โดย : ปิ่น บุตรี
10.39 น.(เวลาโดยประมาณ) วันที่ 27 พฤษภาคม 2552 หลินฮุ่ยได้ให้กำเนิดทายาทแพนด้าน้อย เพศเมีย ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ขึ้นมา ท่ามกลางความยินดีปรีดาของพ่อแม่พี่น้องชาวไทย นับเป็นข่าวดีท่ามกลางข่าวร้ายที่รุมเร้าประเทศ
สำหรับเจ้าแพนด้าน้อยนั้น มันไม่ใช่แพนด้าธรรมดาๆ หากแต่เป็นลูกแพนด้าที่เกิดจากการผสมเทียมซึ่งไทยปฏิบัติการสำเร็จเป็นประเทศที่ 3 ของโลก นอกจากนี้ยังเป็นลูกแพนด้าตัวแรกของโลกที่เกิดในปีนี้และเป็นลูกหมีแพนด้าตัวแรกที่เกิดในเดือนพฤษภาคมอีกด้วย
เจ้าแพนด้าน้อยตัวนี้ มีสุขภาพดี แข็งแรงสมบูรณ์ โตวันโตคืน และกำลังรอการตั้งชื่อจากการประกวดชื่อแพนด้าชิงรางวัล 1 ล้านบาทพร้อมรถยนต์
อนึ่งการถือกำเนิดของมันได้ก่อให้เกิดกระแส“แพนด้าฟีเวอร์” ตามมาแบบฮอตฮิตติดลมบน ห้ามไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ชนิดที่สื่อไทยกระแสหลักต่างก็เกาะติดทำข่าวกันทุกซอกทุกมุม(ไม่แพ้น้องเคอิโงะ) ไม่ว่าแพนด้าตัวแม่ ตัวพ่อ ตัวลูก จะทำอะไร สื่อบ้านเราไม่ยอมพลาดด้วยประการทั้งปวง จนน่าคิดว่าถ้าแพนด้าพูดได้ มันคงจะขอร้องวิงวอนสื่อไทยว่า ช่วยเพลาๆกันหน่อย ขอเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง
แพนด้าฮิต
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอยู่ในสภาวะถดถอยอันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจในประเทศ คนเสื้อแดงก่อความวุ่นวาย และไข้หวัด 2009
ดังนั้นการถือกำเนิดของแพนด้าน้อยจึงจุดกระแสการท่องเที่ยวเชียงใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่ง ททท.คาดว่า ข่าวดีของแพนด้าน้อยจะช่วยกระตุ้นให้การท่องเที่ยวเชียงใหม่กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง และเชื่อว่าภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 2552 จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% จากเดิมปี 2551 ที่ตลอดทั้งปีมีนักท่องเที่ยวจำนวน 5 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 38,000 ล้านบาท
ครับ งานนี้ดีไม่ดี เปอร์เซ็นต์นักท่องเที่ยวอาจจะพุ่งกระฉูดกว่านั้นอีก เพราะเพียงแค่แพนด้าน้อยเกิดมาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์คนก็เห่อและแห่ไปเที่ยวชมกันเพียบเลย นี่ถ้าแพนด้าน้อยโตขึ้นอีกหน่อย คืออยู่ในช่วงกำลังซุกซน เล่นกับพ่อแม่ได้ และสวนสัตว์เปิดให้ชมกันจะจะแบบถนัดถนี่ตา คงจะมีคนแห่ขึ้นขึ้นไปชมความน่ารักของเจ้าแพนด้าน้อยและแพนด้าใหญ่(หลิยฮุ่ย-ช่วงช่วง)กันอย่างถล่มทลายเป็นแน่แท้
อย่างไรก็ตามท่ามกลางข่าวสาร จำพวก แพนด้าน้อยอ้วนขึ้น แพนด้าน้อยโตไวเกินคาด แพนด้าน้อยมีจุดดำเห็นชัดขึ้น แพนด้าน้อยอายุครบ 3 สัปดาห์(นี่ถ้ายังฟีเวอร์ไปอีก 5 เดือนข้างหน้า คงมีข่าวประเภท แพนด้าน้อยอายุครบ 5 เดือนออกมา) คนแห่เที่ยวชมแพนด้ากันล้นหลาม ยอดไปรษณียบัตรประกวดตั้งชื่อแพนด้าน้อยพุ่ง ซึ่งสื่อไทยนำเสนอเป็นกระแสหลัก ก็ยังมีข่าวกระแสรองเกี่ยวกับแพนด้าให้รับรู้กัน อาทิ ไทยต้องจ่ายเงินจำนวน 1.5 แสนดอลลาร์ให้กับจีนตามสัญญาเรื่องแพนด้า แพนด้าน้อยจะอยู่ในความดูแลของไทยเพียง 2 ปีตามสัญญา รัฐบาลไทยพยายามเจรจาขอขยายเวลาให้แพนด้าน้อยอยู่ไทยนานขึ้น การพยายามตั้งศูนย์วิจัยแพนด้าในไทย เป็นต้น
รวมถึงข่าวที่ไม่เป็นข่าว อาทิ ...ความเอาใจใส่แพนด้าในระดับล้นเกินนี้เองเป็นสาเหตุให้สัตว์ต่างๆ ในสวนสัตว์เชียงใหม่และที่อื่นๆ น้อยอกน้อยใจ บรรดาสัตว์ดาวเด่นตามสวนสัตว์ที่เคยเป็นขวัญอกขวัญใจคุณหนูก็เลยถูกหลงถูกลืมไป...(จาก “Animal Fantasia เพราะเมืองไทยไม่ได้มีแค่หมีแพนด้า” : ผู้จัดการปริทรรศน์ฉบับวันที่ 9 มิ.ย.52 ) หรือข่าวกวน(Teen) ข่าวไม่จริงแต่แฝงแววประชดประชันแบบแสบสันต์จาก“ผู้จัดกวน” ที่พาดหัวว่า...“ด่วน! สวนสัตว์ทั่วประเทศวิกฤต สัตว์ผอมโซไม่ยอมกินอาหาร เหตุน้อยใจคนไทยเห่อแต่แพนด้า”... (ผู้จัดกวน 3 มิ.ย.52)
และจากข่าวที่ไม่เป็นข่าว ตอนหลังเริ่มกลายเป็นคำถามสวิงกลับใส่กระเห่อแพนด้าอันมากเกินไปของสังคมไทยกระแสหลักว่า แล้วกับสัตว์อื่นๆที่อยู่แบบไม่สุขสบายในบ้านเราล่ะ หลงลืมเขาไปแล้วหรือ โดยเฉพาะช้างสัตว์คู่บ้านคู่เมืองไทยที่อยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ในปัจจุบัน สังคมไทย(กระแสหลัก)ใส่ใจเขาขนาดไหน???
ช้างร่ำไห้
เรื่องช้างไทยกับแพนด้า ไปๆมาๆ มาเกี่ยวข้องกันได้ยังไงก็ไม่รู้??? รู้แต่ว่ากระแสเห่อแพนด้าทำให้ใครและใครหลายคน นำสัตว์ 2 ประเภทนี้มาเปรียบเทียบกันและพูดคุยต่อยอดออกไปอย่างแพร่หลาย ในท่วงทำนองสงสารและน้อยใจต่อช้างไทยที่ภาครัฐไม่เหลียวแล คนไทยกระแสหลักไม่สนใจ ยิ่งช่วงแพนด้าฟีเวอร์มีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับช้างไทยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บของพังกำไล ช้างป่าเขาชะเมาถูกไฟช็อตตาย ก็ยิ่งทำให้ช่องว่างในข้อเปรียบเทียบระหว่างช้างไทยกับหมีแพนด้าดูทิ้งช่วงห่างกันมากยิ่งขึ้นไปอีก
บางคนถึงขนาดเปรียบเทียบว่า“หมีแพนด้าอยู่อย่างราชา แต่ช้างไทยอยู่อย่างยาจก”กันเลยทีเดียว
ก็แหม...จากสภาพการณ์และทิศทางข่าวมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหนิ เพราะแค่พอแพนด้าน้อยเกิดมาก็เป็นข่าวเกรียวกราวกันแล้ว จากนั้นก็มีข่าวอย่างต่อเนื่องแทบทุกวัน มีการจัดงานรับขวัญแพนด้าน้อยในช่วงต้นเดือน ก.ค. นายกมาร์คก็พูดถึงแพนด้า มีการประกวดตั้งชื่อแพนด้า มีการทำโพลหมีแพนด้า บ้านของแพนด้าก็ทำเป็นโดมหิมะอย่างดีลงทุนไปร่วม 60 ล้าน มีการพยายามสร้างศูนย์วิจัยแพนด้าขึ้นบ้านเรา หรือที่เป็นข่าวขำๆก็อย่างเช่น การจะวิ่งแก้บนของ ผอ.องค์การสวนสัตว์ฯ หลังหลินให้ฮุ่ยกำเนิดลูก
หันมาดูช้างไทยบ้าง หาข่าวที่น่ายินดีได้ยากเต็มที มีแต่ข่าวช้างเร่ร่อน ช้างถูกทำร้าย ทำทารุณ ทรมาน ช้างติดยาบ้า ช้างถูกรถชน ช้างตกเขาเพราะเบลอและอ่อนล้าจากการทำงานหนัก ช้างถูกขโมยส่งขายต่างประเทศ ฯลฯ ขณะที่การถือกำเนิดของน้องเอไอ(ที่ลำปาง) ช้างไทยที่เกิดจากการผสมเทียมตัวที่ 2 ของโลก ตัวแรกของไทย ซึ่งถือกำเนิดก่อนแพนด้า มีอันดับโลกทางการผสมเทียมก็ดีกว่า แต่ว่ากลับได้รับความสนใจเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องให้ชวนคิดกรณี การทำศูนย์วิจัยแพนด้าในเมืองไทยนั้นมันเหมาะสมหรือไม่ เพราะบ้านเราไม่สามารถเลี้ยงแพนด้าตามธรรมชาติได้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวยแถมยังไม่มีแพนด้าเป็นของตัวเองซ้ากกะตัว แต่เรากลับคิดตั้งศูนย์วิจัยแพนด้า(หรือจะทำเพียงเพื่อให้แพนด้าน้อยได้อยู่กับเราเพียงเท่านั้น)เรื่องนี้ทำไมเราถึงไม่เอาเงินจำนวนนี้ไปพัฒนาการวิจัยช้างไทยสัตว์ที่เชิดหน้าชูตาของเมืองไทยกันเล่า
เหตุการณ์เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้อดน้อยใจแทนช้างไทยไม่ได้
หลายคนบอกว่าก็แพนด้ามันน่ารักหนิ เรื่องนี้ผมไม่เถียง เพราะผมก็ว่าแพนด้ามันเป็นหนึ่งสัตว์สุดน่ารักที่มีความน่ารักติดตัวตั้งแต่เด็กยันแก่(สัตว์หลายประเภทจะน่ารักแค่เฉพาะวัยเด็ก) และถ้ามีโอกาสผมก็จะขึ้นไปดูแพนด้าน้อยที่เชียงใหม่ แต่กระนั้นถ้าหากให้เลือกระหว่างน้องหมีแพนด้ากับน้องแพนเค้ก ยังไงผมก็เลือกอย่างหลังอยู่ดี
ส่วนช้างไทยนั้นก็ถือว่าเป็นสัตว์ที่น่ารักไปอีกแบบ(ยกเว้นตอนมันตกมัน) ที่สำคัญคือ ช้างถือเป็นสัตว์ที่มีคุณประโยชน์ใหญ่หลวงต่อสยามประเทศ เพราะเคยทั้งร่วมรบในอดีตเพื่อชาติบ้านเมือง ช่วยกันทำมาหากิน ชักลากไม้ ใช้ชีวิตผูกพันอยู่กับคนไทยมาช้านาน อีกทั้งยังเป็นสัตว์ประจำชาติ เป็นสัตว์ยอดฉลาดดังเห็นได้จากการแสดงความสามารถตามที่ต่างๆ ซึ่งใครที่เคยดูการแสดงช้างแล้วละก็จะพบว่าความสามารถ ความฉลาด และความน่ารักของช้างไทยนั้นไม่เป็นรองสัตว์ประเภทใดในโลกเลย
แต่อนิจจา...วันนี้เรากำลังหลงลืมเขา(ช้างไทย)ไปหรือเปล่า?? หรือว่าต้องให้เขาสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยก่อนเราจึงจะเห็นถึงคุณค่า ความสำคัญ และความน่ารักของเขา
10.39 น.(เวลาโดยประมาณ) วันที่ 27 พฤษภาคม 2552 หลินฮุ่ยได้ให้กำเนิดทายาทแพนด้าน้อย เพศเมีย ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ขึ้นมา ท่ามกลางความยินดีปรีดาของพ่อแม่พี่น้องชาวไทย นับเป็นข่าวดีท่ามกลางข่าวร้ายที่รุมเร้าประเทศ
สำหรับเจ้าแพนด้าน้อยนั้น มันไม่ใช่แพนด้าธรรมดาๆ หากแต่เป็นลูกแพนด้าที่เกิดจากการผสมเทียมซึ่งไทยปฏิบัติการสำเร็จเป็นประเทศที่ 3 ของโลก นอกจากนี้ยังเป็นลูกแพนด้าตัวแรกของโลกที่เกิดในปีนี้และเป็นลูกหมีแพนด้าตัวแรกที่เกิดในเดือนพฤษภาคมอีกด้วย
เจ้าแพนด้าน้อยตัวนี้ มีสุขภาพดี แข็งแรงสมบูรณ์ โตวันโตคืน และกำลังรอการตั้งชื่อจากการประกวดชื่อแพนด้าชิงรางวัล 1 ล้านบาทพร้อมรถยนต์
อนึ่งการถือกำเนิดของมันได้ก่อให้เกิดกระแส“แพนด้าฟีเวอร์” ตามมาแบบฮอตฮิตติดลมบน ห้ามไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ชนิดที่สื่อไทยกระแสหลักต่างก็เกาะติดทำข่าวกันทุกซอกทุกมุม(ไม่แพ้น้องเคอิโงะ) ไม่ว่าแพนด้าตัวแม่ ตัวพ่อ ตัวลูก จะทำอะไร สื่อบ้านเราไม่ยอมพลาดด้วยประการทั้งปวง จนน่าคิดว่าถ้าแพนด้าพูดได้ มันคงจะขอร้องวิงวอนสื่อไทยว่า ช่วยเพลาๆกันหน่อย ขอเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง
แพนด้าฮิต
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอยู่ในสภาวะถดถอยอันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจในประเทศ คนเสื้อแดงก่อความวุ่นวาย และไข้หวัด 2009
ดังนั้นการถือกำเนิดของแพนด้าน้อยจึงจุดกระแสการท่องเที่ยวเชียงใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่ง ททท.คาดว่า ข่าวดีของแพนด้าน้อยจะช่วยกระตุ้นให้การท่องเที่ยวเชียงใหม่กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง และเชื่อว่าภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 2552 จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% จากเดิมปี 2551 ที่ตลอดทั้งปีมีนักท่องเที่ยวจำนวน 5 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 38,000 ล้านบาท
ครับ งานนี้ดีไม่ดี เปอร์เซ็นต์นักท่องเที่ยวอาจจะพุ่งกระฉูดกว่านั้นอีก เพราะเพียงแค่แพนด้าน้อยเกิดมาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์คนก็เห่อและแห่ไปเที่ยวชมกันเพียบเลย นี่ถ้าแพนด้าน้อยโตขึ้นอีกหน่อย คืออยู่ในช่วงกำลังซุกซน เล่นกับพ่อแม่ได้ และสวนสัตว์เปิดให้ชมกันจะจะแบบถนัดถนี่ตา คงจะมีคนแห่ขึ้นขึ้นไปชมความน่ารักของเจ้าแพนด้าน้อยและแพนด้าใหญ่(หลิยฮุ่ย-ช่วงช่วง)กันอย่างถล่มทลายเป็นแน่แท้
อย่างไรก็ตามท่ามกลางข่าวสาร จำพวก แพนด้าน้อยอ้วนขึ้น แพนด้าน้อยโตไวเกินคาด แพนด้าน้อยมีจุดดำเห็นชัดขึ้น แพนด้าน้อยอายุครบ 3 สัปดาห์(นี่ถ้ายังฟีเวอร์ไปอีก 5 เดือนข้างหน้า คงมีข่าวประเภท แพนด้าน้อยอายุครบ 5 เดือนออกมา) คนแห่เที่ยวชมแพนด้ากันล้นหลาม ยอดไปรษณียบัตรประกวดตั้งชื่อแพนด้าน้อยพุ่ง ซึ่งสื่อไทยนำเสนอเป็นกระแสหลัก ก็ยังมีข่าวกระแสรองเกี่ยวกับแพนด้าให้รับรู้กัน อาทิ ไทยต้องจ่ายเงินจำนวน 1.5 แสนดอลลาร์ให้กับจีนตามสัญญาเรื่องแพนด้า แพนด้าน้อยจะอยู่ในความดูแลของไทยเพียง 2 ปีตามสัญญา รัฐบาลไทยพยายามเจรจาขอขยายเวลาให้แพนด้าน้อยอยู่ไทยนานขึ้น การพยายามตั้งศูนย์วิจัยแพนด้าในไทย เป็นต้น
รวมถึงข่าวที่ไม่เป็นข่าว อาทิ ...ความเอาใจใส่แพนด้าในระดับล้นเกินนี้เองเป็นสาเหตุให้สัตว์ต่างๆ ในสวนสัตว์เชียงใหม่และที่อื่นๆ น้อยอกน้อยใจ บรรดาสัตว์ดาวเด่นตามสวนสัตว์ที่เคยเป็นขวัญอกขวัญใจคุณหนูก็เลยถูกหลงถูกลืมไป...(จาก “Animal Fantasia เพราะเมืองไทยไม่ได้มีแค่หมีแพนด้า” : ผู้จัดการปริทรรศน์ฉบับวันที่ 9 มิ.ย.52 ) หรือข่าวกวน(Teen) ข่าวไม่จริงแต่แฝงแววประชดประชันแบบแสบสันต์จาก“ผู้จัดกวน” ที่พาดหัวว่า...“ด่วน! สวนสัตว์ทั่วประเทศวิกฤต สัตว์ผอมโซไม่ยอมกินอาหาร เหตุน้อยใจคนไทยเห่อแต่แพนด้า”... (ผู้จัดกวน 3 มิ.ย.52)
และจากข่าวที่ไม่เป็นข่าว ตอนหลังเริ่มกลายเป็นคำถามสวิงกลับใส่กระเห่อแพนด้าอันมากเกินไปของสังคมไทยกระแสหลักว่า แล้วกับสัตว์อื่นๆที่อยู่แบบไม่สุขสบายในบ้านเราล่ะ หลงลืมเขาไปแล้วหรือ โดยเฉพาะช้างสัตว์คู่บ้านคู่เมืองไทยที่อยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ในปัจจุบัน สังคมไทย(กระแสหลัก)ใส่ใจเขาขนาดไหน???
ช้างร่ำไห้
เรื่องช้างไทยกับแพนด้า ไปๆมาๆ มาเกี่ยวข้องกันได้ยังไงก็ไม่รู้??? รู้แต่ว่ากระแสเห่อแพนด้าทำให้ใครและใครหลายคน นำสัตว์ 2 ประเภทนี้มาเปรียบเทียบกันและพูดคุยต่อยอดออกไปอย่างแพร่หลาย ในท่วงทำนองสงสารและน้อยใจต่อช้างไทยที่ภาครัฐไม่เหลียวแล คนไทยกระแสหลักไม่สนใจ ยิ่งช่วงแพนด้าฟีเวอร์มีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับช้างไทยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บของพังกำไล ช้างป่าเขาชะเมาถูกไฟช็อตตาย ก็ยิ่งทำให้ช่องว่างในข้อเปรียบเทียบระหว่างช้างไทยกับหมีแพนด้าดูทิ้งช่วงห่างกันมากยิ่งขึ้นไปอีก
บางคนถึงขนาดเปรียบเทียบว่า“หมีแพนด้าอยู่อย่างราชา แต่ช้างไทยอยู่อย่างยาจก”กันเลยทีเดียว
ก็แหม...จากสภาพการณ์และทิศทางข่าวมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหนิ เพราะแค่พอแพนด้าน้อยเกิดมาก็เป็นข่าวเกรียวกราวกันแล้ว จากนั้นก็มีข่าวอย่างต่อเนื่องแทบทุกวัน มีการจัดงานรับขวัญแพนด้าน้อยในช่วงต้นเดือน ก.ค. นายกมาร์คก็พูดถึงแพนด้า มีการประกวดตั้งชื่อแพนด้า มีการทำโพลหมีแพนด้า บ้านของแพนด้าก็ทำเป็นโดมหิมะอย่างดีลงทุนไปร่วม 60 ล้าน มีการพยายามสร้างศูนย์วิจัยแพนด้าขึ้นบ้านเรา หรือที่เป็นข่าวขำๆก็อย่างเช่น การจะวิ่งแก้บนของ ผอ.องค์การสวนสัตว์ฯ หลังหลินให้ฮุ่ยกำเนิดลูก
หันมาดูช้างไทยบ้าง หาข่าวที่น่ายินดีได้ยากเต็มที มีแต่ข่าวช้างเร่ร่อน ช้างถูกทำร้าย ทำทารุณ ทรมาน ช้างติดยาบ้า ช้างถูกรถชน ช้างตกเขาเพราะเบลอและอ่อนล้าจากการทำงานหนัก ช้างถูกขโมยส่งขายต่างประเทศ ฯลฯ ขณะที่การถือกำเนิดของน้องเอไอ(ที่ลำปาง) ช้างไทยที่เกิดจากการผสมเทียมตัวที่ 2 ของโลก ตัวแรกของไทย ซึ่งถือกำเนิดก่อนแพนด้า มีอันดับโลกทางการผสมเทียมก็ดีกว่า แต่ว่ากลับได้รับความสนใจเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องให้ชวนคิดกรณี การทำศูนย์วิจัยแพนด้าในเมืองไทยนั้นมันเหมาะสมหรือไม่ เพราะบ้านเราไม่สามารถเลี้ยงแพนด้าตามธรรมชาติได้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวยแถมยังไม่มีแพนด้าเป็นของตัวเองซ้ากกะตัว แต่เรากลับคิดตั้งศูนย์วิจัยแพนด้า(หรือจะทำเพียงเพื่อให้แพนด้าน้อยได้อยู่กับเราเพียงเท่านั้น)เรื่องนี้ทำไมเราถึงไม่เอาเงินจำนวนนี้ไปพัฒนาการวิจัยช้างไทยสัตว์ที่เชิดหน้าชูตาของเมืองไทยกันเล่า
เหตุการณ์เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้อดน้อยใจแทนช้างไทยไม่ได้
หลายคนบอกว่าก็แพนด้ามันน่ารักหนิ เรื่องนี้ผมไม่เถียง เพราะผมก็ว่าแพนด้ามันเป็นหนึ่งสัตว์สุดน่ารักที่มีความน่ารักติดตัวตั้งแต่เด็กยันแก่(สัตว์หลายประเภทจะน่ารักแค่เฉพาะวัยเด็ก) และถ้ามีโอกาสผมก็จะขึ้นไปดูแพนด้าน้อยที่เชียงใหม่ แต่กระนั้นถ้าหากให้เลือกระหว่างน้องหมีแพนด้ากับน้องแพนเค้ก ยังไงผมก็เลือกอย่างหลังอยู่ดี
ส่วนช้างไทยนั้นก็ถือว่าเป็นสัตว์ที่น่ารักไปอีกแบบ(ยกเว้นตอนมันตกมัน) ที่สำคัญคือ ช้างถือเป็นสัตว์ที่มีคุณประโยชน์ใหญ่หลวงต่อสยามประเทศ เพราะเคยทั้งร่วมรบในอดีตเพื่อชาติบ้านเมือง ช่วยกันทำมาหากิน ชักลากไม้ ใช้ชีวิตผูกพันอยู่กับคนไทยมาช้านาน อีกทั้งยังเป็นสัตว์ประจำชาติ เป็นสัตว์ยอดฉลาดดังเห็นได้จากการแสดงความสามารถตามที่ต่างๆ ซึ่งใครที่เคยดูการแสดงช้างแล้วละก็จะพบว่าความสามารถ ความฉลาด และความน่ารักของช้างไทยนั้นไม่เป็นรองสัตว์ประเภทใดในโลกเลย
แต่อนิจจา...วันนี้เรากำลังหลงลืมเขา(ช้างไทย)ไปหรือเปล่า?? หรือว่าต้องให้เขาสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยก่อนเราจึงจะเห็นถึงคุณค่า ความสำคัญ และความน่ารักของเขา