xs
xsm
sm
md
lg

เผยวัตถุลึกลับเหนือเขาวิหาร ชิ้นส่วน"ดาวเทียมจีน" ผบ.ทบ.ยันไม่ถอนทหาร

เผยแพร่:

ASTVผู้จัดการรายวัน-มทบ.2 ระบุวัตถุลึกลับระเบิดหล่นจากท้องฟ้าเหนือเขาพระวิหาร เป็นชิ้นส่วนดาวเทียมจีน ชาวบ้านแห่ดูแน่น กำนันเสาธงชัยเร่งประชาสัมพันธ์ไม่ให้แตกตื่น เผยเปรียบเทียบชิ้นส่วนลึกลับเหมือนเหตุการณ์ปี 46 ผบ.ทบ.เห็นด้วย พร้อมยืนยันยังไม่ถอนทหาร ลั่นจะรักษาอธิปไตยของไทยให้ดีที่สุด

วานนี้ (23 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บรรยากาศช่วงเช้าภายหลังจากเกิดเหตุการณ์วัตถุลึกลับคล้ายชิ้นส่วนอากาศยานระเบิดบนท้องฟ้าและตกลงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านภูมิซรอลยังคงออกไปทำมาหากินประกอบสัมมาชีพกันตามปกติ ขณะที่ชาวบ้านภูมิซรอลบางส่วนพากันรวมกลุ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้วิตกกังวลหรือหวาดกลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนที่บริเวณด้านข้างที่ทำการกำนันตำนันเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ซึ่งมีเศษชิ้นส่วนของวัตถุลึกลับที่เกิดระเบิดตกลงมาจากท้องฟ้าหลงเหลืออยู่และยังไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารนำเอาไปเก็บรักษาไว้ ปรากฏว่าได้มีบรรดาประชาชนชาวศรีสะเกษและชาวจังหวัดใกล้เคียง พากันทยอยเดินทางมาชมชิ้นส่วนของอากาศยานกันอย่างต่อเนื่อง โดยลักษณะของชิ้นส่วนคล้ายกับเป็นส่วนเชื่อมต่อโครงสร้าง 3 ชิ้น ความยาวชิ้นละประมาณ 30 - 50 ซม.และมีแผ่นโลหะสีเหลืองอ่อนที่เป็นเหมือนกับส่าวนฝาปิด ความกว้างประมาณ 30 ซม. ยาวประมาณ 40 ซม.1 แผ่น ทั้งหมดถูกวางอยู่บริเวณข้างที่ทำการกำนัน ซึ่งเป็นบ้านของนายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำนันเสาธงชัย

นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า วัตถุที่ระเบิดตกหล่นลงมาจากท้องฟ้า ขณะนี้ทหารกองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 ตระเวนเก็บรวบรวมได้กว่า 20 ชิ้น เพื่อนำไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งขณะนี้ตนได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านภูมิซรอลและทุกหมู่บ้านในเขต ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ทราบข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์เกิดระเบิดบนท้องฟ้าเหนือชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหารเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ไม่ใช่เกิดจากการยิงปืนใหญ่หรือมีการสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่บริเวณเขาพระวิหารเกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่เป็นการระเบิดของอากาศยานใกล้เขาพระวิหาร ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ชาวบ้านภูมิซรอลทุกหมู่บ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต ต.เสาธงชัย แตกตื่นตกใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์วัตถุลึกลับระเบิดบนท้องฟ้าและตกลงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง คือเมื่อปี 2546 และอีกครั้งประมาณปี 2549 ซึ่งเศษชิ้นส่วนที่เก็บได้มีลักษณะเหมือนกับครั้งนี้มาก แตกต่างกันเพียงสีและสภาพความสมบูรณ์เท่านั้น

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ยังเก็บไว้ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ โดยเขียนข้อความไว้บนชิ้นส่วนวัตถุดังกล่าวระบุว่าเป็น “เทหวัตถุตกจากท้องฟ้า” พร้อมบอกรายละเอียด “21 ตุลาคม 2546 เวลา 10.30 น. เกิดเสียงระเบิดรุนแรงเหนือพื้นที่ด้านทิศตะวันตกผามออีแดง และ 24 พฤศจิกายน 2546 เวลา 12.00 น. ชุดลาดตระเวนร้อย ทพ.2202 ตรวจพบที่บริเวณห้วยพลู ทิศตะวันออกเฉียงเหนือช่องทับอู่ 2 กม. พิกัด VA 527892 ”

**มทบ.2ยันชิ้นส่วนดาวเทียมจีน
 

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายเห็นว่า วัตถุดังกล่าวน่าจะเป็นชิ้นส่วนดาวเทียมของประเทศจีน โดยเฉพาะ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาระบุว่า ชิ้นส่วนอากาศยานที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.นั้น สรุปได้ว่า เป็นชิ้นส่วนดาวเทียมของจีน แต่ขณะนี้กองทัพไทยยังไม่ได้ทำหนังสือสอบถามไป

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวยืนยันเช่นกันว่า เป็นชิ้นส่วนของดาวเทียมที่ตกบริเวณทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร ไม่ได้เป็นเครื่องบินสอดแนม หรือเป็นเครื่องบินไร้คนขับแต่อย่างใด และไม่มีเครื่องบินสอดแนมของทั้ง 2 ประเทศบินขึ้่น แต่เป็นชิ้นส่วนดาวเทียม ของประเทศอาเซียน ที่กำลังแปรสภาพ

ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ได้ส่งชิ้นส่วนดังกล่าวให้ทางทหารอากาศดูแล้วว่าเป็นอะไร ซึ่งในตอนแรกเราสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นชิ้นส่วนของอากาศยานอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้มีรูปภาพมาให้ดูแล้วก็ยังไม่ยืนยันว่าเป็นอะไร มันเหมือนกับลักษณะเป็นชิ้นส่วนที่อาจจะเป็นดาวเทียม เหมือนกับเป็นเปลือกนอกอะไรทำนองนี้ หรือว่าเป็นถังอุปกรณ์เชื้อเพลิง ทั้งนี้ เพราะเมื่อปีก่อนมีตกมาตรงนี้เหมือนกันและที่เดียวกัน แสดงว่ามีวงจรอะไรสักอย่าง

"ในฐานะเป็นทหาร ผมไม่ใช่นักอวกาศ ดูรูปแล้วมันคล้ายๆ กับปลอกหุ้มดาวเทียม ซึ่งผมยังแปลกใจว่า มันตกลงมาข้างบนมันน่าจะไหม้หมด แต่ทำไมไหม้ไม่หมดก็ไม่รู้ อันนี้คงต้องส่งไปให้หน่วยในกรุงเทพฯ เขาตรวจสอบดู"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไม่ใช่อากาศยานที่บินเข้ามาแล้ว กกล.สุรนารี ยิงตกแต่อย่างใด เราไม่มีการยิง เพราะเราไม่ได้ทะเลาะกับใครและหากมีเครื่องบิน บินเข้ามาเราจะต้องแจ้งเตือน ซึ่งเครื่องบินทุกชนิดจะมีความถี่อากาศอยู่ ฉะนั้นความถี่อากาศหรือความถี่กลางเครื่องบินกับพื้นดินรู้กันทุกประเทศเข้ามามันต้องมีความถี่ช่องนี้ ไม่มีที่ติดต่อกันไม่ได้ ถ้าติดต่อไม่ได้อย่างนั้นคือรบกันแล้ว

**ผบ.ทบ.ลั่น “เขาวิหาร”เป็นดินแดนไทย
 

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยถึงกรณีมติที่ประชุมคณะกรรมการทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ครั้งที่ 8 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับการถอนกำลังทหารออกจากเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชาตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกโดยยืนยันอีกครั้งว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการปฏิบัติการใดๆ ทั้งสิ้น ในเรื่องการปฏิบัติตามมาตรการชั่วคราวของศาลโลก เพียงแต่ว่าทั้งสองฝ่ายมีความเห็นชอบร่วมกัน ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชามีการแสดงความคิดเห็นร่วมกันว่าจะต้องมีการปฏิบัติมาตรการชั่วคราวที่ศาลโลก (ไอซีเจ) ได้กำหนดออกมาแล้ว แต่จะปฏิบัติอย่างไรขึ้นอยู่กับคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่หรือเรียกว่า “IWG” เป็นเวิร์คกิ้งกรุ๊ปที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหารือว่า มันจะปรับเปลี่ยนอย่างไรอะไรต่างๆ

"ฉะนั้น สรุปว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้นในตอนนี้ เพียงแต่เป็นการเห็นชอบร่วมกันว่าควรจะต้องปฏิบัติ เพราะมันเป็นกลไกหรือเป็นพันธะสัญญา พันธะกรณีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องของความผูกพันในฐานะเป็นภาคีอนุสัญญาต่างๆ ที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติในหลายเรื่อง อันนี้ต้องเข้าใจ"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รมว.กลาโหม ตน และนายกฯ รวมถึงกำลังทั้งหมดได้ตกลงแล้วว่า เราพยายามแต่จะทำให้ดีที่สุด ให้เกิดความโปร่งใส และเกิดความเท่าเทียมกันในทุกเรื่อง ฉะนั้น ต้องขอให้ทุกคนใจเย็นๆ และสบายใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ตาม เราพยายามจะรักษาอธิปไตย รักษาดินแดนของเราให้ดีที่สุด ฉะนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น แต่ประเด็นสำคัญคือเราคงต้องปฏิบัติตามสัญญาต่างๆ ที่เราได้ร่วมลงนามกับหลายประเทศไว้ด้วย โดยเฉพาะองค์การสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศมีความสำคัญในวันนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น