xs
xsm
sm
md
lg

ล่องใต้ไป “สงขลา” ทัวร์หาดใหญ่ สนุกหลากหลาย เที่ยวได้ทั้งปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รูปปั้นนางเงือกทอง สัญลักษณ์แห่งหาดสมิหลา
“ตะลอนเที่ยว” กำลังเตรียมตัวเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพื่อเดินทางล่องใต้ไปยัง “จังหวัดหาดใหญ่”

เฮ้ย!! ไม่ใช่สิต้องไปอ. หาดใหญ่ “จังหวัดสงขลา” ต่างหาก

แหม!! เสพข่าวท่านนายกปูมากเกินไป ก็เลยพลอยอินกับการพูดถูกพูดผิด เรียกถูกเรียกผิด ดันเผลอเรียกว่าจังหวัดหาดใหญ่ตามท่านนายกไปเสียได้ อย่าว่ากันเลยนะ คนทำงานมากก็มีเบลอๆ กันไปบ้าง
ภายในวัดพะโคะ มีรูปปั้นหลวงปู่ทวดฯ ให้กราบขอพร
เลยต้องขอหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนสมองกันบ้าง และในทริปนี้เราก็เลือกที่จะเหิรฟ้ามากับสายการบินนกแอร์ ไปล่องใต้เที่ยวอ.หาดใหญ่ จ.สงขลากัน เพราะว่า “สงขลา” จัดได้ว่าเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่โดดเด่นอีกจังหวัดหนึ่งของภาคใต้ มีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซีย เป็นเมืองท่าและเมืองชายทะเลที่สำคัญของภาคใต้ โดยมีอำเภอหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนล่าง ที่พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวมากมาย และมีสีสันบรรยากาศของแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย

“ตะลอนเที่ยว” มาถึงจังหวัดสงขลาแล้วก็ไม่รอช้า เราเปิดฉากเที่ยวด้วยการไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนที่ “วัดพะโคะ” หรือ “วัดพระราชประดิษฐาน” ตั้งอยู่ที่อ.สทิงพระ วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่อยู่คู่บ้านคู่เมืองจ.สงขลามาช้านาน เดิมวัดนี้ปรากฏว่าพระชินเสนเป็นผู้สร้างราวปีพ.ศ.500 สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ที่วัดพะโคะ
วัดพะโคะแห่งนี้มีความสำคัญเพราะเคยเป็นวัดจำพรรษาของ “สมเด็จพะโคะ” หรือ “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ที่ชาวไทยทุกภูมิภาครู้จักกันในฐานะพระศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิปาฏิหาริย์เป็นที่เคารพและเสื่อมไสของชาวพุทธคนไทยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งภายในวัดพะโคะมีรูปปั้นหลวงปู่ทวดฯ ให้ได้กราบสักการะขอพร และได้ชมของศักดิ์สิทธิ์ของท่านด้วย อย่างเช่นลูกแก้วและไม้ตะพรตคู่กายของหลวงปู่ทวดฯ และในวัดยังมีโบราณสถานสำคัญที่น่าชมอีกมากมาย อาทิ พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

และยังมีวิหารพระพุทธไสยาสน์ ที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือพระโคตมะ พระพุทธรูปปั้นสีทอง ปางปรินิพพาน ยาว 18 ม. สูง 2.5 ม. ฝีมือช่างปั้นท้องถิ่นให้ได้กราบไหว้ขอพร มีรอยพระพุทธบาท ประดิษฐานอยู่ภายในมณฑปยอดเขา ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรอยพระบาทของสมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ หรือหลวงพ่อทวด แล้วมีบ่อน้ำซักจีวรหลวงปู่ทวดฯ ศาลาตัดสินความ หลักล่ามช้าง ให้ได้เดินชมกันแบบอิ่มบุญและอิ่มใจ
เสาหลักเมืองสงขลา ตั้งอยู่ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
หลังจากนั้นเราออกทางเดินมาที่อ.เมืองสงขลา เพื่อมาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวสงขลากันยังที่ “ย่านเมืองเก่าสงขลา” ที่เมื่ออดีตเป็นเมืองท่าแต่ดั้งเดิมและมีชุมชนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่รวมกัน ทั้งไทย มาลายูและจีน บ้านเมืองจึงอาคารโบราณหลายแบบสร้างปะปนกันอยู่ให้ได้เดินชม หรือจะเลือกนั่งรถรางก็มีให้บริการฟรี โดยรถรางจะให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-11.00 น. และ 13.00-15.00 น. โดยรถรางจะออกทุกชม.
ศาลเจ้ากวนอู ตั้งอยู่ที่ย่านเมืองเก่าสงขลา
โดยมีถนนสายสำคัญน่าเดินเที่ยวชมอยู่ 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และ ถนนนางงาม (หรือถนนเก้าห้อง) ซึ่งทั้ง 3 ถนนนี้เป็นถนนที่ประกอบไปด้วยอาคารและสถาปัตยกรรมที่งดงาม เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของชาวสงขลา ผ่านมุมมองทางสถาปัตยกรรมที่งดงามและได้สัมผัสความเป็นอยู่อันเรียบง่ายและเงียบสงบของชาวสงขลาไปในตัว เรียกว่าเดินเที่ยวกันแบบเพลินๆ มีของดีให้ชมมากมาย
อาคารบ้านเรือนสมัยโบราณที่ย่านเมืองเก่าสงขลา
ไม่ว่าจะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ภายในเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองให้ได้กราบไหว้ขอพรกัน ซึ่งที่นี่ยังมีโรงงิ้วเก่าแก่ที่มีความน่าสนใจตรงที่มีร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ตั้งอยู่ใต้โรงงิ้ว เรียกว่าหากจะแวะกินก็ต้องมุดเข้าไปกินกันใต้โรงงิ้วเก๋ไก๋แปลกดี แล้วก็ยังมีศาลเจ้าพ่อกวนอู ศาลเจ้าตั้งเซ้งอ๋องที่ศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงยังมีวัดยางทอง มัสยิดอุสาสนอิสลาม และวัดอื่นๆ อีกที่ตั้งอยู่ในเขตย่านเมืองเก่าที่สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะต่างชาติต่างศาสนาแต่ว่าคนในชุมชนก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
โรงสีหับโห้หิ้น อาคารเก่าแก่ของจ.สงขลา
การเดินเที่ยวในย่านเมืองเก่า เราจะเห็นห้องแถวไม้แบบจีนที่ดูมีเสน่ห์ มีตึกสไตล์ชิโนโปรตุกีสอันคลาสสิคงดงาม มีอาคารบ้านเรือนสมัยโบราณมากมายให้ได้ชม อย่างเช่น โรงสีหับโห้หิ้น หรือที่ชาวสงขลารู้จักกันในนามโรงสีแดง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2464 โดยเจ้าของคือ คุณราชกิจการี (ซุ่นเลี่ยง เสาวพฤกษ์) เป็นอาคารโรงเรือนหลังใหญ่สีแดงสด รูปทรงแปลกตา หลังคาทรงจั่ว มีปล่องไฟสูงลิ่ว จนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองสงขลาฝั่งบ่อยาง ปัจจุบันโรงสีแดงแห่งนี้ เปิดเป็นท่าเรือให้เอกชนเช่าขนถ่ายสินค้า แต่ยังคงมีเสน่ห์และยังเห็นถึงร่องรอยโรงสีเก่า คือมีปล่องไฟตั้งสูงเด่นให้เห็น

แต่ใช่ว่าที่ย่านเมืองเก่าจะมีแต่อาคารให้ได้ชมเท่านั้น เพราะย่านเมืองเก่าสงขลาโดยเฉพาะที่ถ.นางงาม หรือชื่อเดิมว่า ถนนเก้าห้อง นั้นมีร้านรวงขายอาหารคาว-หวานทั้งไทย ฝรั่ง จีนให้เลือกชมและ ชิมอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ว่าจะเป็นร้านขนมไทย ร้านไอศกรีม ร้านกาแฟโบราณ ร้านซาลาเปา และอีกสารพัดขนมและของกินโบราณที่หาชิมได้ยากแล้ว เรียกว่าเดินชมไป แวะกินกันไปช่างเพลิดเพลิน หรือจะเลือกซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือก็เข้าท่า
นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นหนู-แมว ที่หาดสมิหลา
“ตะลอนเที่ยว” ใช้เวลาเดินชมและเดินชิมอยู่ที่ย่านเมืองเก่าจนอิ่มแปล้กันไปเลย จากนั้นเราออกเดินทางไปเที่ยวธรรมชาติอันงดงามอย่างชายทะเลกันบ้างดีกว่า โดยมากันที่ “หาดสมิหลา” ที่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มีชื่อเสียง เพราะที่หาดสมิหลาแห่งนี้ เป็นชายหาดที่มีธรรมชาติอันสวยงาม มีหาดทรายขาวละเอียดทอดตัวยาวไปกับป่าสนอันร่มรื่น จนมีคำกล่าวว่าใครมาเยือนสงขลาแล้วไม่มาเยือนสมิหลาก็เหมือนมาไม่ถึงสงขลา

ที่หาดสมิหลาแห่งนี้นอกจากจะมีชายทะเลให้ได้มานั่งเล่นพักผ่อนรับลมทะเลเย็นสบาย มีน้ำทะเลให้ได้เล่นอย่างสนุกสนานแล้ว ที่นี่ยังมีประติมากรรมอันโดดเด่นที่เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อประจำหาดสมิหลา นั่นคือ นางเงือกทอง ที่ตั้งเด่นอยู่บนโขดหินริมชายหาด เป็นรูปปั้นนางเงือกในท่านั่งหวีผม ซึ่งหล่อขึ้นมาด้วยบรอนซ์รมดำ ที่ถ้าใครไปใครมาก็ต้องแวะมาถ่ายรูปคู่กับนางเงือกกันให้ได้ และฉากหลังก็จะได้เห็นทิวทัศน์ของเกาะหนูเกาะแมวซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของจ.สงขลาเช่นกัน แล้วยังมีประติมากรรมรูปหนู-แมว อยู่ห่างจากรูปปั้นนางเงือกมาไม่ไกล เป็นอีกจุดหนึ่งที่ถ้ามาเที่ยวหาดสมิหลาแล้วต้องแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันให้ได้
พญานาคพ่นน้ำ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่สวนสองทะเล
ถัดจากหาดสมิหลามาไม่ไกลมากนัก ก็มีจุดท่องเที่ยวอีกแห่งที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของจ.สงขลา นั่นคือ “พญานาคพ่นน้ำ” ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่สวนสองทะเล สร้างขึ้นมาตามคติความเชื่อของชาวไทยว่า พญานาคเป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดน้ำและความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งชาวใต้ให้ความนับถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

พญานาคพ่นน้ำที่เราเห็นนี้ถูกสร้างขึ้นมา 3 ส่วนด้วยกันคือ ส่วนหัวตั้งอยู่ที่สวนสองทะเลมีขนาดลำตัว 1.20 ม. สูงจากฐานถึงยอด 9 ม. ส่วนท้องตั้งอยู่บริเวณสระบัวมีขนาดลำตัว 1.20 ม. ยาว 5 ม. สูง 2.50 ม. และส่วนหางตั้งอยู่หลังสนามกอล์ฟทองใหญ่มีขนาดลำตัว 1.20 ม. ยาว 4 ม. สูง 4.50 ม. นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปคู่กับพญานาคที่พ่นน้ำลงสู่ทะเลดูแล้วสวยงามเป็นอย่างมาก
นั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิวหาดใหญ่มุมสูง
หลังจากได้สูดอากาศที่ทะเลกันเต็มอิ่มแล้ว เราออกเดินทางเที่ยวกันต่อดีกว่า มุ่งหน้ามาที่อ.หาดใหญ่กัน โดยมานั่งกระเช้าลอยฟ้าที่เขาคอหงส์ เพื่อมาชมวิวหาดใหญ่ในมุมสูงกัน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งมิติใหม่ในการท่องเที่ยวของเมืองไทย ที่มีการนำเอากระเช้าลอยฟ้ามาเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ และเป็นที่เดียวในเมืองไทย

สำหรับกระเช้าลอยฟ้าที่มีให้บริการอยู่ตอนนี้คือ มีระยะทางเริ่มต้นจาก สถานีพระพุทธมงคลมหาราช ไปจนถึง สถานีท้าวมหาพรหม รวมระยะทาง 525 ม. ใช้เวลาประมาณ 2.30 นาที ความจุของกระเช้าต่อหนึ่งคันนั่งได้ประมาณ 6 คน ซึ่งการนั่งกระเช้าลอยฟ้าทำให้เราได้เห็นทัศนียภาพอันกว้างใหญ่แบบสุดลูกหูลูกตาของหาดใหญ่ในมุมสูงที่ดูสวยงามน่าประทับใจ (แต่สำหรับคนกลัวความสูงอาจจะหวาดเสียวหน่อย) แต่รับรองได้ว่าปลอดภัยไร้กังวล
พระพุทธมงคลมหาราช พระพุทธรูปปางห้ามญาติองค์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้
และใช่ว่าเราจะแค่มานั่งกระเช้าชมวิวเล่นเท่านั้น เพราะที่เขาหอหงส์ยังมีท้าวมหาพรหม และช้างเอราวัณ มีพระโพธิสัตว์กวนอิม แล้วก็มีพระพุทธมงคลมหาราช ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติองค์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ หล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ องค์พระมีความสูง 19.90 ม. ความสูงรวมฐาน 25 ม. น้ำหนัก 200 ตัน ตั้งโดดเด่นอยู่บนยอดเขาคอหงส์ให้เราได้กราบสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตัวเอง
สนุกสนานกับประติมากรรมน้ำแข็งที่หาดใหญ่ไอซ์โดม
ได้สนุกกับการนั่งกระเช้าและกราบไหว้ขอพรพระกันแล้ว เราลงจากเขาคอหงส์มาเที่ยวสนุกกันต่อแบบเย็นสุดขั้ว หนาวจับใจกันที่ “หาดใหญ่ไอซ์โดม” มาสัมผัสกับความมหัศจรรย์โลกน้ำแข็ง ที่เมื่อมาแล้วจะได้ชมความอลังการของประติมากรรมน้ำแข็งหลากหลายรูปแบบ โดยฝีมือการแกะสลักจากช่างฝีมือระดับโลกจากเมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจัดแสดงให้ชมได้ถึง 31 ส.ค. นี้ (เสียค่าเข้าชม)
ประติมากรรมแกะสลักน้ำแข็งอันงดงาม
การเข้าไปชมหาดใหญ่ไอซ์โดม เราต้องใส่เสื้อหนาวและถุงมือที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ ไม่อย่างนั้นได้เดินชมแบบหนาวตายกันแน่ เพราะภายในพื้นที่จัดแสดงกว่า 1,700 ตร.ม. มีความเย็นจับขั้วหัวใจด้วยอุณหภูมิติดลบ 15 องศาเซลเซียส และด้านในก็มีประติมากรรมน้ำแข็งแกะสลักงดงามตระการตาให้ได้ชมเต็มไปหมด แบ่งเป็นโซนๆ ไม่ว่าจะเป็น สัญลักษณ์หงส์คู่มังกร ร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โซนกลุ่มประเทศอาเซียน ที่รวมประติมากรรมโดดเด่น อันเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ (ไทย) นครวัค นครธม (กัมพูชา) โซนสัตว์โลกสัตว์ล้านปี ท่องไปในโลกยุคดึกดำบรรพ์กับเหล่าไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ โซนดินแดนมหาสนุก สนุกสนานไปกับสไลเดอร์มังกรคู่ อุโมงค์ดวงดาว บาร์น้ำแข็ง น้องไทและน้องจุกไทสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยว และประติมากรรมน้ำแข็งแกะสลักอื่นๆ อีกมากมายที่ดูอลังการงดงามจับใจจริงๆ
โคมไฟรูปปิรามิดแห่งคชสาร
พอออกมาจากโลกแห่งน้ำแข็ง เราก็เดินเที่ยวชมความงดงามของโคมไฟยามค่ำคืนกันต่อกับ “เทศกาลโคมไฟสีสันเมืองใต้” ซึ่งจัดขึ้นที่สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ มีพื้นที่จัดแสดงเริ่มตั้งแต่บริเวณหน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 จนถึงบริเวณเชิงสะพานศาลากลางน้ำ และสามารถชมได้ฟรีจนถึง 30 เม.ย. นี้
ความสวยงามของเทศกาลโคมไฟสีสันเมืองใต้
ภายในพื้นที่จัดแสดงมีโคมไฟรูปแบบต่างๆ มากมาย อาทิ ปิรามิดแห่งคชสาร ฮกลกซิ่วเทพเจ้าแห่งความสมบูรณ์ เห็ดป่าแฟนซี โซนมหัศจรรย์แห่งแสง เหล่าการ์ตูนแองกี้เบิร์ด และโคมไฟรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย ที่ล้วนแล้วแต่มีความสวยงาม เดินชมโคมไฟยามค่ำคืนพาใจให้เพลิดเพลินเสียจริงเชียว

อ้อ!! แต่ว่าเมื่อมาถึงหาดใหญ่ทั้งที จะแค่เที่ยวเพลินๆ แล้วกลับบ้านไปมือเปล่าก็กระไรอยู่ ต้องไปหาซื้อของฝากอย่างพวกของกิน เสื้อผ้า หรือสินค้าท้องถิ่นของคนใต้ไปฝากคนที่บ้านสักหน่อย แน่นอนว่าจะต้องไปกันที่นี่ “ตลาดกิมหยง” เพราะที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งจับจ่ายสินค้าใหญ่สุดในหาดใหญ่ ที่ถึงแม้ว่าอาจจะดูซบเซาลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงเป็นตลาดจับจ่ายที่ดูคึกคักไปด้วยแม่ค้าที่มาขายสินค้าอันหลากหลาย มีทั้งของกินอย่างผลไม้สดๆ ของใช้เบ็ดเตล็ด เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า
เลือกซื้อของกินของฝากได้ที่ตลาดกิมหยง
แต่ที่เป็นที่นิยมชมช้อปของเหล่านักท่องเที่ยวก็เห็นจะเป็นขนมของฝากนานาชนิด อาทิ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ลูกหยี ลูกเกด อินทผลัม ท้อ บ๊วย ช็อกโกแลต และขนมอื่นๆ อีกมากมายที่ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านแล้วเป็นต้องดีใจ และพอกินหมดเมื่อไหร่ก็ต้องอยากจะมาเที่ยวหาดใหญ่ขึ้นมากันบ้าง

เพราะว่า “จ.สงขลา” มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย สามารถตอบสนองตามไลฟ์สไตล์คนชอบเที่ยวได้หลายรูปแบบ แถมยังสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวกันได้ทั้งปีและมีการเดินทางที่สะดวกสบาย รู้อย่างนี้แล้วขาเที่ยวทั้งหลายจะรอช้าอยู่ใย รีบเก็บกระเป๋าแล้วมาเที่ยวจ.สงขลากันเถอะ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

การเดินทางสู่จ.สงขลา มีสายการบินนกแอร์ให้บริการบินเส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) - หาดใหญ่ วันละ 7 เที่ยวบิน และยังมีเส้นทางบินเชื่อมระหว่าง หาดใหญ่-เชียงใหม่ วันละ 1 เที่ยวบิน นอกจากนี้นกแอร์ยังมีบริการ Fly and Ride เป็นการให้บริการบินมาลงหาดใหญ่แล้วมีรถรอรับจากสนามบินหาดใหญ่ เพื่อเดินทางไปยังเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nokair.com  หรือติดต่อนกแอร์ได้ที่ โทร. 1318 และหากต้องการข้อมูลท่องเที่ยวจ.สงขลาเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ ททท. สำนักงานหาดใหญ่ (สงขลา-พัทลุง) โทร. 0-7423-8518, 0-7424-3747 หรือที่ www.songkhlatourism.org

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

มุดใต้ถุนโรงงิ้ว ชิมก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด ที่เมืองสงขลา
 

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!!

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น