บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF กำลังเป็นอีกบริษัทจดทะเบียนในตลาด MAI ที่ถูกจับตาอนาคตความเป็นไป เพราะราคาหุ้นที่ทรุดลงมาตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า ฐานะการดำเนินงานอาจตกต่ำอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ จึงเกิดการทิ้งหุ้น
ECF ถูกจัดอยู่ในหุ้นร้อนที่มีลูกเล่นในการกระตุ้นการเก็งกำไรมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการออกใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญหรือวอร์แร้นต์ และการเพิ่มทุนเสนอขายหุ้นใหม่ในราคาต่ำ แต่ผลประกอบการที่หัวทิ่มหัวต่ำ ขาดทุนต่อเนื่องหลายปี ราคาหุ้นจึงปลุกไม่ขึ้น และดิ่งหัวลง
จนล่าสุดหุ้น ECF สร้างจุดต่ำสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ปิดที่ 19 สตางค์ ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่มีอยู่จำนวนประมาณ 5 พันราย ขาดทุนกันป่นปี้ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่จ่ายเงิน ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ในราคาเพียง 20 สตางค์ เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน
หุ้น ECF อยู่ในสภาพตายซากมานานหลายปี แต่เริ่มมีความคึกคักขึ้น หลังจากคณะกรรมการบริษัท ฯ มีมติ ออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 999.50 ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 20 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 20 สตางค์ และแจกวอร์แร้นต์รุ่นที่ 6 ฟรี
มติคณะกรรมการ ECF ในการออกหุ้นเพิ่มทุน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 พร้อมกับการเพิ่มมูลค่าหุ้นที่ตราไส้ หรือการปรับราคาพาร์ใหม่ จากหุ้นละ 25 สตางค์ เป็นหุ้นละ 5 บาท ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน
ราคาหุ้น ECF ซึ่งรูดลงติดพื้นที่ราคา 10 สตางค์ เมื่อเพิ่มพาร์เป็น 5 บาท ราคาจึงปรับขึ้นมายืนที่ 1.97 บาท และยืนระดับ 2 บาทอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะมีการขึ้น
เครื่องหมาย XR โดยผู้ซื้อหุ้น ไม่มีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในวันที่ 13 มิถุนายน ทำให้ราคาหุ้นปรับฐานลงมาเหลือ 37 สตางค์
แต่นับจากวันที่ 16 มิถุนายน ราคาหุ้นพุ่งทะยาน ทะลุเพดานสูงสุด 30% ติดต่อ 5 วันทำการ และยังวิ่งต่อเป็นวันที่ 6 และ 7 โดยปรับตัวขึ้นอีกวันละกว่า 15% ซึ่งในวันที่ 24 มิถุนายน ราคาหุ้นถูกลากขึ้นมาปิดที่ 1.91 บาท
จากราคาเพียง 37 สตางค์ ภายใน 7 วันทำการ ราคาปรับตัวขึ้นมายืนที่ 1.91 บาท เพิ่มขึ้น 1.54 บาท หรือเพิ่มขึ้น 416% โดยไม่มีคำแจ้งเตือนถึงความร้อนแรงของราคาหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแต่อย่างใด
ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมาเฉียด 2 บาท จูงใจให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งหมด ยอมควักกระเป๋า จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน จนหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 999.50 ล้านหุ้น ขายหมดเกลี้ยง โดยกำหนดชำระค่าหุ้นครั้งสุดท้ายวันที่ 4 กรกฎาคม
นักลงทุนทุกคนคิดเหมือนกันว่า จะได้รวยกับหุ้น ECF เพราะถือหุ้นเดิมเพียง 1 หุ้น ได้สิทธิจองซื้อหุ้นใหม่ถึง 20 หุ้น ในราคาเพียง 20 สตางค์ และแถมวอร์แร้นต์ฟรีอีกต่างหาก
วันที่ 16 กรกฎาคม เป็นวันแรกที่หุ้นเพิ่มทุนเข้ามาซื้อขาย ปรากฏว่า ราคาหุ้นทรุดลงติดฟลอร์หรือลงต่ำสุดติดพื้น 30% โดยปิดที่ 1.39 บาท ลดลง 61 สตางค์หรือลดลง 30.50% มูลค่าซื้อขายเพียง 3.33 ล้านบาทเท่านั้น
นับตั้งแต่หุ้นเพิ่มทุนเข้าซื้อขาย หุ้น ECF ทรุดลงติดต่อ 6 วันทำการ ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายมีเบาบาง ซึ่งอาจเกิดจากไม่มีแรงซื้อเข้ามารับแรงขาย โดยมีเพียงวันที่ 21 กรกฎาคมเท่านั้น ที่มูลค่าซื้อขายหนาแน่น 132 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นปิดที่ 51 สตางค์
หุ้น ECF ทรงตัวระดับ 50 สตางค์อยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะซึมลงเรื่อย ๆ และวันที่ 18 กันยายน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง ปรับผู้บริหาร ECF กลุ่มสุขสวัสดิ์และพวกรวม 17 คน วงเงิน 264 ล้านบาท ในความผิดฐานสร้างราคาหุ้นในช่วงปลายปี 2560 ซึ่งถือเป็นข่าวที่ทำลายความน่าเชื่อถือซ้ำเติมบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้
ราคาหุ้น ECF ตีตั๋วสู่ขาลงม้วนเดียวมากว่า 4 เดือนแล้ว และเชื่อว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ซื้อหุ่นเพิ่มทุนราคา 20 สตางค์ไว้ ส่วนใหญ่น่าจะยังไม่ได้ขายหุ้นออก เพราะภาวการณ์ซื้อขายหุ้นไม่เปิดโอกาสให้ได้เทขาย เนื่องจากมูลค่าซื้อขายแต่ละวันเบาบางมาก โดยล่าสุดซื้อขายวันละไม่กี่แสนบาท
และผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ยังไม่ได้ขายหุ้น ECF ทิ้ง ทุกคนเจ็บตัวหมด ขาดทุนกันถ้วนหน้า ถูกกินเรียบ โดยแทบไม่เห็นโอกาสถอนทุนคืนจากหุ้นที่มีสารพัดลูกเล่นตัวนี้
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างเกม ”กินเรียบ” ของหุ้น ECF ผู้ถือหุ้นรายย่อยน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจ
แต่ประเด็นที่สำคัญ รายย่อยจะหนีออกจากหุ้นตัวนี้ได้อย่างไร เพราะแม้ยอมตัดขายขาดทุน แต่ใครที่ไหนจะซื้อ


