หลังจากว่างเว้นไปประมาณ 1 เดือน หุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่เริ่มมีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดย บริษัท เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NTF ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาด MAI ประมาณวันที่18 ธันวาคมนี้
NTF ดำเนินธุรกิจคัดเกรดผลไม้ ส่วนใหญ่เพื่อการส่งออก โดย 90% ของผลไม้คัดเกรดคือทุเรียน หรือที่เรียกกันว่าล้งทุเรียน โดยผลประกอบการย้อนหลังหลาย ยอดขายและกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง
ช่วง 11 เดือนแรก มีหุ้นใหม่เข้าซื้อขายแล้ว 17 บริษัท โดยหุ้นใหม่ที่เข้าซื้อขายช่วงหลังส่วนใหญ่ ราคาต่ำกว่าจอง ซึ่งปิดฉากหุ้นใหม่ตัวสุดท้ายด้วยหุ้น บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO ที่เข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ราคาจอง 5.40 บาท แต่ปิดวันแรกที่ 4.10 บาท ต่ำกว่าจอง 1.30 บาท
ภาพหลอน หุ้นใหม่ ใครจองแล้วเป็นต้องเจ๊งกลับมาอีกครั้ง จนคาดกันว่า ในปี 2568 คงจะไม่มีหุ้นใหม่เข้ามาซื้อขายอีก เพราะนักลงทุนคงหวาดผวาจนไม่กล้าจองซื้อ และภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวยต่อการนำหุ้นใหม่เข้าจดทะเบียน
แต่ NTF รอไม่ไหว ตัดสินใจนำหุ้นจำนวน 60 ล้านหุ้น เสนอขายประชานเป็นครั้งแรก ในราคาหุ่นละ 6 บาท ระดมทุนรวม 360 ล้านบาท โดยมีจุดขาย กระตุ้นความสนใจนักลงทุนด้วยค่า พี/อี เรโช เพียง 5.7 เท่า ซึ่งถือเป็นค่า พี/อี เรโช ที่ต่ำ แต่ไม่ได้เป็นสิ่งค้ำประกันว่า ราคาหุ้นจะต้องไม่ต่ำกว่าจอง
นักลงทุนรายย่อยที่บาดเจ็บจากหุ้นใหม่มาหมาด ๆ สนใจจองซื้อหุ้น NTF หรือไม่ เป็นเรื่องของวิจารณญาณและการตัดสินใจของแต่ละคน แต่การที่ล้งทุเรียน สามารถนำหุ้นเสนอขายประชาชน ระดมเงินจำนวนหลายล้านบาทจากตลาดหุ้นได้ คงทำให้หลายคน ตั้งคำถามอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะประเด็นการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจประเภทนี้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีนโยบายส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนให้มีการเติบโตที่ยั่งยืน แต่การรับบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่ประกอบธุรกิจบางประเภท กลับสวนทางกับการเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ยั่งยืน
ธุรกิจหลายประเภท ทั้ง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ฯ ไม่ควรปล่อยผ่านให้เล็ดลอดเข้ามาในตลาดหุ้น เช่นธุรกิจขายตรง ธุรกิจเครื่องสำอาง แต่ทั้งสองธุรกิจกลับเข้ามาจดทะเบียนนับสิบแห่ง และเกือบทั้งหมดตกอยู่ในสภาพหุ้นตายซาก
นักลงทุนที่หลงจองซื้อ หรือเข้าไปเก็งกำไรหุ้นกลุ่มธุรกิจขายตรงและธุรกิจเครื่องสำอางค์ บาดเจ็บล้มตายกันจำนวนมาก เพราะผลประกอบการไม่ดีจริงเหมือนที่ผู้บริหารคุยโม้ไว้ก่อนเข้าตลาดหุ้น
ความเสียหายที่นักลงทุนรับจากหุ้นกลุ่มธุรกิจขายตรงและธุรกิจเครื่องสำอาง ควรเป็นข้อมูลที่เพียงพอ สำหรับ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการพิจารณา ปิดประตูต้อนรับหุ้นทั้งสองกลุ่มนี้ หรือหุ้นกลุ่มธุรกิจอื่นที่เข้ามาระดมทุน แต่กลับสร้างความเสียหายให้ประชาชน
ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯอาจมีข้ออ้างว่า ในเมื่อบริษัทจดทะเบียนใหม่ มีคุณสมบัติครบถ้วน มีผลประกอบการย้อนหลักที่เข้าเกณฑ์ จะไม่อนุมัติการเสนอขายหุ้นและไม่รับเข้าตลาดหุ้นได้อย่างไร
แต่เมื่อมองเห็นแล้วว่า หุ้นในหลายกลุ่มธุรกิจ เมื่อปล่อยผ่านเข้ามาแล้ว มีแต่สร้างความเสียหายให้นักลงทุน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังดันทุรังรับเข้ามาอีกหรือ
จะปล่อยให้ประชาชนผู้ลงทุนต้องรับเคราะห์กรรมจากหุ้นเน่า ๆ โดยหน่วยงานที่กำกับดูและตลาดหุ้นโดยตรง ไม่คิดจะหาทางแก้ไขปัญหาหุ้นใหม่เน่า ๆ เพื่อปกป้องนักลงทุนบ้างหรือ
กฎหมายหรือกฏเกณฑ์การรับหุ้นใหม่ ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ เพียงแต่ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ฯ จะต้องเลิกบ้าบอกับนโยบายการรับหุ้นในเชิงปริมาณ แต่หันมาเน้นบริษัทจดทะเบียนใหม่ในเชิงคุณภาพ และมุ่งในการปกป้องประชาชนผู้ลงทุนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของหุ้นใหม่เน่า ๆ ที่แต่งตัวกันเข้ามาปล้นเงินในตลาดหุ้น
NTF เป็นธุรกิจล้งทุเรียนรายแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นได้ และเชื่อว่า ล้งทุเรียนอื่น ๆ คงพยายามแต่งตัวเพื่อเข้ามาสูบเงินจากตลาดหุ้นตามมา
แต่ไม่เกิน 3 ปี จะพิสูจน์ทราบว่า ธุรกิจล้งทุเรียนจะเติบโตอย่างยั่งยืนหรือไม่ และควรปล่อยให้เข้าตลาดหุ้นหรือไม่


