xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องเหี้ยๆที่คลองด่าน(จบ) :ตอน - โครงการอัปยศ

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี

เหี้ย (Water Monitor) แม้จะเป็นสัตว์อัปมงคลและตัวซวยตามความเชื่อแบบไทยๆ แต่เหี้ยก็เป็นหนึ่งในสัตว์ที่ถูกคนไทยเรียกขานผ่านคำพูดจา ด่าทอ สบถ มากเป็นพิเศษเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้นเมืองไทยเรายังเคยมีชุมชนบางเหี้ย(ต.บางเหี้ย) อ.บางเหี้ย ตั้งอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ เนื่องจากพื้นบริเวณนี้เป็นป่าชายเลนผืนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ มีอาหารของเหี้ยมากมาย ทำให้มีเหี้ยชุกชุมตามไปด้วย ชาวบ้านจึงเรียกขานชุมชนแถบนี้ว่า“บางเหี้ย” ก่อนที่รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม(พ.ศ.2483)จะเปลี่ยนชื่อ อ.บางเหี้ย เป็น อ.บางบ่อ แหล่งปลาสลิดขึ้นชื่อ และเปลี่ยนชื่อ ต.บางเหี้ย เป็น ต.คลองด่าน

คนเฒ่าคนแก่ที่คลองด่านเล่าให้ผมฟังว่า สมัยจอมพล ป. หากใครเรียกคลองด่านว่าบางเหี้ย ก็จะถูกปรับเงินหากทางการได้ยิน

มาในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ถือเป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหญ่ที่สุดในสมุทรปราการด้านทิศตะวันตก มีชายฝั่งทะเลยาวประมาณ 6 กม. อันอุดมไปด้วยป่าชายเลน กุ้ง หอย ปู ปลาและทรัพยากรทางทะเลมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งหอยแมลงภู่ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีพื้นที่กว่า 2 หมื่นไร่

แต่ในความอุดมสมบูรณ์ของคลองด่านครั้งหนึ่งกลับ(เคย)มีเรื่องอื้อฉาวของโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการที่มีการคอร์รัปชั่นโกงกินกันอย่างมโหฬาร โดยปฐมบทของเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2538 คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นได้มีมติเห็นชอบในโครงการสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย 2 จุดใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ คือ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ ต.บางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ และฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณบางปูใหม่

ทั้ง 2 บ่อ เดิมจะใช้งบประมาณก่อสร้างราว 13,612 ล้านบาท แต่จู่ๆในปี พ.ศ. 2541 ได้มีการเสนอให้ยุบรวมบ่อบำบัดเป็นบ่อเดียวโดยหวยไปออกที่คลองด่าน พร้อมกับงบประมาณที่เพิ่มขึ้นเป็น 23,701 ล้านบาท ทั้งๆที่คลองด่านคือพื้นที่สีเขียวแห่งใหญ่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรมและการทำประมงพื้นบ้านชายฝั่ง ซึ่งไอ้พวกที่คิดจะไปปล่อยน้ำเสียจากบ่อบำบัดลงที่นี่และคิด(เริ่มต้น)มันก็คิดผิดแล้ว

แต่โชคยังดีที่ชาวชุมชนคลองด่านเป็นชุมชนเข็มแข็งมีเลือดนักสู้มาตั้งแต่อดีต พวกเขาจึงรวมตัวกันต่อสู้กับความชั่วช้าสามานย์จากน้ำมือบางคนในโครงการบ่อบำบัดฯ เพื่อปกป้องพิทักษ์ผืนแผ่นดิน ถิ่นอาศัย และแหล่งทำมาหากินของตนเอง จนทำให้โครงการนี้ถูกยกเลิกทิ้งไว้เพียงอนุสาวรีย์(บ่อปูนยักษ์)แห่งการโกงกินที่ผมได้แต่หวังว่า ฟ้าคงมีตา สวรรค์คงมีใจ นำคนผิดมาลงโทษให้สาสมกับความชั่วช้าของมัน

แต่ที่ผมกลัวก็คืองานนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดู หรือจับคนทำผิดได้แค่ปลาซิวปลาสร้อย ส่วนพวกตัวเอ้ตัวเอี้ยลอยนวลไปเสวยสุขต่อไป แถมยังเผลอไม่ได้อีกต่างหาก เพราะโครงการใหญ่ระดับ 2 หมื่นล้าน อาจถูกภาครัฐรื้อฟื้นขึ้นมาปัดฝุ่นเพื่อโกงกินกันอีกครั้งก็เป็นได้ ยังไงๆงานนี้ภาคประชาชนและสื่อมวลชนคงต้องช่วยกันติดตามอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ดี คลองด่านในวันนี้ดูเหมือนว่าคลื่นลมของการต่อสู้จะสงบลงได้พักใหญ่แล้ว ส่วนคลื่นลมแห่งท้องทะเลนั้นยังคงทำหน้าที่ตามปกติวิถีอยู่อย่างมิรู้หน่าย ให้ชาวคลองด่านได้ดำเนินวิถีพื้นบ้านทำประมงเลี้ยงสัตว์จับสัตว์น้ำหาเลี้ยงชีพกันไปอ่างพอเพียงตามอัตภาพ บนพื้นที่อ่าวไทยตอนในที่มีลักษณะเป็นอ่าว ก.ไก่ อันอุดมสมบูรณ์

และด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรผสานกับวิถีการทำประมงพื้นบ้านชายฝั่งอันน่าสนใจ ทำให้เมื่อราว 3 ปีที่แล้วคลองด่านได้เปิดมิติใหม่ทางการท่องเที่ยวขึ้น เพื่อให้คนภายนอกรับรู้ว่าคลองด่านนั้นมีดีเกินกว่าที่จะให้นักการเมืองเข้ามากอบโกยด้วยการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย

สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวคลองด่านจะเป็นประเภทเที่ยวชมวิถีชีวิต ซึ่งเพื่อนรุ่นพี่ที่คลองด่านเคยพาผมไปเที่ยวล่องเรือชมทะเลสัมผัสกับวิถีชีวิตชาวคลองด่านนั้น นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย

เริ่มตั้งแต่สภาพบ้านเรือนริมคลองสายย่อยก่อนออกสู่ปากอ่าวที่ปลูกสร้างอย่างเรียบง่ายมีเรือประมงจอดอยู่เรียงราย

ครั้นพอออกสู่ปากอ่าวไทย(ช่วงนี้ผู้ชายหลายๆคนกลัวเป็นพิเศษ เพราะกลัวเรือล่ม) ภาพบ้านเรือนหายไปกลายเป็นท้องทะเลกว้างที่นอกจากจะไม่เคยหลับด้วยคลื่นลมที่พัดพลิ้วแล้ว ทะเลคลองด่านยังดูมีชีวิตด้วยวิถีชาวประมง ไม่ว่าจะเป็น การทำโป๊ะดักปลา การลากหอยแครง การกู้อวนลากคู่ที่ถือเป็นไฮไลท์แห่งท้องทะเลในช่วงเช้า รวมถึงการดำน้ำเกี่ยวปลาดุกทะเลซึ่งนี่ถือเป็นแหล่งปลาดุกทะเลชั้นดีอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมันจะมากินตัวอ่อนของหอย ในขณะที่โลมาก็จะมากินปลาดุกทะเลอีกที ส่วนคนก็จะนิยมมาล่องเรือชมโลมาตั้งแต่ปากอ่าวคลองด่านไปจนถึงปากแม่น้ำบางปะกงเป็นทอดๆไป(จะเห็นโลมาในช่วงเดือนพ.ย.-ก.พ.)

นับเป็นระบบนิเวศของท้องทะเลที่ผูกพันอย่างพอเพียงกับปากท้องชาวบ้านในละแวกนั้น

ส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงก็คือ วิถีการเลี้ยงหอยแมลงภู่ของชาวชุมชนคลองด่าน ซึ่งพอล่องเรือออกมายังปากอ่าวผมก็ว่าที่นี่เต็มไปด้วยฟาร์มหอยแครง และหลักเลี้ยงหอยแมลงภู่เต็มพรึ่ดไปหมด สมดังแหล่งเลี้ยงหอยแมลงภู่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย แถมยังเป็นการเลี้ยงด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด โดยใช้แค่เพียงไม้ไผ่ปักเป็นหลักทิ้งไว้(ชาวบ้านบางคนบอกว่านี่คือการปลูกป่าในทะเล)จากนั้นหอยแมลงภู่ก็จะตามมาเกาะที่หลักเองตามธรรมชาติจนเป็นพวงใต้น้ำแน่นเต็มหลักไปหมด

หอยคลองด่านแม้ตัวไม่ใหญ่เท่าหอยสุราษฎร์ แต่ขึ้นชื่อมีรสอร่อยไม่เป็นรองใคร ที่สำคัญคือในตัวหอยแมลงภู่(รวมหอยแครงด้วย)จะไม่มีทรายเข้าไปปะปนเพราะข้างล่างเป็นพื้นโคลน

ในช่วงเช้าไปจนถึงสายของทุกๆวัน หากใครมีโอกาสล่องเรือไปออกปากอ่างคลองด่านอย่างผม จะได้เห็นชาวบ้านออกเรือมาเก็บหอย ลากหอย ดำน้ำตัดหลักหอย กันอย่างคึกคักโดยจะมีการแบ่งงานกันทำอย่างคล่องแคล่วดูน่าตื่นตาตื่นใจ

พี่ที่พาล่องเรือบอกกับผมว่า เฉลี่ยแล้วเรือแต่ละลำจะเก็บหอยได้ประมาณวันละ 2 ตันต่อวัน ส่วนปีหนึ่งๆคลองด่านส่งหอยแมลงภู่ขายทั้งในและต่างประเทศนับหลายแสนตัน

นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าทรัพยากรหอยแมลงภู่ที่คลองด่านยังไม่ขาดแคลน แต่น่าแปลกว่าเหตุไฉนนักการเมืองกลับจงใจละเลยเรื่องเหล่านี้ แล้วเลือกมาสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียทิ้งไว้ เป็นดังอนุสาวรีย์แห่งการคอร์รัปชั่น ที่ระหว่างล่องเรือชมทะเลผมมองเห็นภาพอุจาดตาของบ่อปูนยักษ์ในโครงการบ่อบำบัดอยู่ลิบๆ ซึ่ง(สมมุติว่า)ถ้าหากโครงการนี้ได้ดำเนินต่อไปแล้วมีการนำน้ำเสียมาทิ้งที่นี่บางที คลองด่านแหล่งหอยแมลงภู่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยอาจกลายเป็นตำนาน

เช่นเดียวกับตำนานบางเหี้ยของชุมชนคลองด่าน ที่ ณ วันนี้ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปตามวิถีโลก ได้ทำให้ประชากรเหี้ยที่คลองด่านมีจำนวนลดน้อยถอยลงไปมาก ส่วนเหี้ยจากคลองด่านจะอพยพไปอยู่ที่ไหนนั้น เป็นเรื่องที่มิอาจทราบได้เพราะไม่มีใครเคยสำรวจ แต่ไอ้สัน(ดาน)เพื่อนเก่าของผมมันตั้งข้อสังเกตว่าเหตุที่เหี้ยคลองด่านส่วนหนึ่งอยู่ไม่ได้นั้น เพราะพวกมันเจอปรากฏการณ์“เหี้ยกว่า”นั่นเอง ว่าแล้วมันก็ท่อง“กลอนเหี้ยๆ”(เพี้ยนจาก“กลอนเหี้ย”) ให้ผมฟังว่า

...ฟ้าลิขิตชีวิตให้เหี้ยเดิน
เหี้ยเพลิดเพลินเดินตามทางของมันไป
เหี้ยสองเหี้ยเจอกันก็บรรลัย
เหี้ยหนึ่งอยู่เหี้ยหนึ่งไปทั่วฟ้าดิน...


หลังฟังกลอนเหี้ยๆของไอ้สัน ผมพลันอดนึกไปถึงปรากฏการณ์เหี้ยกว่าไม่ได้ แล้วจู่ๆภาพลางๆของนักการเมืองชั่วช้าและข้าราชการสามานย์บางคนที่ร่วมกันโกงกินคอร์รัปชั่นกับโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านกันจนสะดือปลิ้นมันก็ผุดแว่บขึ้นมาในสมอง

น่าแปลกที่ในมโนภาพของผม คนพวกนั้นหน้าตาเนื้อตัวเป็นเกล็ด แถมยามแลบลิ้นก็มีสองแฉกดูคล้ายสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่ง

กำลังโหลดความคิดเห็น