นายกฯ ป้ายสี “พันธมิตรฯ” ล้อมคอกคนมาชุมนุมห้ามออก เผยธาตุแท้จ้อหากเป็นสหรัฐฯ พวกปีนทำเนียบถูกยิงทิ้งหมดแล้ว หลุดปากจุดชนวนรุนแรงไม่ติด ทหารไม่เล่นด้วย สังหรณ์พันธมิตรฯ ป่าวร้องแสดงความจงรักดีเหยียบย่ำคนอื่นมีนัย เพี้ยนไปเรื่อยยกย่องสื่อรายงานข่าวตรงไปตรงมา ทำให้รู้ว่าใครยืนข้างใคร ตบท้ายตำหนิพาดหัวข่าวรายงานซีกพันธมิตรฯ ทุกวัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "สนทนาประสาสมัคร"
วันนี้ (7 ก.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาลอย่างบิดเบือนว่า เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติเมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและมีลูกเห็บตกใส่ผู้ชุมนุม แม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกมายืนยันว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่ตนไม่เชื่อ ขณะนี้ทราบว่ามีญาติพี่น้องกลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงความเป็นห่วงลูกหลาน ได้ขับรถมารับถึงทำเนียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตั้งขบวนคอยจัดส่งให้ถึงที่หมาย แต่มีความพยายามสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ชุมออกมา
เมื่อวานตนติดตามข่าวเห็นภาพตัวแทนนักเรียนนักศึกษาจากวชิราวุชวิทยาลัย จำนวน 3 คน แต่งชุดเครื่องแบบเต็มยศเดินกางร่มฝ่าน้ำเจิ่งนอง เพื่อขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ก็ได้ยกมือขึ้นท่วมหัวคิดในใจเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองนี้ นอกจากนี้ พวกตัวแทนจากนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแต่งชุดสีชมพู ตัวแทนจากธรรมศาสตร์ ไม่เกิน 10 คนขึ้นเวทีด่าทอนายกรัฐมนตรี ขอบอกว่าเป็นคนแค่หยิบมือ ไม่ใช่องคพยพทั้งองค์กร และไม่รู้ใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่
นายสมัคร กล่าวว่า ตนจะยอมไม่ได้ที่แกนนำ 5 พันธมิตรฯ จะมาปลุกระดมป่วนบ้านเมือง ก็ไม่เข้าใจคนที่มีความรู้มีฐานะดีไปร่วมชุมนุมอยู่ได้อย่างไร วันนี้ชัดสังหรณ์ใจว่าคนกลุ่มนี้มักแสดงความจงรักภักดีในลักษณะเหยียบย่ำคนอื่น แล้วอย่างนี้หากได้อำนาจรัฐไปบ้านเมืองจะเดินไปในทิศทางไหน ต้องยอมรับว่าขณะนี้รัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติและศาลเอาไม่อยุ่แล้ว เมื่อประกาศ พ.ร.กฉุกเฉิน เสมือนยื่นดาบให้ทหารแต่กลับนำไปเหน็บไว้ข้างหลังเสียอีก
“นี่หากเป็นประเทศประชาธิปไตยเต็มร้อยอย่างสหรัฐอเมริกา ใครปีนเข้าในทำเนียบรัฐบาล ถูกยิงทิ้งหมดแล้ว แต่วันนี้ประเทศนี้ใครไปแตะต้องกระทบกระทั่งกันไม่ได้ ผมพยายามจุดชนวนเท่าไหร่จึงไม่สำเร็จ การจลาจลมีไม่ได้ เดี๋ยวจะนำสถานการณ์ครั้งนี้ไปฟ้องในเวทีสหประชาติ ผมยอมไม่ได้ที่จะถูกลากไปสู่ความเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เท่ากับเป็นการตายทั้งเป็น” นายกฯ กล่าว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณสื่อสารมวลชนที่รายงานข่าวอยู่บนพื้นฐานความเป็นกลาง ทำให้ทราบว่าใครยืนข้างใคร แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดไม่กล้าแตะต้องพันธมิตรฯ ทั้งที่เป็นลัทธิ โดยในวันอังคารที่จะถึงนี้คณะรัฐมนตรี มีความจำเป็นต้องย้ายไปประชุมที่ จ.อุดรธานี เนื่องจากไม่มีสถานที่อีกทั้งจังหวัดนี้มี ส.ส.พลังประชาชน 10 คน จึงมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุวุ่นวายในวาระครบรอบการบริหาร 7 เดือน ในตอนท้ายนายสมัครกล่าวยอมรับว่า ลูกเมียได้หอบหลานทิ้งบ้านซอยโอฬารหนีไปแล้ว เพราะกรงว่าพวกนักศึกษาจะเดินขบวนมาปิดล้อม มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลให้เท่านั้น