ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ผบ.ทบ.” ยันวัตถุลึกลับระเบิดเหนือ “เขาวิหาร” ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ใช่อากาศยานสอดแนมแน่ และไม่มีการยิงจากทหารฝ่ายไทย เผย เครื่องบินทุกสัญชาติต้องมีการติดต่อกับภาคพื้นดินยกเว้นช่วงการสู้รบกัน แต่สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ปกติ มีสัมพันธ์ดีจึงไม่มีการรบ คาดเป็นชิ้นส่วนดาวเทียม รอการตรวจพิสูจน์อีกครั้ง
วันนี้ (23 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ลานอเนกประสงค์ ภายในกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหาราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานเปิดลานอเนกประสงค์ พร้อมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่กำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ในโอกาสช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555
ทั้งนี้ ได้มีการนำอาวุธยุทโธปกรณ์มาแสนยานุภาพในครั้งนี้ด้วย เช่น ปืนใหญ่ขนาด 155 มม., ปืนใหญ่, ปืนต่อสู้อากาศยาน, รถถังหนัก รถถังเบา, รถลำเลียงสายพาน, รถสายพานปืน 20 ลำกล้อง รวมทั้งเครื่องบินหรืออากาศยานสอดแนมไร้คนขับ (ยูเอวี) และ ปืนกล ปืนครก และรถแพทย์ รถเสบียง ซึ่ง มี พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) นำคณะนายทหารระดับสูงของ ทภ.2 และผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับตบเท้าร่วมพิธี กว่า 1,000 นาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีการตรวจสอบวัตถุลึกลับที่ระเบิดกลางอากาศและตกลงบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า เรื่องชิ้นส่วนที่ตกลงมาตอนนี้ก็สำรวจอยู่ โดยพยายามส่งไปให้ทางทหารอากาศดูว่าเป็นอะไร
ในตอนแรกเราสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นชิ้นส่วนของอากาศยานอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้มีรูปภาพมาให้ดูแล้ว ก็ยังไม่ยืนยันว่าเป็นอะไร มันเหมือนกับลักษณะเป็นชิ้นส่วนที่อาจจะเป็นดาวเทียม เหมือนกับเป็นเปลือกนอกอะไรทำนองนี้ หรือว่าเป็นถังอุปกรณ์เชื้อเพลิง ทั้งนี้เพราะเมื่อปีก่อนมีตกมาตรงนี้เหมือนกันและที่เดียวกัน แสดงว่ามีวงจรอะไรสักอย่าง
ในฐานะเป็นทหาร ตนไม่ใช่นักอวกาศ ดูรูปแล้วมันคล้ายๆ กับปลอกหุ้มดาวเทียม ซึ่งตนยังแปลกใจว่า มันตกลงมาข้างบนมันน่าจะไหม้หมด แต่ทำไมไหม้ไม่หมดก็ไม่รู้ อันนี้คงต้องส่งไปให้หน่วยในกรุงเทพฯ เขาตรวจสอบดู
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ไม่ใช่อากาศยานที่บินเขามาแล้วกองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) ยิงตกแต่อย่างใด เราไม่มีการยิง เพราะเราไม่ได้ทะเลาะกับใคร และหากมีเครื่องบิน บินเข้ามาเราจะต้องแจ้งเตือน ซึ่งเครื่องบินทุกชนิดจะมีความถี่อากาศอยู่ ฉะนั้นความถี่อากาศหรือความถี่กลางเครื่องบินกับพื้นดินรู้กันทุกประเทศเข้ามามันต้องมีความถี่ช่องนี้ ไม่มีที่ติดต่อกันไม่ได้ ถ้าติดต่อไม่ได้อย่างนั้นคือรบกันแล้ว อย่างนั้นต้องเป็นขั้นการรบแล้ว
ตนคิดว่า ช่วงนี้มันน่าจะไม่มีการรบอะไรทั้งสิ้น เพราะเรามีการพูดคุยมาโดยตลอด มีการประชุมร่วมกัน ข้างล่างก็พบปะไปมาเยี่ยมเยียนกัน แต่เรื่องอื่นๆ เรื่องศาลโลก เรื่องต่างๆ เป็นเรื่องอีกกรณีหนึ่งก็ว่ากันไปก็รอการตัดสินว่าจะว่าอย่างไร แล้วเราต้องดูว่ากติกาสัญญาต่างๆที่มีอยู่เดิมเราจะต้องทำอย่างไรให้มันเกิดผลดีที่สุดกับประเทศชาติและการรับรู้ของสังคมของสากลโดยรวมด้วย เพราะเราไม่ได้อยู่ประเทศเดียวในโลก