xs
xsm
sm
md
lg

“วัฒนา” สบายใจคดีคลองด่านขึ้นสู่ศาล-เชื่อ “ลูกเอ๋” มีดีพอเป็นเลขาฯ มท.3 ได้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“ วัฒนา” ขึ้นศาล ไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรก คดีทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เจ้าตัว ยันบริสุทธิ์ พร้อมส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย มั่นใจลูกชายโชว์ฝีมือนั่งเก้าอี้ ผช.เลขาฯ รมช.มหาดไทย

วันนี้ ( 12 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษาอาวุโส เจ้าของสำนวนคดีดำ อม.2/2550 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรก คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157 ในการใช้อำนาจข่มขู่ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นร่วมออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่คลองสาธารณะประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอยซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม เพื่อนำไปก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ

โดยอัยการ นำพยานเข้าไต่สวนเพียง 1 ปาก คือ นายสนั่น ทองจีน เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปปช.) ระดับ 8 ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการ ปปช.ไต่สวนคดีนี้ โดยศาลได้สอบถามนายสนั่น เกี่ยวกับการตั้งข้อกล่าวหานายวัฒนา ซึ่งนายสนั่น เบิกความสรุป คณะอนุกรรมการ ปปช. ที่ทำการไต่สวนเรื่องนี้มี 2 ชุด ชุดแรกได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ 11 พ.ย.46 มีนายพินิจ อารยะศิริ เป็นประธาน ชุดที่สองมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ 26 ต.ค.49 ส่วนพยานได้รับแต่งตั้งเป็นอนุ ปปช. และเป็นผู้ช่วยเลขานุการ อนุ ปปช. ด้วย ซึ่งการไต่สวนพยานในชั้น ปปช. พยานได้ร่วมสอบพยานทุกปากด้วย ซึ่งการไต่สวนมีผู้ถูกกล่าวหารวม 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ ส่วนที่เกี่ยวกับจำเลย กลุ่มสอง เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน มีประมาณ 10 คน และกลุ่มสามเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประมาณ 2 คน โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจำเลยนั้น อนุ ปปช. และ ปปช. รวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และพฤติการณ์ แล้วฟังได้ว่ามีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายมาตรา 148 และ 157 จึงแจ้งข้อกล่าวให้จำเลยทราบ

เมื่อศาลสอบถามถึงโฉนดที่ดินพิพาท นายสนั่น เบิกความว่า มีทั้งสิ้น 5 แปลง คือโฉนดเลขที่ 13150 , 13817 , 15024 , 15528 และ 15565 โดยที่ดิน 4 แปลงแรก กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนการออกโฉนดแล้วเนื่องจากพบว่าทับที่คลองสาธารณะประโยชน์ ส่วนโฉนดเลขที่ 15565 กรมที่ดินยังไม่ได้มีคำสั่งเพิกถอน

ด้านนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความจำเลย ได้พยายามซักค้านพยาน เกี่ยวกับประเด็น ปปช.ไม่ได้ดำเนินคดีกับกรรมการบริหาร บริษัท ปาล์ม บีช จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการนำที่ดินไปเสนอขายต่อกรมควบคุมมลพิษเพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย แต่กลับมาดำเนินคดีกับจำเลย ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติ หน้าที่รมช.มหาดไทย ไม่ได้เกี่ยวข้องดูแลรับผิดชอบกรมที่ดิน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ปาล์ม บีช ฯ ซึ่งนายสนั่น เบิกความว่า กรณีของกรรมการบริหารบริษัท ปาล์ม บีช ที่ไม่ได้ถูกดำเนินคดี เนื่องจากคดีขาดอายุความแล้ว เพราะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 แต่ในส่วนของจำเลยได้กล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดในการออกโฉนด ตามมาตรา 148 ไม่ใช่ผู้สนับสนุน คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ

ภายหลัง อัยการแถลงว่า ได้มีหมายเรียกนายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และ พล.ต.ต.วิเชียร สิงห์ปรีชา อดีตรอง ผบช.ก.ซึ่งเป็นหัวหน้าสอบสวนคดีนี้ ไม่ได้มาศาล เนื่องจากนายอภิชัย ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ขณะที่ พล.ต.ต.วิเชียร กำลังเข้ารับการผ่าตัดสมอง อัยการจึงแถลงจะขอนำพยานปากนายอภิชัย เข้าไต่สวนในวันที่ 22 ก.พ.นี้ และ พล.ต.ต.วิเชียร เข้าไต่สวนพยานโจทก์นัดสุดท้ายวันที่ 11 มี.ค. ศาลสอบถามทนายจำเลยแล้วไม่คัดค้าน จึงนัดไต่สวนพยานโจทก์ปากต่อไปในวันที่ 13 ก.พ.นี้ เวลา 09.30 น.

อย่างไรก็ตามวันนี้ก่อนเริ่มการไต่สวน ศาลได้มีคำสั่งที่จำเลยได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 7 ก.พ.51ขอให้ศาล ส่งสำนวนไปให้ศาลรัฐธรรมวินิจฉัยประเด็นว่าคดีนี้อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญา หรือศาลฎีกาฯ โดยศาลเห็นว่า คำร้องดังกล่าวเป็นเพียงการโต้แย้งประเด็นที่ศาลเคยมีคำวินิจฉัยไว้แล้วว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจศาลฎีกา ฯ ไม่ใช่การโต้แย้งว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญอันเป็นเหตุที่จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามบทบัญญัติ รธน.มาตรา 211 กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะส่งสำนวนไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยกคำร้อง

ภายหลังนายวัฒนา อัศวเหม กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้กระทำผิดในคดีนี้ ส่วนการไต่สวนนั้น ตนรู้สึกสบายใจ เพราะศาลให้ความเป็นธรรม เปิดโอกาสให้ไต่สวนพยานอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการขอให้ส่งสำนวนไปยังศาลรัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องกระทำ เพราะว่าคดีนี้ขาดอายุความไปนานกว่า 11 ปี ขณะที่การดำเนินคดีเกิดขึ้นก่อนที่ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 จะมีผลบังคับใช้ โดยวันนี้จะให้ทนายความยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วย

นายวัฒนา ยังกล่าวถึงกรณีที่นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหมบุตรชาย จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขานุการ นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รมช.มหาดไทย ว่า เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวข้องกับคดี เพราะเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งเชื่อว่าบุตรชายจะปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะจบการศึกษาด้านนิติศาสตร์ และมีประสบการณ์เป็นนายกเทศมนตรี เทศบาลนครสมุทรปราการมาแล้วหลายสมัย จึงไม่รู้สึกเป็นห่วงว่าบุตรชายจะถูกนำเรื่องที่ถูกดำเนินคดีฐานขัดขวางการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอร์ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.มักกะสัน มากลั่นแกล้งทางการเมือง หรือจะนำเรื่องไปเปรียบเทียบกับกรณีนายวัน อยู่บำรุงบุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม รมว.มหาดไทย ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วย เลขานุการรมว.สาธารณสุข ซึ่งตนอยากวิงวอนสื่อมวลชนว่า อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะข้อหาที่บุตรชายถูกดำเนินคดี จริงๆ แล้วเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เพราะเป็นลูกนักการเมืองจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่
กำลังโหลดความคิดเห็น