xs
xsm
sm
md
lg

เพลินบุญ เพลินตา เพลินใจ ในจังหวัด 3 พ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วัดโพธิ์ประทับช้าง วัดเก่าแก่สมัยพระเจ้าเสือ
“พ.พาน” เป็นพยัญชนะไทยตัวที่ 30

ในสมัยเรียน“ตะลอนเที่ยว” ท่องพยัญชนะตัวนี้อย่างขึ้นใจว่า “พ.พานวางตั้ง” แล้วต่อด้วย “ฟ.ฟัน สะอาดจัง”

ครั้นเมื่อมา พ.พานวางตั้ง ถูกใครและใครหลายคนเปลี่ยนเป็น “พ.แพงทั้งแผ่นดิน” ที่สะท้อนให้เห็นถึง ก.กึ๋น ของรัฐบาล ป.ปู ได้เป็นอย่างดี

สำหรับเหตุนี้ “ตะลอนเที่ยว” ขึ้นต้นนำมาด้วย พ.พาน นั้นก็เนื่องจากว่า ในทริปนี้เราได้ไปร่วมตะลอนเที่ยวในธีม พ.พาน กับทริป “เพลินตา เพลินบุญ เพลินใจ” ใน 3 จังหวัดตัว พ. ได้แก่ พิจิตร พิษณุโลก และ เพชรบูรณ์ ที่จัดขึ้นโดยทีมงานนิตยสาร “โวยาจ”(Voyage) ร่วมกับ "เมืองไทย Smile Club" ซึ่งนี่จะเป็นทริปที่ พ.พิเศษ เช่นไร ขอเชิญไปร่วม พพ. เพลิดเพลินกันได้ ณ บัดดล

พ.พิจิตร

จังหวัด พ.แรกที่ “ตะลอนเที่ยว” เริ่มต้นออกตะลอนทัวร์คือ จังหวัด พ.“พิจิตร” เพื่อ “เพลินบุญ” กับเส้นทางแห่งศรัทธา จุดหมายแรกที่มุ่งไปก็คือคือที่ “วัดโพธิ์ประทับช้าง” ตั้งอยู่ที่ต.โพธิ์ประทับช้าง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าเสือ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ.2242 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงบ้านเกิดของท่าน
หลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง
วัดแห่งนี้มีลักษณะตัวอุโบสถเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ก่อด้วยอิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้อง มีมุขหน้าและหลัง ประตูและหน้าต่างประดับด้วยซุ้มที่มีลวดลายงดงาม มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ขนาดกว้าง 16 ม. ยาว 24 ม. ภายในประดิษฐานพระประธานปูนปั้น ที่ชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อโต"

บริเวณรอบอุโบสถนั้นรายรอบด้วยเจดีย์ราย และมีบรรณศาลารับรองทั้งสองข้าง นอกจากนี้ยังมี เจดีย์คู่ย่อมุมสิบสอง ปล้องไฉนศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย และวิหารฐานสูง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในบริเวณกำแพงแก้วรอบนอกมีขนาดกว้าง 70.50 ม. ยาว 105.20 ม. ซึ่งถือได้ว่าวัดแห่งนี้เคยเป็นวัดที่สวยงามและเจริญรุ่งเรืองกว่าวัดใดๆในสมัยนั้น แต่ปัจจุบันเหลือเพียงบางส่วนให้ชนรุ่นหลังอย่างเราๆได้ชมกัน

ต่อจากนั้น เราเดินทางไปเพลินบุญกันต่อที่ “วัดท่าหลวง” หรือชื่อเป็นทางการว่า “วัดราชดิตถาราม” อ.เมือง สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2388 สิ่งสำคัญของวัดแห่งนี้คือ “หลวงพ่อเพชร” พระประธานภายในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร สมัยเชียงแสนรุ่นแรก หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีพุทธลักษณะงดงามมาก หน้าตักกว้าง 1.40 ม. สูง 1.60 ม. ประทับนั่งนบฐานที่มีรูปบัวคว่ำบัวหงายรอบรับ สันนิษฐานว่าสร้างในระหว่างปีพ.ศ.1660-1880 ถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองพิจิตร

นอกจากองค์หลวงพ่อเพชรจะมีพุทธลักษณะที่งดงามแล้ว ยังทรงอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ โดยเชื่อกันว่าใครที่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เช่น ของหาย หรือมีความทุกข์ยาก หลวงพ่อเพชรจะช่วยปกป้องรักษา หรือปัดเป่าความทุกข์ยากให้หมดไป ชาวพิจิตรต่างให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างสูงเลยทีเดียว
พระพุทธชินราช พระประธานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ
พ.พิษณุโลก

หลัง พ.เพลินบุญจากเมือง พ.พิจิตรแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ไปเพลินบุญต่อยังจังหวัด พ อีกหนึ่งจังหวัดคือ “พิษณุโลก” ซึ่งเป็นที่รั้นดีว่าหากมาเมืองพิด-โลก ก็ต้องไม่พลาดที่จะไปกราบไหว้ขอพรพระพุทธชินราช ที่ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "วัดใหญ่"

วัดแห่งนี้ไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนสมัยสุโขทัย และเป็นพระอารามหลวงมาแต่เดิม ภายในพระวิหารทรงโรงสมัยสุโขทัยเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธชินราช” หรือที่ชาวเมืองพิษณุโลกเรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) โปรดให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ในกทม.

พระพุทธชินราชมีเส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นรูปเปลวเพลิง มีลักษณะพิเศษเรียกว่าทีฆงคุลี คือที่ปลายนิ้วพระหัตถ์ทั้งสี่นิ้วยาวเสมอกัน พระประธานองค์นี้จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย

นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น "พระปรางค์" ตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางของวัด เป็นพระปรางค์ประธาน และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ "พระวิหารพระเจ้าเข้านิพพาน" ภายในประดิษฐานหีบปิดทอง(สมมุติ)บรรจุพระบรมศพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปลายหีบมีพระบาททั้งสองยื่นออกมา คาดว่ามีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย "พระวิหารพระอัฏฐารส" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติสูงประมาณ 10 ม. เป็นต้น
มหัศจรรย์ธรรมชาติลานหินแตก
มาดูความสวยงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างกันบ้างที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีธรรมชาติที่แปลกตาและสวยงาม และยังมีภูมิอากาศที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีแม้ในฤดูร้อน แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจด้านธรรมชาติในเขตอุทยานฯได้แก่ “ลานหินแตก”

โดยลานนี้มีลักษณะเป็นลานหิน มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบขนาดพอคนก้าวข้ามได้ แต่บางรอยก็กว้างจนไม่สามารถจะกระโดดข้ามไปถึง สำหรับความลึกของร่องหินแตกนั้นไม่สามารถจะคะเนได้ ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัว หรือเคลื่อนตัวของผิวโลก จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกออกเป็นแนว นอกจากนี้บริเวณลานหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอส ไลเคน ตะไคร่ เฟิน และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ
ลานหินปุ่ม ความงามที่ธรรมชาติสร้าง
อีกหนึ่งธรรมชาติที่แปลกแต่สวยงามของอช.ภูหินร่องกล้านี้ก็คือ “ลานหินปุ่ม” ลักษณะเป็นลานหินซึ่งมีหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่ม เป็นปม ขนาดไล่เลี่ยกัน คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหิน ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นคนไข้ของโรงพยาบาล เนื่องจากอยู่บนหน้าผามีลมพัดเย็นสบาย
ผาชูธง ผาสูงชันในอช.ภูหินร่องกล้า
จากลานหินปุ่มมีทางเดินต่อไปยัง “ผาชูธง” ที่อยู่ห่างไปประมาณ 500 ม. ลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน สามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล จะสวยงามมากในยามพระอาทิตย์ตกดิน โดยบริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ซึ่ง ผกค. ขึ้นไปชูธงแดงรูปค้อนเคียวทุกครั้งที่รบชนะฝ่ายรัฐบาล
เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว วิจิตรด้วยการตกแต่งด้วยกระเบื้องสีและเบญจรงค์
พ.เพชรบูรณ์

เมื่อเพลินบุญใน 2 จังหวัด 2 พ. กันแล้ว เรามา “เพลินใจ” กันต่อกับจังหวัด พ.ที่ 3 คือ พ. “เพชรบูรณ์" โดยมุ่งหน้าไปที่ “วัดพระธาตุผาแก้ว” อ.เขาค้อ วัดที่ใครไปเห็นแล้วจะต้องเพลินใจเป็นแน่แท้ เพราะวัดแห่งนี้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม และยังวิจิตรด้วยการตกแต่งวัดด้วยกระเบื้องสีและเบญจรงค์ สิ่งที่คำคัญของวัดแห่งนี้ก็คือ “เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต” เป็นเจดีย์ที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระเบื้องหลากหลายสี เครื่องประดับ พลอย สร้อย กำไล ถ้วยชามเครื่องเบญจรงค์ เป็นต้น นำมาตกแต่งทีละชิ้นๆ จนทั่วองค์พระเจดีย์

ภายในแบ่งเป็นพื้นที่เป็นหลายชั้นด้วยกันโดยชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับประทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ส่วนบริเวณใต้ฐานพระเจดีย์จะใช้เป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนา สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป

นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย เช่น พระปิยพุทธบรมไตรโลกนาถ, ลานพระสีวลี, พระพุทธรัตนสัมฤทธิ์ผล หรือ "พระหยกขาว", พระรัตนโชติมณี หรือ "พระหยกเขียว" เป็นต้น


พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก เขาค้อ
สุดท้าย “ตะลอนเที่ยว” มา “เพลินตา” กันที่ “พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก” เขาค้อ ลักษณะเป็นเจดีย์สีขาวที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งแบบสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ฐานด้านล่างเป็นแบบย่อมุมไม้สิบสอง ฐานชั้นบนมีผังเป็น 8 เหลี่ยม อันเป็นลักษณะที่มีการใช้ตั้งแต่ครั้งสมัยทวาราวดี

องค์พระบรมธาตุเจดีย์มีความสูง 69 หลา หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 69 พรรษา ฐานเจดีย์กว้าง 39 หลา หมายถึงปีพุทธศักราช 2539 ทั้งยังมีการนำลักษณะแบบอย่างการใช้ซุ้มคูหามาประดับเข้า 4 ด้าน และประดิษฐานพระพุทธรูปภายในซุ้มด้วย

ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐธาตุของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังจากยุติการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย
พิพิธภัณฑ์อาวุธฐานอิทธิ
จากนั้นเราไปต่อยัง “พิพิธภัณฑ์อาวุธ” หรือที่เรียกกันว่า "ฐานอิทธิ" โดยตั้งชื่อตามพันเอก อิทธิ สิมารักษ์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ยึดพื้นที่เขาค้อคืนจาก ผกค.ในปี พ.ศ.2524 บริเวณนี้เคยเป็นฐานปืนใหญ่ยิงสนับสนุนการสู้รบ ปัจจุบันจัดให้ เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง มีอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ใช้ในการสู้รบตั้งอยู่มากมาย เช่น เครื่องบินขับไล่ เอฟ 5 รถสายพานลำเลียงพล ปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ปืนใหญ่ ขนาด 155 มม. ยิงได้ไกล 11 กิโลเมตร เป็นต้น
อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
สถานที่สุดท้ายของทริปเราไปจบที่ “อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ” ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา โดดเด่นด้วยแท่งหินอ่อนรูปทรงสามเหลี่ยม เพื่อเตือนใจคนไทยทั้งชาติว่ายามใดที่คนไทยขัดแย้งกัน จะต้องมีการสูญเสียอย่างผู้กล้าหาญ 1,171 ชีวิต ที่จารึกไว้กับองค์อนุสรณ์ จงอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
 ฐานจำลองการสู้รบกับพรรคคอมมิวนิสต์
ขณะที่บริเวณด้านข้างของอนุสรณ์ฯ เป็น “ฐานจำลองการสู้รบ” ที่เป็นเนินเตี้ยๆ มีหลุมหลบภัย มีกระสอบทรายบังเกอร์ ซึ่งในอดีตที่แห่งนี้เป็นฐานแห่งแรกที่ทหารไทยยึดคืนมาได้จากการสู้รบกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

นอกจากนี้บริเวณอนุสรณ์สถานยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งบนเขาค้อ นับเป็นสถานที่ปิดท้ายทริปจังหวัด 3 พ. อันสวยงาม ซึ่งในทริปนี้“ตะลอนเที่ยว”ก็ได้รับความสุขแบบ 3 พ.กลับไป คือ เพลินตาเพลินบุญ และ เพลินใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น