xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวสุราษฎร์ ไหว้พระธาตุไชยา-เข้าสวนโมกข์ ท่องโลกธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระธาตุไชยา งานศิลปกรรมศรีวิชัยอันสมบูรณ์หมดจดหนึ่งเดียวในไทย
"พระบรมธาตุคู่เมือง รุ่งเรืองพุทธศาสน์ พุทธทาสปราชญ์โลก สวนโมกขพลาราม ลือนามศรีวิชัย ผ้าไหมพุมเรียง ทะเลเคียงหาดทราย แหล่งซื้อขายไข่เค็ม"

นั่นคือคำขวัญประจำ"เมืองไชยา" อำเภอสำคัญแห่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งทริปนี้ "ตะลอนเที่ยว" ถือฤกษ์งามยามดีในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ล่องใต้เดินทางไปยังอำเภอไชยา ดินแดนเก่าแก่ที่นอกจากจะมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้วยังมีความสำคัญทางพุทธศาสนาอีกด้วย
พระพุทธรูปหินทราย 3 พี่น้อง
และเพื่อเป็นการเข้าใจในไชยา เราขอพูดถึงความสำคัญของดินแดนแห่งนี้เพื่อเรียกน้ำย่อยความจำในวิชาประวัติศาสตร์กันเสียหน่อย

"ไชยา" ชื่อนี้ ตามทัศนะของนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าหมายถึง "ชัยชนะ" น่าจะมาจาก "ศรีวิชัย" หรือ "ศรีวิชยะ" ก่อนจะกร่อนเสียงเป็น"ไชยา"ดังปัจจุบัน ด้านชาวบ้านเชื่อว่า "ไชยา" น่าจะมาจาก "ไทรหยา" หรือ "ไซหยา" อันหมายถึงต้นไทร(ไทร-ไซ)ที่ใช้กินเป็นยา(หยา) ซึ่งมีมากในภูเขากั้นเขตแดนระหว่าง อ.ไชยา กับ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง

ในอดีตไปเมื่อพันกว่าปีที่แล้ว สมัยอาณาจักรศรีวิชัย(ราวพุทธศตวรรษที่ 11-18 )เรืองอำนาจในดินแดนสุวรรณภูมิ ไชยาถือเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรนี้

นักวิชาการสายหนึ่งเชื่อว่าเมืองไชยาคือศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัย(ส่วนอีกสายหนึ่งเชื่อว่าเมืองปาเล็มบัง(สุมาตรา-อินโดนีเซีย)คือศูนย์กลางของอาณาจักรนี้) เพราะมีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์จำนวนมากในเมืองนี้
 ลานหินโค้ง
ปัจจุบัน อ.ไชยาหลงเหลือร่องรอยความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรศรีวิชัยให้ชมกันอยู่ในบางพื้นที่ โดยจุดที่สำคัญที่สุดก็เห็นจะเป็นที่ "วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรมหาวิหาร" หรือ "วัดพระธาตุไชยา" อันเป็นที่ประดิษฐาน"พระบรมธาตุไชยา"สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสุราษฎร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ของวัดทรงคุณค่าแห่งไชยาที่เราไปเยือนในทริปนี้

ยลศิลปะศรีวิชัย ไหว้พระธาตุไชยา

พระบรมธาตุไชยาหรือพระธาตุไชยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13 ตามคติมหายาน มีความสูง 24 เมตร เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขซ้อนชั้นลดหลั่นกันไป องค์พระธาตุมีสถูปขนาดเล็กอยู่ตามมุมสี่เหลี่ยมรวมทั้งหมด 24 องค์ ตรงกลางมีมุขหน้าบัน ลวดลายปูนปั้นสีทองรูปร่างต่างๆประดับประดา อาทิ เทพพนม ช้างเอราวัณ นกยูง สิงห์ เหรา ฯลฯ ซึ่งยามต้องแสงอ่อนยามเช้า-เย็น จะมลังเมลืองเหลืองอร่ามงดงามยิ่งนัก
 รูปเคารพท่านพุทธทาสในสวนโมกข์
ภายในพระธาตุไชยาบรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าแต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นส่วนใดพระธาตุองค์นี้ถือเป็นงานศิลปกรรมศรีวิชัยต้นแบบที่สวยงาม สมบูรณ์แบบ หมดจด และสุดยอดทอดตาทั่วแผ่นดินไทยคงไม่มีที่ใดเกิน ไม่เพียงเท่านั้นในความงดงามสมส่วน องค์พระธาตุยังมีปริศนาธรรมแฝงซ่อนอยู่กับรหัส 481 อีกด้วย

4 คือ เจดีย์ 4 องค์ 4 มุม 4 ฐาน เปรียบดัง"อริยสัจ 4" 8 คือ เจดีย์บริวารชั้นละ 8 องค์ เปรียบดัง "มรรค 8 ผล 8" ส่วน 1 คือ ยอด 1 เดียวของพระบรมธาตุที่เปรียบดัง "นิพพาน" การหลุดพ้น

ส่วนฐานพระธาตุถือว่าแปลกไม่เบา เพราะมุมหนึ่งมีบ่อน้ำเล็กๆส่องสะท้อนเงาองค์พระธาตุอย่างสวยงาม ซึ่งตามข้อมูลของวัดได้กล่าวถึงบ่อน้ำแห่งนี้ว่า สมัยก่อนองค์พระธาตุเกิดการทับถมพื้นดินมากกว่า 1 เมตร ชาวบ้านที่นี่จึงช่วยกันขุดคูน้ำล้อมรอบเพื่อไม่ให้แผ่นดินทับถมฐานของพระธาตุ ปัจจุบันจึงเหลือไว้ให้ดู 1 จุดด้วยกัน

ในขณะที่ตำนานของชาวบ้านเชื่อว่านี่คือ"ปาฏิหาริย์แห่งพระธาตุ" เพราะสมัยก่อนมีปีหนึ่ง เมืองไชยาประสบภัยแล้งหนักไม่มีน้ำท่าดื่มกิน แต่แล้วกลับมีเหตุเหลือเชื่อขึ้นเมื่อจู่ๆเกิดมีตาน้ำผุดขึ้นมาทั่วมุมฐานพระธาตุ จนชาวบ้านสามารถนำไปแก้ปัญหาภัยแล้งได้ ต่อมาได้มีการปิดตาน้ำลง 3 ตา เพราะเกรงว่าพระธาตุจะทรุดตัวหลงเหลือไว้ให้ดูเป็นอนุสรณ์ 1 ตาน้ำ แต่ชาวบ้านส่วนหนึ่งยังเชื่อว่านี่คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ ซึ่งปัจจุบันน้ำในนี้จะนำไปใช้ในพิธีสำคัญๆต่างๆ
พระพุทธรูป 1 ใน 180 องค์ ที่ระเบียงคด
นอกจากองค์พระธาตุไชยาแล้ว ในเขตพระธาตุที่ระเบียงคดยังมีพระพุทธรูปแกะสลักหินทรายสีแดงประดิษฐานอยู่ถึง 180 องค์ แต่ละองค์ล้วนต่างมีสรีระอ่อนช้อยพระพักตร์อ่อนโยนเปี่ยมเมตตา ดูแล้วให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก

ในขณะที่ลานด้านนอกข้างๆโบสถ์ก็มีพระพุทธรูปหินทราย 3 พี่น้องประดิษฐานอยู่ด้วยสรีระสมส่วนขรึมขลังเปี่ยมศรัทธา อีกทั้งยังมีต้นโพธิ์โบราณแผ่สยายกิ่งก้านให้ความร่มเย็น ฝั่งตรงกันข้ามของต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ตั้งของ "พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา"(เปิดวันพุธ-อาทิตย์) ที่มีศิลปวัตถุน่าสนใจให้ชมกันไม่น้อยเลย

ในวันนั้นก่อนจากลาวัดพระธาตุไชยา "ตะลอนเที่ยว" มีโอกาสได้พูดคุยกับพระรูปหนึ่งในวัด ทราบว่า วัดพระธาตุไชยานั้น"ท่านพุทธทาสภิกขุ" เคยมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเข้าทางอารมณ์ของเราพอดี เพราะวัดที่จะไปเยือนต่อไปนั้น คือ"สวนโมกข์"หนึ่งในแดนธรรมสำคัญของเมืองไทย

เข้าสวนโมกข์ ท่องโลกพุทธธรรม

"สวนโมกข์" หรือชื่อเต็ม "สวนโมกขพลาราม" แดนธรรมแห่งนี้ก่อตั้งโดยท่านพุทธทาสภิกขุในปี พ.ศ. 2475 เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและจรรโลงพระพุทธศาสนา
สุดท้ายคือความว่าง(วงกลม)สีขาวที่โรงหนัง
สวนโมกข์ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า"วัดธารน้ำไหล" เพราะในอดีตมีธารน้ำใสเย็นไหลผ่าน แต่ปัจจุบันป่าต้นน้ำถูกทำลาย ลำธารเหือดแห้งหาย ดีแต่ว่าวันนี้ยังมีสวนโมกข์ ที่เป็นดังผืนป่ากลายๆอันร่มรื่นเขียวครึ้มตั้งตระหง่านเป็นดังโอเอซิสแห่งโลกยุคใหม่ในบริเวณนี้ ที่ให้ทั้งความร่มเย็นทางกายและความชุ่มชื่นทางใจแก่ฆราวาสที่สนใจใฝ่ธรรม

สวนโมกข์ เป็นวัดที่หยุดพัฒนาทางวัตถุ แต่หันไปพัฒนาทางจิตใจและการปฏิบัติธรรม เพื่อให้เป็นไปตามปณิธาน 3 ข้อของท่านอาจารย์พุทธทาส ที่ได้ดำเนินการมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยที่มีชีวิตอยู่ นั่นก็คือ 1.ให้ทุกคนพยายามเข้าถึงหัวใจแห่งศาสนาของตน 2.ทำความเข้าใจหลักสำคัญระหว่างศาสนา 3.เปลื้องตนออกจากวัตถุนิยม
 เงาพระธาตุไชยาในตาน้ำ
"ตะลอนเที่ยว"เพียงย่างก้าวเข้าสู่สวนโมกข์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้หลุดเข้ามาอยู่ ณ อีกดินแดนหนึ่ง เป็นดินแดนแห่งธรรมที่ห่างไกลจากความวุ่นวายใดๆ

จากประตูวัดเราเดินผ่านต้นไทรไปตามถนนสายธรรม ความร่มเย็นจากสภาพพื้นที่ได้แผ่พลังเข้ามาในจิตใจให้สงบเย็นมากขึ้น พร้อมๆกับสมาธิอันจดจ่อแน่วแน่ที่มากขึ้น(อย่างประหลาด)

จุดน่าสนใจแรกในสวนโมกข์เราเข้าไปยังอาคารพุทธทาส 100 ปี ที่มีเรื่องราวของท่านพุทธทาส ข้อมูลสวนโมกข์ หลักธรรมคำคม ปรากฏให้ขบคิดอยู่ทั่วไป

จากนั้นเราจึงใช้ข้อมูลที่ได้รับ เป็นเข็มทิศเคลื่อนไปสัมผัส รับรู้ ในจุดน่าสนใจเด่นๆของวัด เริ่มด้วย ลานหินโค้ง ลานอเนกประสงค์ของวัด ที่ใช้ทำวัตรเช้า-เย็น แสดงปาฐกถา อบรมพระ ประชุมสัมนาฆราวาส ทำบุญเลี้ยงพระ ฯลฯ มีลักษณะเป็นดินทรายเสริมก้อนหินเป็นแนวลานโค้งครึ่งวงกลมดูแปลกตาไม่น้อย
ปริศนาธรรมภาพเซนในโรงหนัง
ถัดจากลานหินโค้งไป เป็น "โรงมหรสพทางวิญญาณ" หรือ "โรงหนัง" อาคารสีขาว 2 ชั้น ภายในปราศจากซึ่งหนังฮอลลีวูด ไทย ฮ่องกง เกาหลี หากแต่มีภาพปริศนาธรรม คำคม ข้อคิด นำเสนออยู่ทั่วไปในโรงหนัง ทั้งที่ผนัง เสา ใต้บันได มีทั้งที่คิดขึ้นมาใหม่และนำมาจากของเก่า แบ่งเป็น กลุ่มภาพเซน กลุ่มภาพโลกและปรัชญา กลุ่มภาพสุภาษิต กลุ่มภาพเกี่ยวกับโทสะ โมหะ เป็นต้น ซึ่งท่านพุทธทาสเคยปรารภไว้ว่า "ดูให้ออกสักเรื่องก็คุ้มค่าที่มาที่นี่"

ปริศนาธรรมที่นี่ บางภาพเราดูแล้วสามารถตีความเข้าใจได้ง่ายๆอย่างภาพ ต้นไม้ที่อธิบายว่า ในโลกนี้มีพุทธศาสนาเพื่อเข่นฆ่าสิ่งเหล่านี้มิให้เหลือ อาทิ เข่นฆ่าความเมาตำรา เมาอาจารย์ ความหลอกลวง เมาโชคชะตาราศีเป็นต้น หรือภาพ “นางเบ็ด”ที่ดูอีโรติกนิดๆพร้อมคำอธิบายข้างหลังภาพที่สะท้อนความจริงในสังคมยุคนี้ให้เห็น ส่วนบางภาพแม้จะดูไม่รู้เรื่อง แต่ว่ากลับเป็นภาพที่มีคุณค่าทางศิลปะไม่น้อยเลย

ในขณะที่ภาพซึ่งถือเป็นศูนย์รวมเป็นที่สุดก็คือ ภาพวงกลมสีขาวที่ไม่มีอะไรเลย มีแต่"ความว่าง"เท่านั้น แต่ในความว่างนั่นแหละคือธรรมอันสูงส่งที่ท่านพุทธทาสเน้นอยู่เสมอ
ลวดลายปูนปั้นประดับองค์พระธาตุไชยา
ออกจากโรงหนังแบบอิ่ม(ปริศนา)ธรรม เราก็ไปต่อยัง "สระนาฬิเกร์" ที่มีสภาพเป็นสระกว้าง ตรงกลางมีเกาะปลูกมะพร้าวไว้ต้นหนึ่ง สร้างขึ้นเป็นปริศนาธรรม เปรียบมะพร้าวต้นเดียวแทนนิพพานท่ามกลางห้วงทุกข์ โดยท่านพุทธทาสได้แนวคิดนี้มาจากเพลงกล่อมเด็กของคนใต้

นอกเหนือจากจุดหลักๆที่กล่าวมาแล้ว สวนโมกข์ยังมีจุดสนใจและจุดศึกษาธรรมเด่นๆชวนให้ไปสัมผัส อาทิ สวนหินแบบเซน หอระฆัง ยอดเขาพุทธทองอันเป็นโบสถ์ธรรมชาติของสวนโมกข์ เป็นต้น ซึ่งแทบทุกจุดล้วนมีหลักธรรมและปริศนาธรรมแฝงซ่อนอยู่ เพียงแต่ว่าใครจะมองเห็นธรรมนั้นถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ธรรมมะที่ท่านอาจารย์พุทธทาสเฝ้าเพียรเผยแพร่เป็นเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษนั้น ถือว่าทรงคุณค่าอย่างยิ่งต่อมวลมนุษย์ชาติ
อาคารโรงหนัง
ฉะนั้นใครที่คิดจะไปวัดเพื่อขอเลขหวยรวยเบอร์ เครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล คงต้องไปหาที่วัดอื่น เพราะสวนโมกข์ไม่มีให้ มีแต่หลักธรรมคำสอนที่จะยกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น

เมื่อจิตใจมนุษย์สูงขึ้น โลกนี้ไยมิใช่น่าอยู่มากขึ้น

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เป็นอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 50 หมู่ที่ 3 ต.เวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี อยู่ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ประมาณ 54 กิโลเมตร ละแวกวัดพระธาตุไชยายังมีกลุ่มโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ประกอบด้วย วัดเวียง วัดหลง และวัดแก้ว

"สวนโมกขพลาราม"หรือ "วัดธารน้ำไหล" ตั้งอยู่บริเวณริมเขาพุทธทอง ริมทางหลวงหมายเลข 14 บริเวณหลักกม.ที่ 134 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ผู้สนใจเที่ยว อ.ไชยา และ จ.สุราษฎร์ฯ สามารถสอบถามการเดินทางและรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร. 0-7728- 8818-9

กำลังโหลดความคิดเห็น