xs
xsm
sm
md
lg

“ถ้ำภูผาเพชร” เพชรใต้พิภพเมืองสตูล / ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
ปากทางเข้าถ้ำรูเล็กนิดเดียว
คำกล่าวที่ว่า“รวยแล้วไม่โกง” คงใช้ไม่ได้กับใครและใครบางคนในยุคนี้ พ.ศ.นี้

ส่วนคำกล่าวที่ว่า“อย่าดูคนที่ภายนอก”นั้น ยังคงใช้ได้ดีมาทุกยุคทุกสมัย บางคนบุคลิกหน้าตา การแต่งกาย ฐานะทางการเงิน ฐานะทางสังคม ภายนอกดูดี แต่จิตใจภายในและพฤติกรรมกลับเลวสิ้นดี(คนแบบนี้มีเยอะทั้งในหนัง ในละคร และในชีวิตจริง)

เมื่อคนไม่ควรดูที่ภายนอก ฉันใดก็ฉันเพล ที่การเที่ยวถ้ำไม่ควรดูที่ภายนอกเช่นกัน โดยเฉพาะกับถ้ำภูผาเพชร จ.สตูล ที่ผมไปยืนเหงื่อซึมหอบแฮ่กๆอยู่หน้าปากถ้ำ

ก็จะไม่ให้หอบไม่ให้เหนื่อยได้ยังไงเล่า ในเมื่อกว่าจะมาถึงปากถ้ำผมต้องเดินขึ้นเขาขึ้นบันไดชันราว 300 ขั้นขึ้นมา แถมพอมาถึงปากถ้ำกลับต้องมาเจอภาพบาดตาบาดใจอีกต่างหาก นั่นก็คือรู(ปากถ้ำ)เล็กกระติ๊ดเดียว แค่พอให้คนมุดลอดเข้า-ออก แบบแถวตอนเรียงเดียว ห้ามซ้อน ห้ามแซงเด็ดขาด
ประติมากรรมธรรมชาติหินงอกหินย้อย
ใครหลายคนทั้งที่ชอบรูและไม่ชอบรู พอมาเจอสภาพแบบนี้ถึงกลับแทบถอดใจ แต่ประทานโทษ!?! อย่างที่บอก เที่ยวถ้ำไม่ควรดูที่ภายนอก เพราะหลังจากเดิน(มุด)ตามคุณพี่ไกด์นำเที่ยวพื้นบ้านเข้าไปในถ้ำ รูเล็กหายไปกลายเป็นทางกว้าง เดินสบาย

จากนั้นก็เป็นบันไดไม้ที่สร้างทอดตัวลัดเลาะไปตามพื้นที่บางจุดของถ้ำเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินชมตามเส้นทางที่กำหนด
หินเป็นที่ยังเจริญเติบโต
สำหรับการเที่ยวถ้ำที่ดีนั้น ต้อง“ดูแต่ตา มืออย่าต้อง” เดี๋ยวของจะเสีย เพราะหินงอกหินย้อยนั้นใช้เวลาสะสมการเติบโตและความสวยงามมานับพันนับหมื่นปี หลายๆจุดยังคงเป็น“หินเป็น”ที่มีชีวิตและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่หากว่าใคร(ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ)เพียงยื่นมือออกไปสัมผัสกับหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ด้วยเห็นว่ามันสวยดี(เว้ย) ขอจับหน่อย(จิ) แค่แตะๆเท่านั้น มันคงไม่เป็นไรหรอก(น่า)

พฤติกรรมแบบนี้ขอความกรุณาอย่าได้ทำเด็ดขาด เพราะนั่นเท่ากับว่ามือของท่านได้มีส่วนในการทำลายการเจริญเติบโตของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำเข้าให้แล้ว หินเป็นหลายๆจุดก็จะกลายเป็น“หินตาย” ที่หมดโอกาสโตไปทันที
หินงอกรูปทรงประหลาด
นอกจากนี้การเที่ยวถ้ำยังมีอีกสิ่งที่พึงกระทำ นั่นก็คือ การเปิดโลกจินตนาการของหัวใจให้พร้อมสดับรับรู้ในความงามของประติมากรรมธรรมชาติต่างๆภายในถ้ำ หินงอกหินย้อยเหล่านี้หากใช้ตาและใจ ก็จินตนาการเป็นรูปร่างต่างๆ ทั้ง คน เด็ก ช้าง ม้า ปราสาท พญานาค พระ หลวงจีน ฯลฯ นับเป็นการช่วยเปิดโลกทัศน์การเที่ยวชมถ้ำให้ได้อรรถรสมากขึ้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนที่จะไปจินตนาการในถ้ำภูผาเพชรนั้น ผมขอเปิดประเดิมโลกจินตนาการสิ่งแรกกันกับหน้าตาของเหล่าบรรดาไกด์ท้องถิ่น ที่คอยพานักท่องเที่ยวเดินชมในถ้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมคำอธิบาย คำแนะนำ รวมถึง“มุก”ที่กระจายเรี่ยราด ขำบ้าง ฝืดบ้าง แป๊กบ้าง ซึ่งหากใครสังเกตและใช้จินตนาการให้ดีๆจะพบว่าบรรดาไกด์เหล่านี้ หน้าตาของพวกเขาล้วนคมคายชนิดที่เล่นหนังได้สบาย แต่ประทานโทษ ต้องรับบทเป็นตัวโกงเท่านั้นนะ(ฮา)
รอรับหยดน้ำจากเพดานห้อง
เอาล่ะ เมื่อแซวเหล่าพี่ๆน้าๆไกด์กันแล้ว(เพราะคนเราไม่ควรดูกันที่ภายนอก) ทีนี้ก็ถึงคิวของการเที่ยวถ้ำภูผาเพชรกันแล้ว ถ้ำแห่งนี้มีห้องต่างๆมากถึงประมาณ 20 ห้อง แถมหลายห้องในนี้ มีชื่อเรียกขานที่เท่ไม่เบา ยกตัวอย่างห้องน่าสนใจทีเด่นทั้งชื่อและลักษณะ ก็มี “ห้องโดมศิลาเพชร” ที่ยามต้องแสงหินภายในถ้ำจะส่องประกายระยิบระยับคล้ายประดับเพชรจำนวนมาก “ห้องปะการัง” ที่มีหินงอกหินย้อยมองคล้ายปะการังใต้ท้องทะเล “ห้องผ้าม่าน” ที่มีแผ่นหินเป็นผืนเป็นริ้วดูคล้ายผ้าม่านผืนใหญ่

ส่วน“ห้องโถงใหญ่”ที่ชื่ออาจฟังธรรมด๊า ธรรมดา แต่ประทานโทษ นี่คือห้องระดับดาวเด่นที่ผมอดตื่นตะลึง ทึ่ง อึ้ง ในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติไม่ได้ เพราะห้องนี้มันดูใหญ่โตอลังการมั่กๆจนไม่น่าเชื่อว่าโลกใต้พื้นพิภพมันจะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เท่านั้นยังไม่พอห้องโถงใหญ่ยังอุดมไปด้วย หินงอกหินย้อย เสาหิน แท่งหิน และแท่นหินเล็กๆที่ผุดขึ้นมาจากพื้นมีน้ำขังอยู่ เนื่องจากบนเพดานถ้ำมีน้ำหยดติ๋ง ติ๋ง ลงมาตลอดทั้งปี

คุณพี่ไกด์ของเราเขาชี้ชวนด้วยสำเนียงทองแดงแท้ๆว่า “ให้คอยดูหยดน้ำสุดสวยนะ”

หะแรก ผมก็นึกว่าแกจะมามุกไหนอีก เพราะที่ผ่านมาก็ปล่อยมุกทิ้งๆขว้างๆ ไปหลายชุดแล้ว แต่ปรากฏว่าครั้งนี้แกพูดจริง พร้องกับส่องไฟสวนขึ้นไปยังหยดน้ำที่ค่อยๆหยดเป็นเม็ดๆลงมา โอ้โห!?! มันดูสวยงามสุดยอดทีเดียว
ห้องลานเพลิน
นอกจากสวยงามแล้ว หยดน้ำนี้ยังมีคนเชื่อว่าเป็นหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์ จึงมีคนโยนเหรียญอธิษฐาน ลงไปในแท่นหินน้ำขังแห่งนี้ ในขณะที่บางคนคงเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์มากถึงขนาดเอามือลงไปกวัก กวนน้ำเล่น ซึ่งก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อระบบการพัฒนาของแท่นหินน้ำขังชุดนี้ก็เป็นได้

จากห้องโถงใหญ่เดินไปหน่อย จะเป็น“ห้องลานเพลิน” หรือที่หลายๆคนเรียกว่า“เวทีคอนเสิร์ต” เพราะเป็น ลานหินกว้างตามธรรมชาติ ยกชั้นขึ้นมาเล็กน้อยดูคล้ายเวทีคอนเสิร์ตให้นักท่องเที่ยวที่อดใจไม่ไหว ขึ้นไปยืนร้องเพลง เดิน เต้น ถ่ายรูป กันบนลานเพลินกันเป็นจำนวนมาก
หินสีเขียวตั้งตระหง่านในห้องมรกต ไฮไลท์อันโดดเด่นแห่งถ้ำภูผาเพชร
ส่วนห้องที่ถือเป็นไฮไลท์ประจำถ้ำก็คือ “ห้องมรกต” ห้องนี้แสงแดดส่องถึง เพราะเพดานถ้ำเป็นช่องโหว่ให้แสงส่องเป็นลำลอดลงมากระทบกับก้อนหินสีเขียวก้อนใหญ่ใจกลางห้อง ทำให้ทั้งห้องพลอยกลายเป็นสีเขียวตามไปด้วย

ผมไม่รู้ว่าห้องสีเขียวนี้เกิดจากแสงสะท้อนก้อนหินหรือว่าผนังถ้ำมันเป็นสีเขียวด้วยตัวของมันเอง แต่ที่ผมรู้ก็คือก้อนหินเขียวนี้มีชาวบ้านไปผูกผ้าแพรผืนเล็กๆไว้ตามความเชื่อ แถมที่ผ่านมายังถูกนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งไปลูบไล้สัมผัส จนหน่วยงานที่ดูแลถ้ำต้องสร้างรั้วไม้เตี้ยๆล้อมไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หินก้อนใหญ่ถูกสัมผัสจับต้องจนความเขียวหดหายกลายเป็นความหมองคล้ำไป

ในขณะที่บริเวณรอบข้างก้อนหินใหญ่นั้นก็เต็มไปด้วยกองหินเรียงรายเป็นองค์ประกอบ แม้กองหินเหล่านี้จะเกิดจากการจัดวางของนักท่องเที่ยวพร้อมคำอธิษฐานขอให้สมหวังตามความเชื่อคล้ายที่เกาะหินงามแห่งตะรุเตา แต่ว่าเหล่ากองหินเหล่านี้กลับดูดี แถมยังช่วยขับให้ก้อนหินใหญ่สีเขียวดูโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
ห้องพญานาค
จากห้องมรกตเดินหน้าไปอีกหน่อย จะเป็น“ห้องอ่างน้ำ”แต่ไม่สามารถลงอาบได้เหมือนอ่างน้ำรัชดา เพราะเป็นร่องรอยของแอ่งน้ำเป็นชั้นๆลึกหายไปในความที่ปัจจุบันไม่มีน้ำแล้ว

สำหรับห้องดาวเด่นห้องสุดท้าย คือ“ห้องพญานาค” ห้องนี้ในอดีตเคยถูกน้ำท่วมขังอย่างยาวนาน จนขอบน้ำท่วมถึงเกิดการสะสมของตะกอนกลายเป็นสันขึ้นเป็นทางยาวไปรอบห้อง มองดูคล้ายลำตัวพญานาคเลื้อยพันอยู่รอบๆห้องยังไงยังงั้นเลย นับว่าพญานาคหินตะกอนตัวนี้คือหนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มหัศจรรย์ไม่น้อยเลย

ระหว่างที่กำลังตะลึงพรึงเพริศกับพญานาคอยู่เพลินๆ จู่คุณพี่ไกด์ก็พูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า“ขออนุญาตปิดไฟนะ เพื่ออยากให้ทุกคนในที่นี่ได้สัมผัสกับความมืด”

ว่าแล้วพี่แกก็ดับไฟฉายลงทันที!!!

ครับ งานนี้มองอะไรไม่เห็นเลย เรียกว่าไม่ต้องตาบอดก็สัมผัสได้ถึงความมืดมิดสนิทจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะเท่านั้น เพราะอึดใจต่อมาคุณพี่ไกด์ก็เปิดไฟขึ้น เรียกความสว่างกลับคืนมา ให้ผมพบกลับความงามภายในถ้ำภูผาเพชรอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากคนเปรียบเกาะตะรุเตาเป็นเพชรเม็ดงามแห่งทะเลสตูล ถ้ำภูผาเพชรก็เปรียบดังเพชรใต้พื้นพิภพเมืองสตูล ที่รอคอยให้ผู้สนใจเดินทางไปค้นหา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไงผมก็ขอย้ำอีกครั้งก่อนล่ำลาถ้ำภูผาเพชรว่าการเที่ยวถ้ำนั้น ต้องเที่ยวแบบ “ดูแต่ตา มืออย่าต้อง” เพราะหากใครเกิดสัมผัสจับต้องเข้า หินงอกหินย้อยที่งดงามดุจเพชรน้ำหนึ่งนั้นก็จะกลายเป็นหินดาษๆทั่วไปโดยปริยาย

*****************************************

ถ้ำภูผาเพชร ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านควนดินดำ ต.ปาล์มพัฒนา กิ่งอำเภอมะนัง จ.สตูล เสียค่าธรรมเนียมค่าเข้าชมเข้า 20 บาท เปิดทุกวัน 9.00-15.00 น.

การเดินทาง จากตัวเมืองสตูล ไปตามถนนสายสตูล-หาดใหญ่ถึงสามแยกนิคมควนกาหลง เลี้ยวซ้ายผ่านที่ว่าการอำเภอควนกาหลงถึงสามแยกผัง 1 ต.อุใดเจริญเลี้ยวขวาเข้าสู่กิ่งอำเภอมะนัง ถึงสี่แยกบ้านผังปาล์ม 1 เลี้ยวซ้ายตรงไป 1 กม. ถึงสี่แยกบ้านไทรทองแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปยังถ้ำภูผาเพชร พอถึงแยกบ้านปากคอกตรงไปถึงโรงเรียนบ้านป่าพน จากนั้นเลี้ยวซ้ายตรงไปอีก 8 กม.ก็จะถึงถ้ำภูผาเพชร

นอกจากถ้ำภูผาเพชรแล้ว ใน ต.ปาล์มพัฒนา ยังมีถ้ำเจ็ดคด น้ำตกวังใต้หนาน และกิจกรรมล่องแก่งอยู่ในละแวกเดียวกัน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อบต. ปาล์มพัฒนา โทร. 0-7472-0314 ต่อ 11 หรือที่ ททท. ภาคใต้ เขต 1 โทร. 0 -7423- 1055, 0 -7423 -8518

กำลังโหลดความคิดเห็น