ปัญหาหุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่ กลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นตลาดหุ้น โดยเฉพาะการตั้งหุ้นเสนอขายในราคาที่แพงเกินเหตุ และเมื่อเข้าซื้อขาย ราคาต่ำกว่าจอง สร้างความเสยหายให้นักลงทุนในวงกว้าง จนล่าสุด ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยหรือ FETCO เตรียมเสนอแนวทางแก้วิกฤตหุ้นใหม่
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธาน FETCO ระบุชัดถึงต้นตอที่ทำให้หุ้นใหม่ เมื่อเข้ามาซื้อขายแล้วราคาต่ำจองว่า เกิดจากการกำหนดราคาเสนอขายที่สูงเกินจริง โดยเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนใหม่ ต้องการระดมทุนได้จำนวนมาก ๆ จึงตั้งราคาขายหุ้นไว้สูง
การระงับยับยั้งวิกฤตหุ้นใหม่ จึงต้องเร่งดำเนินการ โดยจะมีการหารือกับตลาดหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อแก้ปัญหาหุ้นใหม่ขายแพง
วิกฤตหุ้นใหม่ก่อตัวขึ้นมาหลายปีก่อนหน้า โดยภาวการณ์แข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน นำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น ทำให้บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ยอมศิโรราบกับเจ้าของบริษัทจดทะเบียนใหม่ ยอมให้เจ้าของหุ้นใหม่ ต่อรองการกำหนดราคาหุ้นที่จะเสนอขายได้เต็มที่
เจ้าของหุ้นใหม่ต้องการขายหุ้นแพงขนาดไหน บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินยอมรับได้หมด เพื่อให้ได้ลูกค้า ซึ่งหมายถึงรายได้จำนวนมากจากค่าธรรมการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
เจ้าของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินบางราย ร่ำรวยเป็นพันล้านบาท จากการแต่งตัวบริษัทใหม่เข้าสูบเงินนักลงทุนในตลาดหุ้น เจาของหุ้นใหม่ ร่ำรวยเป็นเศรษฐีในพริบตา ทันทีที่นำหุ้นออกขายประชาชนเป็นครั้งแรก ในราคาที่ขูดเลือด
ส่วนนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นใหม่ กลายเป็นผู้รับเคราะห์ ทุกคนถูกปล้น เจ๊งกันวอดวาย ชนิดฉิบหายขายตัว
ไม่เคยมีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบจากหุ้นใหม่ที่สร้างความเสียหายให้นักลงทุน นับจากวินาทีแรกที่หุ้นเข้าซื้อขาย แม้แต่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นผู้อนุมัติการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่อนุมัติรับหุ้นใหม่เข้าซื้อขาย
การขายในราคามหาโหด เจ้าของหุ้นใหม่ไม่ได้มีความสำนึกต่อประชาชนผู้ลงทุน ซึ่งถือเป็นผู้มีอุปการคุณแม้แต่น้อย ไม่คำนึงถึงชื่อเสียงหรือภาพลักษณ์ของบริษัท แต่มุ่งจะกอบโกยเงินให้มากที่สุด จากนักลงทุนที่พัดหลง หลวมตัวเข้ามาจองซื้อหุ้นแต่เพียงประกันเดียว
หุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่ ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงิน แต่งตัวจนหน้าตาออกมาดูดี มีการจัดงบก้อนโต ให้สื่อหุ้นหลายสำนัก เพื่อปิดปาก ไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ราคาหุ้นที่เสนอขาย และไม่โจมตีเมื่อหุ้นเข้าซื้อขายแล้วราคาต่ำจอง แต่ไม่อาจปิดกั้นเสียงประณามจากเหยื่อที่จองซื้อหุ้นใหม่ได้
หุ้นใหม่ที่มีการวางแผนสร้างภาพไว้สวยหรู และขายหุ้นราคามหาอำมหิต จงใจปล้นเงินนักลงทุน เมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น จึงแปลงร่างเป็นหุ้นเน่า ๆ และนับสิบบริษัท แม้จะเข้ามาซื้อขายหลายปี แต่ราคาไม่เคยขึ้นไปแตะราคาจอง โดยราคาหุ้นต่ำจองตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้าซื้อขาย จนถึงวันนี้
นักลงทุนจองซื้อหุ้นไส้ เหมือนถูกบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและเจ้าของบริษัทจดทะเบียนจับ “ติดคุก” โดยไม่มีวันออก เพราะไม่รู้ว่า เมื่อไหร่จะได้ทุนคืน เมื่อไหร่ราคาหุ้นจะขึ้นไปแตะราคาจอง
การนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนใหญ่จงใจ “ตีหัว”นักลงทุน เพราะโอกาสมีเพียงครั้งเดียว จึงขอโกยเงินให้มากที่สุด โดยไม่กลัวเสียงสาปแช่ง
ถ้า ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ สำนึกในผลสูญเสียของประชาชนผู้ลงทุนมากขึ้นอีกสักนิด หุ้นเน่า ๆ เจ้าของบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่มีจิตใจอำมหิต คงไม่มีโอกาสเข้ามาปล้นในตลาดหุ้น
แม้หุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขายในปีนี้รวม 17 บริษัท ส่วนใหญ่ราคาต่ำจอง แต่บริษัทใหม่ที่รอจ่อคิวเข้าตลาดหุ้นอีก5-6บริษัทในช่วงปลายปี เจ้าของหลายบริษัท ยังไม่เปลี่ยนทัศนะคติ มุ่งมั่นที่จะกอบโกยเงิน โดยไม่ตระหนักถึงความเสียหายของนักลงทุน และเตรียมตั้งราคาขายหุ้นมหาโหดต่อไป
วิกฤตหุ้นจองหรือหุ้น IPO ไม่มีใครปกป้องนักลงทุนได้ นอกจากตัวนักลงทุนเอง
นักลงทุนรายย่อยทุกคน ต้องร่วมกันสร้างมาตรการลงโทษทางสังคม เริ่มจากตัวเองก่อน หุ้นใหม่ตัวไหนขายแพง ต้องสาปส่ง ไม่ซื้อ
จะเร่ขายใครช่างหัวเผือกหัวมัน แต่เราไม่ซื้อ เพื่อแก้เผ็ดเจาของหุ้นใหม่ ตบหน้าบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินให้เข็ด
มาตรการสกัดหุ้นเน่าไม่ให้เข้ามาปล้นตลาดหุน นักลงทุนทุกคนต้องพร้อมใจกัน ไม่โลภ อย่างหวังรวย อย่าคาดหวังลม ๆ แล้ง ๆ ร่วมกันสาปส่งหุ้นใหม่ที่ขายแพง


