สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย(IOD) ต้องออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงด่วน หลังจากมีข่าวลือผ่านโลกโซเชียลว่า สมาคม ฯ ได้ให้คะแนนเต็ม 100 หรือระดับดีเลิศ 5 ดาวกับ บริษัท เจเคเอ็น โกบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย 4 ปีติดต่อตั้งแต่ปี 2562
แถลงการณ์ระบุว่าสมาคม ฯ เคยให้คะแนน JKN ในระดับ 4 ดาวในปี 2566 โดยมีเครื่องหมายดอกจันกำกับ ซึ่งสะท้อนว่า มีประเด็นสำคัญที่ผู้ลงทุนควรทราบ ส่วนปีอื่น ๆ ไม่เคยประเมิน เพราะบริษัทมีปัญหากระทำผิดจนถูกปรับและอยู่ในข่ายถูกเพิกถอน
แถลงการณ์เป็นการยืนยันว่า ข่าวลือการประเคนคะแนนดีเลิศการกำกับดูแลกิจการชั้นดีเลิศให้ JKN ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
แต่ยังมีคำถามอยู่ดีว่า ทำไมปี 2566 IOD จึงจัดให้ JKN ได้ถึง 4 ดาว ทั้งที่มีประเด็นข้อสังเกตที่นักลงทุนควรทราบ และทำไมจึงไม่สงสัญญาณเตือนให้นักลงทุนรับรู้ถึงปัญหาที่ต้องใส่เครื่องหมายดอกจันในทันทีขณะนั้น
IOD มีนายระพี สุจริตกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นประธาน มีนายภากร ปีตธวัชชัย อดีตกรรมการและผู้จัดการ และนายอัสสเดช คฃศิริ กรรมารและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ฯ คนปัจจุบันร่วมเป็นกรรมการ โดยมีกรรมการทั้งหมด 15 คน
ข่าวลือการให้การกำกับกิจการ JKN ระดับ 5 ดาว 4 ปีติดต่อ ย่อมระทบต่อภาพลักษณ์ IOD อย่างรุนแรง จนต้องออกมาข่าวต่อสาธารณชนโดยด่วน เพียงแต่เหลืออีก 1 คำถามว่า บริษัทของ “แอน จักรพงษ์” หรือ นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ได้เกรดระดับ 4 ดาวได้อย่างไร
วันนี้ เจ้าของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ซึ่งเคยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปหลายหมื่นล้านบาท เคยออกหุ้นกู้ระดมทุนหลายพันล้านบาท และจัดอยู่ในหุ้นยอดนิยมที่นักลงทุนแห่เข้าไปเก็งกำไรหลายหมื่นคน ได้ลอกคราบตัวเองแล้ว
จากผู้บริหารหญิงข้ามเพศที่เก่ง เล่าถึงความสำเร็จในชีวิตได้เป็นฉาก ๆ ดึงนายทหารระดับสูงเข้าร่วมโฆษณาขายสินค้า เสริมการสร้างภาพตัวเอง แท้ที่จริงแล้ว คือแม่มดที่แปลงร่างมาปล้นนักลงทุนในตลาดหุ้น
การไม่ยอมมาฟังคำพิพากษา คดีฉ้อโกงหุ้นกู้จำนวน 30 ล้านบาท จนถูกศาลออกหมายจับ เป็นการยืนยันว่า “แอน จักรพงษ์” เผ่นหนีไปอย่างแน่นอนแล้ว พร้อมเงินจำนวนหลายพันล้านบาทที่ปล้นไปจากประชาชนผู้ลงทุน
และชาตินี้ คงไม่มีโอกาสได้พบเจอแม่มดในตลาดหุ้นคนนี้อีก
อย่างไรก็ตาม คดีฉ้อโกงหุ้นของ “แอน จักรพงษ์” อาจจุดชนวนคดีการโกงหุ้นกู้ตามมาอีกนับสิบนับร้อยคดี โดยเฉพาะหุ้นกู้บริษัทจดทะเบียนที่เบี้ยวนักลงทุนจำนวนรวมนับแสนราย
ปี 2567 มีหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้ 3.17 พันล้านบาท และขอเลื่อนการชำระหนี้อีก 3.7 หมื่นล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรก 2568 มีการเบี้ยวหนี้หุ้นกู้แล้ว 1.9 หมื่นล้านบาท
คดีโกงหุ้นกู้วงเงิน 30 ล้านบาทของ ”แอน จักรพงษ์” เป็นคดีที่ทุกหน่วยงานที่กำกับดูและตลาดทุน รวมทั้งสมาคมคุ้มครองผู้บริโภค หรือสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย จะต้องนำไปศึกษา เพื่อดำเนินคดีกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทนอกตลาดหุ้น
เพราะถ้าพิสูจน์ได้ว่า ผู้บริหารบริษัทที่ออกหุ้นกู้ วางแผนมาปล้นตั้งแต่แรก รู้อยู่แก่ใจว่า ไม่มีเงินไถ่ถอนหุ้นกู้ หรือนำเงินจากการออกหุ้นกู้ไปใช้ผิดประเภท สามารถแจ้งความดำเนินคดีอาญาได้
ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่โกงหุ้นกู้ จะต้องจับเข้าคุกให้หมด ไม่ใช่ลอยนวลเหมือนที่ผ่านมา ทั้งที่สร้างบาปสร้างกรรมให้นักลงทุน


