พิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ หรือหลักฐานต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ หรือเพื่อชื่นชม แต่สำหรับที่ “บ้านพิพิธภัณฑ์” นับเป็นบ้านที่รวบรวมเอาของเก่าเก็บ มาจัดแสดงเอาไว้ตามวิถีชีวิตชาวตลาดชาวเมืองในยุค พ.ศ. 2500 และยุคใกล้เคียง ภายใต้แนวคิด “เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า”
บ้านพิพิธภัณฑ์ ดำเนินการโดยสมาคมกิจวัฒนธรรมและอาสาสมัคร และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2544 จนถึงบัดนี้ก็นับเป็นเวลา 10 ปี ที่ผู้คนได้เข้าไปย้อนรำลึกถึงสมัยอดีตสัก 40-50 ปีก่อน ของที่จัดแสดงส่วนใหญ่มาจากการบริจาค อีกส่วนหนึ่งจัดซื้อมาเพิ่มเติมด้วยรายได้เท่าที่พอมีของสมาคม เพื่อให้มีของแปลกๆ เข้ามาเสริมให้ได้ชม ซึ่งก็มีทั้งตู้ โต๊ะ เตียง ป้ายโฆษณา แก้วน้ำ ชามก๋วยเตี๋ยว ของเล่น และอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีการออกแบบการจัดแสดงให้เป็นเหมือนห้องแถวในตลาด
สาเหตุที่จัดทำบ้านพิพิธภัณฑ์ขึ้นมา เนื่องจากสิ่งของเก่าๆ ดีๆ จำนวนมาก ถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ บ้างก็เห็นว่าเป็นของเก่าไร้ค่า จึงเกิดบ้านพิพิธภัณฑ์ขึ้นมา เพื่อเป็นสถานที่รวบรวม เก็บ จัดแสดง และรับบริจาคสิ่งของเหล่านี้
ปัจจุบันบ้านพิพิธภัณฑ์มีอาคาร 2 หลัง หลักแรก แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นที่ 1 จัดเป็นร้านของเล่น, ร้านขายของจิปาถะ, ร้านขายยา และร้านขายของที่ระลึก ชั้นที่ 2 จัดเป็นโรงหนัง โรงพิมพ์ในตรอกข้างโรงหนัง ร้านตัดผม-ตัดเสื้อ ร้านให้เช่าหนังสือนิยาย ร้านถ่ายรูป, ห้องครัว, บ้านสุวัตถี และห้องจัดแสดงของทั่วไป ส่วนชั้นที่ 3 จัดเป็นห้องเรียน ห้องนายอำเภอ ร้านขายแผ่นเสียง วิทยุโทรทัศน์ ร้านทองและร้านสรรพสินค้า
และบ้านพิพิธภัณฑ์หลังที่ 2 มีชั้นเดียว สมมุติให้เป็นตลาดริมน้ำมีนอกชาน สร้างม้านั่งไว้ให้นั่งเล่นกันหน้าร้านกาแฟ, ร้านขายของชาวบ้าน, นอกจากนั้นมีร้านทำฟัน, ร้านขายเครื่องเขียนแบบเรียน, ร้านทอง และแผงหนังสือข้างร้านทอง
ด้วยพื้นที่ตั้งของบ้านพิพิธภัณฑ์ นั่นคือบริเวณพุทธมณฑล สาย 2 ทำให้เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บ้านพิพิธภัณฑ์จึงถูกน้ำท่วมเช่นเดียวกับในหลายๆ พื้นที่ โดย เอนก นาวิกมูล คณะทำงานบ้านพิพิธภัณฑ์ กล่าวถึงความเสียหายของบ้านพิพิธภัณฑ์หลังจากถูกน้ำเข้าท่วมว่า
“ช่วงน้ำท่วม ก็เริ่มท่วมตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ท่วมเข้าไปข้างในจากพื้นบ้านพิพิธภัณฑ์สูงประมาณเอว ประมาณเกือบหนึ่งเมตร แต่ถ้าเป็นถนนด้านหน้าบ้านประมาณเมตรครึ่ง เราเก็บของล่วงหน้าหนึ่งอาทิตย์ บางอย่างก็ยกขึ้นชั้นสอง บางอย่างก็ยกขึ้นสูงจากพื้นในบ้านประมาณสูงกว่าหัวเข่า แต่มันขึ้นมาถึงเอวมันก็ไม่ไหว ท่วมไปทุกห้อง”
“ความเสียหายก็มีทั้งตู้ใส่ของ ถ้าหากประกอบด้วยไม้อัด มันก็บวม ถ้าหากเป็นเหล็กก็ขึ้นสนิม ถ้าเป็นข้าวของ กระดาษก็เปื่อยเน่า ถ้าเป็นปูนปลาสเตอร์พวกนั้นก็จะเป็นคราบ สรุปว่าถ้าใต้เอวลงไปก็เต็มไปด้วยความสกปรก มีขี้เกลือขึ้น มีคราบ มีเชื้อรา”
เรื่องการช่วยเหลือในช่วงน้ำท่วม เอนกกล่าวว่า “ช่วงน้ำท่วมก็ไม่ได้มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแล เพราะทุกคนก็ต้องดูแลตัวเองกัน หรือไม่ก็ปล่อยบ้านทิ้งไปเลย มันเข้าไม่ได้หรอกครับ ต้องเรืออย่างเดียว น้ำสูงเป็นเมตรครึ่งขนาดนั้น แล้วปัญหาคือเรือก็ไปมาไม่สะดวก เพราะว่ามันติดสะพาน ติดรั้วกั้นระหว่างถนน เครื่องเรือดับอะไรอย่างนี้เป็นต้น เราก็เข้ามาไม่ถึง”
สำหรับภายหลังจากน้ำลดแล้ว ก็ได้มีการทำความสะอาดเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม โดยมีคณะทำงานบ้านพิพิธภัณฑ์ และคณะจิตอาสาต่างๆ เข้ามาให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา ประชาชน หรือองค์กรเอกชนอื่นๆ
“การทำความสะอาดทั้งข้าวของและผนังอะไรนี่ก็ยังทำไม่หมดเลยครับ น้ำท่วมพื้นต้องรื้อไม้ออกหมด ยกตู้ออกไปซ่อม ตรวจดูของที่โดนน้ำท่วม แพ็คของ อันไหนสุดที่จะทนได้ก็ใส่ถุงดำทิ้งไป ทั้งของที่เราพิมพ์ขายเช่นโปสการ์ด เสื้อยืด ทิ้งไปไม่รู้เท่าไหร่ เพิ่งพิมพ์มาหยกๆ ก็มี นี่เป็นจำพวกเช็ดล้างทำความสะอาด ต่อไปก็จ้างคนมารื้อพื้นเพราะมันเป็นพื้นไม้กระดานอัดบนไม้หน้าสาม จนทุกวันนี้ก็ยังมีน้ำขังเปียกแฉะ เวลาเดินก็จะมีเสียงน้ำตลอดเวลา มันก็จะส่งกลิ่น ส่งเชื้อรา ส่งความอับชื้น”
ด้านการบูรณะซ่อมแซมบ้านพิพิธภัณฑ์ เอนกเล่าว่า ต้องมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีการปรับโฉมให้มีพื้นที่กว้างต่อเนื่องมากขึ้น มีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นมากขึ้น ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะใช้เงินทุนอีกเท่าไหร่ โดยขณะนี้ยังรอการออกแบบใหม่จากผู้ที่เข้ามาให้คำปรึกษา และระหว่างนี้ก็ทำความสะอาดทั้งตัวบ้านพิพิธภัณฑ์ และสิ่งของต่างๆ
ขณะเดียวกัน ก็มีโครงการจะขยับขยายบ้านพิพิธภัณฑ์ไปยังพื้นที่ ต.งิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เนื่องจากบ้านพิพิธภัณฑ์ ที่พุทธมณฑล สาย 2 นั้นมีพื้นที่คับแคบ ยังมีสิ่งของที่คนบริจาคเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่มีพื้นที่จัดแสดงสิ่งของอย่างเพียงพอ และสำหรับโครงการบ้านพิพิธภัณฑ์ที่ ต.งิ้วรายนั้น อ.ธีรพล นิยม จากสถาบันอาศรมศิลป์ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบรัฐสภาแห่งใหม่ ได้เข้ามาช่วยออกแบบบ้านพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ให้แล้วเสร็จแล้ว ซึ่งเตรียมจะมีการประชาสัมพันธ์เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา แต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเสียก่อน
“คือมันจะต้องขยายพื้นที่ครับ ไม่งั้นก็จะแออัดอยู่อย่างนี้ แล้วเวลาเขาจะมาบริจาคของ ที่เก็บมันก็น้อย ที่จริงแล้วใครก็ทำได้ถ้ามีเงินแล้วไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ถ้าไม่อยากทำก็บริจาคช่วยกัน เพราะอันนี้ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ของผมคนเดียว เป็นของส่วนรวมในนามสมาคมกิจวัฒนธรรม และเป็นประโยชน์ของสาธารณะด้วย”
บ้านพิพิธภัณฑ์ในขณะนี้ ถือได้ว่ายังปิดทำการอยู่ และอยู่ในระหว่างทำการฟื้นฟูเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติ โดยคาดว่า จะเปิดทำการได้อีกครั้งประมาณกลางปี 2555 และสำหรับผู้ที่ต้องการอนุเคราะห์ช่วยเหลือ และฟื้นฟูบ้านพิพิธภัณฑ์ สามารถติดต่อได้ที่ อ.วรรณา นาวิกมูล โทร. 08-9666-2008