‘อุบล ไบโอ เอทานอล’ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานสะอาด และอาหาร มุ่งเป้าลดปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจก หนุนประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ตามพันธสัญญา พร้อมเดินหน้าเฟส2 โครงการลดก๊าซเรือนกระจก ปูพรม 5 มิติมุ่งเป้าลดปล่อยก๊าซ 7% ภายในปี 69 เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่มี การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี 2608 ตอกย้ำองค์กรที่ลงมือทำจริงเพื่อโลก หลังรายงานเวที COP30 เผยอุณหภูมิโลกสูงขึ้นกว่า 2 องศาเซลเซียส ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์พุ่ง สัญญาณสถานการณ์ก๊าซเรือนกระจกที่เข้าสู่ภาวะวิกฤตเร็วกว่าคาด
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ UBE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และกำหนด “นโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” เป็นวาระเร่งด่วนขององค์กร โดยมุ่งยกระดับทุกมิติอย่างเข้มข้น ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน การบริหารจัดการทรัพยากรกับโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรรักษ์โลก
เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับโลกและสอดคล้องกับทิศทางสากลที่ข้อเรียกร้องด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นขึ้นจากเวทีโลกจากรายงานล่าสุดในที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 30 (COP30) ที่ประเทศบราซิล พบว่าอุณหภูมิโลกสูงเกินกว่า 2 องศาเซลเซียสอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปริมาณก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด โดยเฉพาะค่าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2567 ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 423.9 ส่วนต่อล้านส่วน ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มสูงที่สุดในรอบหลายปี ทั้งยังสะท้อนว่ากว่า 90% ของการปล่อย CO₂ ทั่วโลก ยังคงเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล
“ข้อมูลจาก COP30 เป็นสัญญาณชัดเจนว่าอุตสาหกรรมพลังงานชีวภาพ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ต้องมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ UBE จึงปูรากฐานให้ยกระดับองค์กรในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกตามที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 14064-1:2018 ซึ่งเป็นการสร้างระบบฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐานระดับสากล รองรับการประเมินผลและการตั้งเป้าหมายลดคาร์บอนที่วัดผลได้จริง สะท้อนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ UBE ที่ถูกนำไปสู่การปฏิบัติจริง และเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของบริษัทฯ ในการเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2608 ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน UBE การสร้างห่วงโซ่อุปทานสีเขียวร่วมกับเกษตรกรเครือข่าย เราให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์และเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในอุตสาหกรรมเกษตรกรรม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกใบนี้ไปด้วยกัน” นางสาวสุรียส กล่าว
นางสาวกัณฑ์พร กรรณสูต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายความยั่งยืนองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวในฐานะเป็นประธานคณะทำงานด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของ UBE ว่า บริษัทฯ ไม่ได้หยุดอยู่เพียงความพร้อมด้านกำลังการผลิตเท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนให้ก้าวไปอีกขั้น ล่าสุด UBE ได้เดินหน้าขับเคลื่อนพันธกิจด้านความยั่งยืนผ่านการเปิดตัว (Kick Off) “โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG)” ระยะต่อเนื่อง เกิดขึ้นหลังจากปี 2567 ที่บริษัทฯ มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 160,869 tonCO₂e โดยตั้งเป้าลดการปล่อยไม่น้อยกว่า 3% ในปี 2568 และไม่น้อยกว่า 7% ในปี 2569 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero GHG Emissions ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ตามที่ ประเทศไทยได้ประกาศพิจารณาปรับเป้าหมายการบรรลุ Net Zero ให้เร็วขึ้นจากเดิมปี 2608 (ค.ศ. 2065) ภายใต้ความตกลงปารีส ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่องค์กรต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่าต้องเร่งแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เร็วขึ้นสอดรับกับเป้าหมายใหม่หรือไม่ ตอกย้ำถึงเป็นผู้นำที่ลงมือทำจริง และเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับธุรกิจ ควบคู่ไปกับการส่งมอบสังคมต่ำเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสู่คนรุ่นหลัง
ทั้งนี้ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่คือหน้าที่และความรับผิดชอบที่ UBE ยึดมั่นมาโดยตลอด เราภูมิใจที่ได้ริเริ่มโครงการบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 และในปีนี้เปิดตัวโครงการระยะต่อเนื่อง เป็นการต่อยอดจากรากฐานความสำเร็จที่วางไว้ โดยเน้นมาตรการที่ครอบคลุมทุกมิติของการดำเนินงาน ใน 5 มิติ ได้แก่ 1.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยปรับปรุงเครื่องจักรและกระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้พลังงาน 2.ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด เช่น โครงการ Floating Solar 3.จัดการของเสียอย่างยั่งยืน ผ่านการลดปริมาณของเสียและนำกลับมาใช้ใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน 4.เพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ วางแผนการขนส่งเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง 5.สร้างการมีส่วนร่วมภายในองค์กร ด้วยการกระตุ้นให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดและปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
“การเดินหน้าโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ UBE ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการตอบสนองต่อแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อมของโลกเท่านั้น แต่เรามองลึกไปถึงการผนวกเรื่องความยั่งยืนให้เป็นเนื้อเดียวกับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth Strategy) เพราะเราเชื่อมั่นว่า การสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาวก้าวสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี 2608 จึงไม่ใช่เป็นเพียงตัวเลขทางธุรกิจ แต่คือ ‘คำมั่นสัญญา’ ที่เรามีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ว่า UBE พร้อมจะเป็นองค์กรต้นแบบที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยการลงมือทำจริง เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนและส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นต่อไปได้อย่างภาคภูมิ” นางสาวกัณฑ์พร กล่าว


