xs
xsm
sm
md
lg

"รักจันท์" อันซีนโบสถ์คริสต์สุดวิจิตรอลังการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บริเวณด้านหน้าของอาสนวิหาร
เมื่อเร็วๆนี้ โบสถ์คริสต์อันซีนไทยแลนด์อันงดงามแห่งเมืองจันทบุรี หรือ "อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล" เพิ่งจะมีอายุครบรอบ 100 ปี และเพิ่งได้รับการบูรณะเสร็จใหม่สดๆร้อนๆ ว่ากันว่างดงามติดตาตรึงใจมิใช่น้อย "ตะลอนเที่ยว" ได้ยินชื่อเสียงของโบสถ์แห่งนี้มานาน วันนี้ได้มาเยือนเมืองจันท์จึงไม่พลาดที่จะต้องมาเยือนให้ได้

แล้วก็ไม่ผิดหวัง เมื่อวันนี้ได้มายืนอยู่ที่หน้าอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองจันทบุรี ได้มาชมความงดงามและทราบถึงประวัติศาสตร์ของวัดแห่งนี้ ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อราว 300 ปีก่อน เมื่อชาวคาทอลิกที่ลี้ภัยมาจากเวียดนามทางเรือ ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองจันท์ และได้ร่วมมือกับทัพพระเจ้าตากสินในการกู้ชาติกู้แผ่นดินเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่สอง ชาวญวนที่นับถือศาสนาคริสต์นี้ได้สร้างชุมชนของตนขึ้น โดยได้สร้างอาสนวิหารหลังแรกขึ้นเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาเมื่อปี พ.ศ.2253 ใช้ชื่อว่า "วัดน้อย" ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี
ด้านในอาสนวิหารอันวิจิตรงดงาม
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน อาสนวิหารก็มีการเปลี่ยนแปลง โดยได้มีการซ่อมแซมและสร้างใหม่ขึ้นอีกหลายครั้ง รวมทั้งได้ย้ายมาอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรี จนเมื่อปี พ.ศ.2452 ชุมชนชาวคริสต์ก็ได้สร้างอาสนวิหารหลังใหม่ขึ้นและได้มีพิธีเฉลิมฉลองอย่างมโหฬาร

อาสนวิหารที่สร้างในครั้งนั้นมีลักษณะสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิค เชื่อว่าจำลองแบบมาจากวิหารนอร์ตเตอร์ดามแห่งฝรั่งเศส ทางตอนหน้าของอาสนวิหารฯ เป็นหอคอยสูงคู่กัน ติดตั้งระฆังขนาดใหญ่และนาฬิกาบอกเวลา เมื่อแรกสร้างมียอดโดมแหลม แต่ได้ถูกรื้อออกเมื่อปี พ.ศ. 2483 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศ

เมื่อปีที่ผ่านมา อาสนวิหารพระนางมารีฯ ก็เพิ่งมีอายุครบ 100 ปี ส่วนชุมชนชาวคริสต์นี้ก็จะมีอายุครบ 300 ปีในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ดังนั้นในการนี้ชาวคาทอลิกเมืองจันท์ก็ได้พร้อมใจกันบูรณะอาสนวิหารใหม่ให้สวยงามขรึมขลังไม่ต่างจากเดิม อีกทั้งยังได้นำยอดโดมแหลมที่ถูกรื้อออกกลับมาติดตั้งใหม่อีกด้วย
รูปปั้นพระนางมารีอาที่ทางโบสถ์จัดสร้างขึ้นใหม่
นอกจากนั้นแล้ว ในโอกาสพิเศษนี้คริสตชนแห่งอาสนวิหารฯ ยังได้จัดสร้างองค์พระแม่ประดับพลอยกว่า 200,000 เม็ด ขึ้นด้วย โดยองค์แม่พระและฐานหล่อขึ้นด้วยเงินบริสุทธิ์ ประดับองค์ด้วยทองคำและพลอยชนิดต่างๆ เช่น พลอยสีขาว บลูแซฟไฟร์ และมรกต องค์พระแม่ยืนเหยียบอยู่บนตัวงู อันเป็นตัวแทนของซาตานและความชั่วร้าย ส่วนดวงตาของงูนั้นก็แดงก่ำด้วยเม็ดทับทิมที่ประดับไว้

มาจนถึงวันนี้ ทั้งอาสนวิหารฯและรูปหล่อองค์พระแม่ก็ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว "ตะลอนเที่ยว" ได้มีโอกาสไปชื่นชมความงาม และพบว่าไม่ผิดจากความจริงเลยที่กล่าวว่าโบสถ์แห่งนี้มีความเก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย ภายในอาสนวิหารฯ มีการซ่อมแซมขึ้นใหม่ แต่ก็ยังคงของเก่าเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างของตัวโบสถ์ กระจกสี ที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นรูปภาพนักบุญต่างๆ ในคริสต์ศาสนา รูปปั้นต่างๆ และกระเบื้องที่ปูพื้นโบสถ์ก็คงเป็นกระเบื้องเก่าดั้งเดิมที่ส่งลงเรือมาจากประเทศฝรั่งเศส รวมถึงระฆังที่ดังเหง่งหง่างก็เป็นของเก่าด้วยเช่นกัน
แม่น้ำจันทบูรีที่อยู่ระหว่างอาสนวิหารฯ และชุมชนเก่า
ช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ ประมาณ 4-5 โมงน่าจะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดที่จะมาชมอาสนวิหารแห่งนี้ เพราะแสงแดดยามบ่ายจะสาดส่องเข้ามาที่ด้านหน้าโบสถ์ และส่องผ่านกระจกสีมายังแท่นบูชาไม้กางเขนภายในโบสถ์พอดิบพอดี เป็นภาพที่งดงามประทับใจเป็นอย่างยิ่ง สมกับตำแหน่งหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์จริงๆ

ชมโบสถ์กันจนเต็มอิ่มแล้วอย่าพลาดอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยว มองมาทางด้านหน้าโบสถ์จะเห็นแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่าน นั่นคือ "แม่น้ำจันทบุรี" อันเป็นแม่น้ำสายหลักหล่อเลี้ยงชีวิตของคนเมืองจันท์ หากลองเดินข้ามสะพานนิรมลมายังอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำด้านตรงข้ามกับโบสถ์ ก็จะได้พบกับชุมชนเก่าแก่ เรียกกันว่า "ชุมชนริมน้ำจันทบูร" โดยชุมชนแห่งนี้มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงย้ายเมืองจันทบูรจากบ้านหัววังมายังบ้านลุ่ม และชุมชนริมน้ำแห่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของบ้านลุ่ม มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณฝั่งแม่น้ำจันทบุรีตั้งแต่ท่าสิงห์ ท่าหลวง(ตลาดเหนือ) ตลาดกลาง และตลาดใต้ โดยมีถนนสุขาภิบาล ซึ่งเป็นถนนสายแรกของเมืองจันทบุรีและแม่น้ำจันทบุรีเป็นทางสัญจรหลัก
ตึกเก่าที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณา
ในย่านนี้ถือเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของคนหลายเชื้อชาติมาอยู่ด้วยกัน ทั้งไทย จีน และญวน จึงเกิดเป็นชุมชนที่มี 3 วัฒนธรรมผสมผสานกันอยู่ทั่วไป ซึ่งในอดีตจะเห็นได้ชัด เช่นเรื่องของการแต่งกาย การแสดงงิ้วเป็นภาษาไทย ภาษาพูด แต่ในตอนนี้ก็ผสมกลมกลืนกันจนไม่เห็นความแตกต่างแล้ว จะคงอยู่ก็เพียงศาสนสถานของแต่ละเชื้อชาติเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าของชาวจีนอย่างศาลเจ้าตั้วเล่าเอี้ย ศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้าที่ตลาดล่าง ชาวญวนที่นับถือคริสต์ก็มีอาสนวิหารแม่พระปฏิสนธินิรมล ส่วนชาวญวนที่นับถือพุทธก็ได้สร้างวัดฮกซั่งยี่ หรือวัดญวน หรือวัดเขตร์นาบุญญาราม (นามที่ ร.3 พระราชทาน) วัดสงฆ์อนัมนิกายขึ้น และชาวไทย ก็มีวัดโบสถ์และวัดจันทนารามขึ้นเพื่อเป็นจุดศุนย์รวมในชุมชนแห่งนี้

และในช่วงรัชกาลที่ 5 เมืองจันท์ก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ช่วงที่ฝรั่งเศสยึดเมืองจันทบูรเป็นตัวประกันถึง 11 ปี ส่งผลให้งานสถาปัตยกรรมในชุมชนริมน้ำรับเอาอิทธิพลของตะวันตกเข้าไปด้วย เกิดเป็นย่านที่มีประวัติวัฒนธรรมที่หลากหลาย และมีงานสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานที่ควรค่าแก่การเดินชมเป็นอย่างยิ่ง
ร้านขายยาเก่าแก่ในชุมชนริมน้ำ
"ตะลอนเที่ยว" เริ่มใช้สองเท้าก้าวเดิน สองมือจับกล้องไว้ให้มั่นเตรียมพร้อมที่จะถ่ายภาพมุมสวยๆ เก็บเป็นที่ระลึกเพราะบนถนนสุขาภิบาลนี้มีมุมสวยๆ งามๆ ให้เก็บภาพไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้ทรงหลังคาปั้นหยา เรือนไม้สองชั้น เรือนขนมปังขิง ตึกฝรั่งแบบปีนังและสิงคโปร์ หรือตึกแบบยุโรป ที่ล้วนแล้วแต่มีความเก่าแก่คลาสสิคแตกต่างกันไป จนถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง และถ่ายโฆษณาก็หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโหมโรง ตั๊ดสู้ฟุด หรือโฆษณารังนก ดูดู๊ดู ดูเธอทำ อีกด้วย

บ้านแต่ละหลังนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นบ้านเก่าอายุกว่า 100 ปีขึ้นไป บ้านไหนมีประวัติน่าสนใจ หรือเป็นบ้านเก่าแก่เขาก็จะมีป้ายข้อมูลติดไว้ให้อ่านกันที่หน้าบ้าน ทำให้เราได้รู้ที่มาและนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ กันออกได้ เช่นที่บ้านของขุนบุรพาภิผล (ร้านขนมไข่ป้าไต๊) ตึกทรงยุโรปเก่าแก่กว่า 100 ปี แต่เดิมเป็นโรงพิมพ์ ต่อมาขุนบุรพาภิผลได้ซื้อบ้านหลังนี้เป็นที่อยู่อาศัย ปัจจุบันรุ่นลูกหลานได้ประกอบอาชีพขายขนมไข่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมืองจันท์

เดินต่อมาอีกหน่อยจะเจอ บ้านโภคบาล ที่เป็นบ้านไม้ตะเคียนทั้งหลัง ที่แต่เดิมเคยประกอบอาชีพค้าขายผ้าและเครื่องนุ่งห่มจากกรุงเทพฯ และนำเครื่องสมุนไพรจากจันทบุรีไปขายที่กรุงเทพฯ ด้วย บ้านหลังนี้มีความน่าสนใจตรงที่ได้เก็บเอกสารเก่าแก่สมัยที่ฝรั่งเศสยึดเมืองจันท์ไว้ โดยร้านขายผ้าจะต้องอยู่ในอาณัติของฝรั่งเศส จึงมีเอกสารรับรองว่า เจ้าของร้าน หรือคุณย่าทวดถิน โภคบาล เป็นคนในบังคับของฝรั่งเศส ซึ่งเอกสารหายากฉบับนี้ก็ยังคงเก็บไว้ในบ้านหลังนี้ให้ลูกหลานได้ชมกัน
บ้านไอศกรีมจรวด
บ้านหลวงราชไมตรี ก็มีที่มาน่าสนใจ โดยท่านหลวงราชไมตรีนั้น ถือเป็น "บิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออก" เพราะท่านเป็นคน นำเอาพันธุ์ยางจากมาเลเซียมาทดลองปลูกที่ตำบลพลิ้ว และปรับปรุงพันธุ์ขยายพันธุ์จนสามารถส่งออกไปขายยังประเทศอังกฤษได้ บ้านของท่านที่ถนนสุขาภิบาลนี้มีสองฝั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน คือฝั่งริมแม่น้ำจันทบุรี เป็นตึกไม้สักทองทั้งหลัง ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึกแบบฝรั่ง

เดินเริ่มจะเหนื่อย แวะพักกินไอติมให้เย็นฉ่ำชื่นใจกันก่อนดีกว่า ที่บ้านไอศกรีมจรวด ที่ถือเป็นโรงงานผลิตไอศกรีมด้วยเครื่องจักรเป็นแห่งแรกของจันทบุรี มีทั้งไอศกรีมแท่ง ไอศกรีมตัด ไอศกรีมกะทิสด ราคาแท่งละหนึ่งสลึงเท่านั้น (ในสมัยนั้น)

ไม่เพียงบ้านเก่าแก่เท่านั้นที่น่าสนใจ แต่มีตึกหลายๆ แห่งที่เปิดเป็นร้านอาหารน่านั่ง ร้านเหล้าบรรยากาศดี ร้านขายของที่ระลึกจำพวกโปสการ์ด หรือแม้กระทั่งร้านอินเตอร์เน็ตก็มีให้ใช้บริการ และก็น่าชื่นชมที่แต่ละร้านไม่พยายามทำร้านให้โดดเด่นหรือแหวกแนวจนเกินไป แต่จะเน้นความกลมกลืนไปกับบรรยากาศเก่าๆ มากกว่า
อาคารไม้เก่าแก่ยังคงมีให้เห็น
นอกจากนี้แล้วทางชุมชนจันทบูรเขาก็มีโครงการจะจัดทำพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตขึ้น โดยการสร้างศูนย์ความรู้ภายในชุมชน และร่วมกันฟื้นฟูและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมความเป็นย่านการค้าที่มีชีวิต ซึ่งหากโครงการนี้สำเร็จลง รับรองว่า เสน่ห์ของชุมชนจันทบูรนี้ก็จะยิ่งสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบวัฒนธรรมมาเยี่ยมเยียนกัน

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

"อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล" ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ ต.จันทนิมิตร อ.เมือง จ.จันทบุรี จากตัวเมืองเดินทางข้ามสะพานวัดจันท์ไปตามถนนจันทนิมิตรจะพบทางแยกขวาไปอาสนวิหาร ส่วนชุมชนริมน้ำจันทบูรเพียงเดินข้ามสะพานนิรมลด้านหน้าอาสนวิหารฯ ไปก็จะเจอ สอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรีได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานระยอง (พื้นที่รับผิดชอบ จันทบุรี, ระยอง) โทร.0-3865-5420 ถึง1, 0-3866-4585

กำลังโหลดความคิดเห็น