“อินเดีย-เนปาล” ดินแดนแห่งพุทธภูมิ ที่เหล่าพุทธศาสนิกชนหลายท่านต่างมีความใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสเดินทางท่องเที่ยว เพื่อสัมผัสความแตกต่างของสังคมที่มีความหลากหลายในโลกกว้างใบนี้
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวทัวร์บุญยอดฮิตในอินเดีย-เนปาลสำหรับชาวไทยคงหนีไม่พ้น เส้นทางสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง พร้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเส้นทาง(ทริปนี้ใช้ระยะเวลาประมาณ 8 วัน) ซึ่งขอเริ่มต้นที่ “พุทธคยา” เมืองคยา ประเทศอินเดียเป็นแห่งแรก
พุทธคยา(สังเวชนียสถานแห่งที่ 2) เป็นสถานที่ตรัสรู้ มีสัญลักษณ์ที่สำคัญคือองค์เจดีย์สี่เหลี่ยมที่สูงใหญ่ โดยสูงถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 121.29 เมตร ล้อมรอบด้วยโบราณวัตถุ โบราณสถานสำคัญ เช่น ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ ปัจจุบันเป็นต้นที่ 4 พระแท่นวัชรอาสน์ ที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างถวายไว้ตรงสถานที่ที่เคยเกิดรัตนบัลลังก์เมื่อวันตรัสรู้ สัตตมหาสถาน ที่พระพุทธองค์เสวยวิมุติสุข 7 สัปดาห์หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเมตตา ประดิษฐานภายในพระมหาโพธิเจดีย์มาแต่โบราณ และอนิมิสสเจดีย์ เป็นต้น บริเวณโดยรอบยังมีโบราณสถาน โบราณวัตถุ มากมาย
เป้าหมายต่อมา คือ กรุงราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธในอดีตที่ล้อมรอบด้วยภูเขาจนได้รับนามว่า “เบญจคีรีนคร” ระหว่างทางก่อนถึงสามารถแวะชม คุกพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งถูกเจ้าชายอชาติศัตรู พระโอรสจับขังเพื่อแย่งราชสมบัติ ชมรอยเกวียน 2500 ปี ประทับร่องลึกในพื้นหิน แสดงความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าของกรุงราชคฤห์โบราณ ชมซากสถูปที่พระเจ้าพิมพิสารพบพระพุทธเจ้าครั้งแรก
จากนั้นเดินทางขึ้นสู่ “เขาคิชฌกูฏ” นมัสการพระคันธกุฏิพระพุทธองค์ บนยอดเขาชมกุฏิพระอานนท์ ถ้ำสุกรขาตาที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ ถ้ำพระโมคคัลลานะ และสถานที่ที่พระเทวทัตกลิ้งหินใส่พระพุทธองค์ วัดชีวกกัมพวัน ของพ่อหมอชีวกโกมารภัจ แพทย์ประจำพุทธองค์ และวัดเวฬุวนารามวัดแห่งแรกของโลกที่พระเจ้าพิมพิสารสร้างถวายพระพุทธเจ้า ตลอดจนเป็นสถานที่สำคัญที่พระสงฆ์ 1,250 รูป ที่ต่างล้วนเป็นเอหิภิกขุมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายในวัน “มาฆบูชา”
ภายในวัดมีสระกลันฑกะ ซึ่งพระเจ้าพิมพิสารทรงขุดไว้ ตโปธาร บ่อแร่น้ำร้อน ซึ่งมีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล เป็นต้นเหตุของการมีพุทธานุญาตให้ภิกษุสรงน้ำทุก 15 วัน ส่วนชาวฮินดูเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลผ่านขุมนรกชั้นโลหกุมภีร์จึงนิยมมาอาบน้ำแร่ โดยแบ่งตามระดับของชนชั้นวรรณะ
ต่อจากนั้นเดินทางไปยังเมืองนาลันทา ชม มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก ที่เคยรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่เมื่อพันปีมาแล้ว
จุดหมายต่อไปคือ เมืองปัตนะ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ชมวัดอโศการาม สถานที่ทำสังคายนาพระไตรปิฏกครั้งที่ 3 ที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างถวาย
เมืองต่อไป คือเมืองเวสาลี(ไวสาลี ไพสาลี) ที่เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นวัชชีในสมัยพุทธกาล ซึ่งพระพุทธองค์เคยมาโปรดให้ชาวเมืองรอดพ้นจากโรคห่า ที่มาของการสวดรัตนปริต นมัสการซากสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเหล่ากษัตริย์วัชชีได้รับแบ่งมาหลังถวายพระเพลิงพุทธสรีระ 1 ใน 8 ส่วน
นอกจากนี้ เมืองเวสาลียังมีสระน้ำกว้างใหญ่ที่ใช้ในพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ลิจฉวี และแนวกำแพงดิน วังโบราณที่เหลืออยู่ รวมถึงวัดกูฏาศาลาป่ามหาวัน ซึ่งเป็นสถูปทรงโอคว่ำและเสาหินของพระเจ้าอโศกมหาราชที่สมบูรณ์ที่สุดที่ยังปรากฏสิงโตหินบนยอดเสา ที่สำคัญวัดนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ประทานพุทธานุญาตบวชพระนางปชาบดีโคตมี เป็นพระภิกษุณีรูปแรกของโลก
เป้าหมายต่อไป คือ เมืองกุสินารา อดีตเมืองหลวงของแคว้นมัลละ เพื่อสักการะสาลวโนทยาน (สังเวชนียสถาน แห่งที่ 4) สถานที่ดับขันธปรินิพพาน ซึ่งมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงบาตรคว่ำสูงใหญ่ มีฉัตร 3 ชั้นตอนบนสุด เคยพังลงมาเมื่อปี 2506 ปัจจุบันได้รับการบูรณะแล้ว ด้านหน้าเป็นมหาปรินิพพานวิหาร ภายในมีพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ฝีมือช่างชาวมถุรา สร้างด้วยหินทรายแดง อายุกว่า 1,900 ปี ที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ บริเวณโดยรอบยังมีซากโบราณสถาน หมู่กุฏิสงฆ์สถูปเจดีย์ต่าง ๆ มากมาย แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในสมัยโบราณนับพันปี ก่อนพระพุทธศาสนาจะเสื่อมไปจากอินเดีย
จากนั้น นมัสการมกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า ซึ่งเหล่าบรรดามัลละกษัตริย์ ได้ถวายสถานที่นี้อันเคยใช้เป็นที่ประกอบพิธีสวมมงกุฏ รับตำแหน่งกษัตริย์แห่งแคว้นมัลละมาแต่โบราณ ปัจจุบันเป็นซากเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ สร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
จากกุสินาราเดินทางสู่เมืองปาวานนคร ชมหมู่บ้านปาวานนครเนินดินซากพระสถูปใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของบ้านนายจุนทะกมรบุตร ผู้ถวายสุกรมัทธวะภัตตาหารมื้อสุดท้าย และแม่น้ำกกุธารนที ที่พระพุทธองค์เสด็จผ่านก่อนถึงกุสินารา ปัจจุบันยังคงเป็นที่เผาศพชาวฮินดูเหมือนแม่น้ำคงคา
จุดหมายต่อไป คือ สวนลุมพินีวัน (สังเวชนียสถานแห่งที่ 1) แห่งเมืองลุมพินี ประเทศเนปาล สถานที่พระนางสิริมหามายาประสูติเจ้าชายสิทธิธัตถะกุมาร เมื่อวันศุกร์ เพ็ญเดือน 6 ปีจอ 80 ปีก่อนพุทธศักราช
สำหรับสิ่งน่าสนใจในสวนลุมพินีก็มี วิหารมหามายาเทวี ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ภายในพบภาพจำหลักศิลาพระนางสิริมหามายาทรงประสูติพระกุมาร และนมัสการรอยพระพุทธบาทน้อย ๆ ที่สันนิษฐานว่าพระเจ้าอโศกสร้างถวายเป็นพุทธบูชา สระโบกขรณี ที่พระนางมหามายาเคยทรงสนาน เสาพระเจ้าอโศก ที่มีข้อความจารึกว่า “ ณ ที่นี่ คือ สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า และพระเจ้าอโศกเสด็จมาบูชาในปีที่ 20 แห่งรัชกาลของพระองค์ ในพุทธศตวรรษที่ 3”
เป้าหมายสุดท้าย เมืองพาราณสี อินเดีย พบกับวิถีชีวิตของชาวเมืองพาราณสี ชมแม่น้ำคงคา แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู เพราะเชื่อว่าแม่น้ำคงคาไหลมาจากภูเขาไกรลาสบนสรวงสวรรค์ ริมฝั่งแม่น้ำ เป็นสถานที่ประกอบพิธีอาระทิบูชา หรือการอาบน้ำล้างบาป ตลอดจนการเผาศพ ณ ท่ามณีกรรณิการ์ ซึ่งไฟไม่เคยมอดดับมาตลอดระยะเวลา 4,000 ปี
ที่เมืองพาราณสี มีป่าอิสิปตนมฤคทายวัน (สังเวชนียสถานแห่งที่ 3) สถานที่แสดงปฐมเทศนา หรือสถานที่พระตถาคตเจ้าทรงยังพระอนุตรธัมจักให้เป็นไป ปัจจุบันเรียกสารนาถ ห่างจากเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร ซึ่งเมืองพาราณสีนี้อยู่ห่างจากเมืองพุทธคยา สถานที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 200 กิโลเมตร นมัสการ เจาคันธีสถูป สถานที่ที่พระพุทธองค์พบปัญจวัคคีย์ พิพิธภัณฑ์สารนาถ ซึ่งเก็บโบราณวัตถุล้ำค่า โดยเฉพาะหัวเสาของพระเจ้าอโศกมหาราช พระพุทธรูปปางแสดงปฐมเทศนาที่งดงาม มีอายุกว่า 1,500 ปี ธัมเมกขะสถูป สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ และเกิดพระรันตรัยขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก ธรรมราชิกสถูป ที่ซึ่งพระอัญญาโฏณฑัญญะบรรลุพระอรหันต์
สมาคมมหาโพธิ์ นมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญมาจากเมืองคันธาระ ประดิษฐานในมูลคันธกุฏิวิหาร ซึ่งจำลองแบบมาจากซากคันธกุฏิหลังเดิม คารวะรูปหล่อท่านอนาคาริกธรรมปาละ ผู้ต่อสู้เพื่อนำพระพุทธศาสนาคืนสู่พุทธภูมิ
โรงกษาปณ์ ซึ่งเดิมในสมัยที่อังกฤษปกครองอินเดีย เคยใช้เป็นตำหนักที่ประทับ ถวายการต้อนรับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อคราวเสด็จเยือนอินเดีย ปัจจุบัน ดัดแปลงเป็นสถานที่แสดงสินค้าหัตถกรรมของรัฐ และแหล่งช็อปปิ้งสินค้าของดีจากอินเดีย
สำหรับทริปท่องเที่ยวสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งนี้ นอกจากจะเป็นการเดินทางเพื่อท่องไปยังดินแดนอันสวยสดงดงามแล้ว ยังมีโอกาสศึกษาถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยผ่านสถานที่สำคัญ 4 แห่ง 4 ตำบลดังกล่าว ซึ่งควรค่ายิ่งที่พุทธศาสนิกชนจะหาโอกาสและเวลาเดินทางไปเยี่ยมชมครั้งหนึ่งในชีวิต