที่ยอดเยี่ยมด้วย ก็จะยิ่งส่งเสริมให้อาหารนั้นมีอรรถรสของความอร่อยมากยิ่งขึ้น
เหมือนที่ในมื้อนี้เมื่อเราได้มาตระเวนกินอาหารยังร้าน “WhiteHAFF” café & bistro (ไวท์อาฟคาเฟ่แอนด์บิสโทร) ที่ตั้งอยู่ตรงถ.บรมราชชนนี ร้านนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านอาหารน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่ว่ามีความไฉไลทั้งด้วยบรรยากาศของร้าน และมีความโดดเด่นด้วยเรื่องของอาหารที่ชวนลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง
เพียงแค่เมื่อมาถึงร้านไวท์อาฟก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศร้านที่ถูกตกแต่งสไตล์ French Café เน้นใช้โทนสีขาวเบจ ดูโปร่งโล่งสบายตาด้วยกระจกล้อมรอบให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นสีขาวที่ชวนนั่ง แฝงไว้ด้วยความอบอุ่น ดูโรแมนติกสวยงามจากแสงไฟในยามค่ำคืน ซึ่งตัวร้านมี 2 บรรยากาศให้เลือกนั่ง ถ้าใครชอบสัมผัสลมธรรมชาติ ยามแดดร่มลมพัดเย็นชิลล์ ชิลล์ก็จะมีโต๊ะนั่งด้านนอกให้เลือกนั่งแบบผ่อนคลาย แต่ถ้าใครชอบความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศก็ต้องเป็นโซนด้านใน ที่มีโต๊ะให้เลือกนั่งอยู่หลายมุม มีทั้งมุมโต๊ะเก้าอี้พนักพิง หรือมุมโต๊ะนั่งแบบโซฟานุ่มๆ แถมยังมีส่วนของครัวเปิดที่จะได้เห็นการทำอาหารของเชฟ
และอย่างที่บอกใช่ว่าบรรยากาศจะเลอเลิศเพียงอย่างเดียว อาหารของที่นี่ก็รสเลิศไม่แพ้กัน ซึ่งที่นี่มีทั้งอาหารไทยรสจัด อาหารยุโรปและฟิวชั่น ให้เลือกกินมากมายกว่า 80 เมนู ซึ่งแต่ละเมนูล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเด็ดที่ทางร้านคิดขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ และยังเน้นในเรื่องของการเลือกสรรแต่วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ มีความสดใหม่ สะอาด และปรุงอาหารสไตล์โฮมเมด ซึ่งอาหารของที่นี่ทุกจานจะปรุงแบบใส่ใจสุขภาพคนกิน โดยจะไม่ใส่ผงชูรสในอาหาร
ถึงตรงนี้เมื่อบรรยากาศพร้อมและอาหารก็พร้อม เรามาเลือกเมนูจานเด่นของที่นี่มาชิมกันดีกว่า ซึ่งเราก็ได้เลือกสั่งมาลิ้มรสอยู่หลายอย่าง ประเดิมด้วยเมนูอาหารไทยกันก่อน สั่งมาเป็น กรุบกริบพริกขี้หนู ( 120 บาท) ชื่อเมนูเก๋ไก๋ ที่จริงก็คือกระดูกแก้ว (กระดูกหมูอ่อนที่เคี้ยวได้) ทางร้านนำมาหมักกับซอสปรุงรสต่างๆ เกลือ พริกไทย แล้วนำมาทอดจนสุก และก็คลุกกับพริกขี้หนูสดอีกที เสิร์ฟมาร้อนๆ ส่งชิ้นกระดูกแก้วเข้าปากเคี้ยวเด้งกรุบกรับปากได้รสชาติเครื่องหมักรสเข้มข้น และออกเผ็ดลิ้นนิดๆ จากพริกขี้หนูสด
ต่อด้วยเมนูเด่นจานนี้ สลัดผักเตี๋ยวหมี่หมูสับ (160 บาท) ออกแนวเพื่อสุขภาพสักหน่อย เพราะมีสลัดผักไฮโดรโปนิกส์จากโครงการหลวง มีเส้นหมี่ขาวลวกแห้งๆ คลุกกับกระเทียมเจียว และมีหมูสับผัดกระเทียมพริกไทย หมูนุ่มถึงรสเครื่องพริกไทยเข้มข้นกินคู่กับเส้นหมี่นิ่มๆ และมีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบจัดจ้านให้ราดกินเพิ่มรสชาติความแซบ แกล้มกับผักสลัด ขอยกนิ้วให้ในความอร่อยโดนใจ
แต่ถ้าอยากซดน้ำแกงร้อนๆ ต้องสั่งเมนู แกงส้มชะอมไข่กุ้งสด (120 บาท) ที่ต้องบอกว่าทางร้านจะทอดชะอมแบบสดใหม่เมื่อลูกค้าสั่งถึงทอดชะอม ทำให้ได้ชะอมไข่ที่มีความหอมกินแล้วอร่อยถูกปาก และเข้ากับน้ำแกงส้มที่รสชาติจัดจ้านเปรี้ยว หวาน เผ็ดถึงใจเพราะว่าใส่พริกสดลงไปในเครื่องแกงส้มที่ทางร้านโขลกเองด้วย แล้วน้ำแกงส้มของที่นี่ออกแนวข้นสักหน่อย เพราะทางร้านใส่เนื้อปลาทูลงไปด้วย และใส่กุ้งสด กินแล้วโดนใจปากดีแท้
จากนั้นสลับรสชาติมากินอาหารยุโรปกันบ้าง นำเสนอ ซีซาร์สลัด (160 บาท) ทางร้านเลือกใช้ผักคอสอย่างเดียวจากโครงการหลวง และราดด้วยน้ำสลัดซีซาร์สูตรพิเศษที่ปรุงแบบโฮมเมด แถมยังใส่ไข่ลวก เนื้อไก่นุ่มหมักสมุนไพร เบคอนทอดกรอบ ขนมปังกรูตอง และพาเมซานชีส ลิ้มรสซีซาร์สลัดผักสดกรอบหวานเข้ากับน้ำสลัดรสชาติเข้มข้นและกลมกลืนเข้ากันดีกับเครื่องทุกอย่างที่ใส่มา
จานถัดมาเป็นเมนูจานเส้น สปาเก็ตตี้เบคอนผัดกระเทียม (130 บาท) เหมาะกับคนที่ไม่ชอบรสจัดมากนัก เป็นเส้นสปาเก็ตตี้ผัดกับกระเทียมสด และใส่เบคอนที่ผัดให้เข้ากันจนแห้ง แบบไม่มัน ไม่เลี่ยน กินแล้วเส้นสปาเก็ตตี้เคี้ยวเด้งนุ่มปากได้รสชาติกระเทียมหอมๆ และเบคอนที่กินเข้ากันดีจริง
และส่งท้ายด้วยเมนู ขาหมูเยอรมัน (360 บาท) เป็นขาหมูที่ทางร้านคัดมาเป็นพิเศษ เอามาหมักกับเครื่องปรุงรสสูตรเฉพาะนาน 3-4 ชม. แล้วนำไปอบผึ่งจานแห้งและทอดให้กรอบ แบบไม่อมน้ำมัน ทำให้ได้ขาหมูที่หนังยังกรอบแต่เนื้อในนุ่มไม่แข็งได้รสชาติเครื่องหมักที่ซึมถึงเนื้อใน กินคู่กับเม็กซิกันซอสรสดี หรือน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบ และมีผักดองที่ทางร้านดองเองมาให้กินแกล้มแก้เลี่ยนด้วย
เรียกว่านำเสนอมาก็หลายเมนูแล้ว แต่ว่าในรายการอาหารก็ยังมีเมนูจานเด่นอื่นๆ ที่ชวนลิ้มลองอีกเพียบ อาทิ ปลาหมึกชุบแป้งทอด (130 บาท) สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า (140 บาท) พิซซ่าแฮมชีส (ไซด์เล็ก 149 บาท) ส้มตำทอด (95 บาท) เต้าหู้ทรงเครื่อง (120 บาท) ข้าวหน้าไข่ข้นกุ้งนมสด (75 บาท) พล่าแซลมอนกรอบ (130 บาท) หอยแมลงภู่อบชีส (190 บาท) โยเกิร์ตปีโป้ (แก้วละ 55 บาท) และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย
รวมถึงยังมีเค้กโฮมเมด ซึ่งในแต่ละวันจะมีเค้กประมาณ 5 รสชาติมาให้ได้เลือกกินกัน อาทิ ชิฟฟ่อนชีส (65 บาท) แบล็คฟอเรส (70 บาท) เห็นทีว่าถ้าใครเป็นคออาหารไทย และอาหารยุโรป ก็อยากจะชวนให้มาลองสัมผัสกับรสชาติอาหารอันเลิศรสของที่ร้าน “WhiteHAFF” นี้กันดู แล้วจะได้รู้ด้วยตัวอง ว่าทั้งอาหารอร่อยและบรรยากาศที่ดี ทำให้เจริญอาหารได้จริงๆ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“WhiteHAFF” café & bistro (ไวท์อาฟคาเฟ่แอนด์บิสโทร) ตั้งอยู่ที่ ชั้น2 เลขที่ 243/1 ซ.อัศวพิเชษฐ์ ถ.บรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. การเดินทางจากถ้ามาจากเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ให้วิ่งมาตามถ.บรมราชชนนี มุ่งหน้ามาทางสายใต้ใหม่ เลยสายใต้ใหม่มาประมาณ 700 ม.จะเห็นร้านไวท์อาฟอยู่ซ้ายมือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน โดยตั้งอยู่บนชั้น2 มีที่จอดรถด้านหลังร้าน เปิดจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.00 - 22.00 เสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 - 22.00 โทร. 0-2422-4283, 08-6777-6800 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/WhiteHAFF cafe' & bistro หรือ www.aroi.com/whitehaff และถ้าหากมากินอาหารที่ร้านแล้วบอกว่าอ่านมาจากเว็บไซด์ผู้จัดการ ทางร้านยินดีมอบส่วนลดให้ 15% (เฉพาะค่าอาหาร) ตั้งแต่วันนี้ - 30 ก.ย. นี้
คลิก!! อ่านรายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยัง ร้าน"WhiteHAFF" café & bistro (ไวท์อาฟคาเฟ่แอนด์บิสโทร)
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!!
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com