เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วย ดร. พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองเบเล็ง สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ขยายความร่วมมือประเทศญี่ปุ่นและเยอรมนี ขับเคลื่อนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่เป้าหมาย Net Zero 2050
นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ร่วมหารือกับ นายอิชิฮาระ ฮิโรทากะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น ณ Thailand Pavilion เพื่อแลกเปลี่ยนการดำเนินนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งประเทศไทยมุ่งขับเคลื่อนเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด NDC 3.0 ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 47% ในอีก 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2578) และจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างโอกาสด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านทางสังคมให้แก่ประเทศไทยในระยะยาว ซึ่งจะเป็นรากฐานในการไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2593 หรือ Net Zero 2050 ตามนโยบายของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ หัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมทั้งผู้บริหารระดับสูงของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ยังได้ประชุมหารือทวิภาคีกับ Dr. Philipp Behrens ผู้แทนกระทรวงสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ธรรมชาติ และความปลอดภัยทางปรมาณู (BMUKN) แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ถึงรายละเอียดการต่อยอดความร่วมมือภายใต้โครงการ IKI ที่รัฐบาลเยอรมนีให้การสนับสนุนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลากว่า 16 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ซึ่งได้รับประโยชน์จากความร่วมมือรวมกว่า 30 โครงการ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 200 ล้านยูโร (ประมาณ 7,000 ล้านบาท) เพื่อการดำเนินงานทั้งด้านการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อผลกระทบด้านสภาพอากาศ ตลอดจนการขับเคลื่อนนโยบายและการสนับสนุนเทคโนโลยี ให้สามารถเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจและสังคมไปสู่การพัฒนาประเทศในรูปแบบคาร์บอนต่ำ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้รับทราบแนวทางการจัดทำข้อเสนอและกรอบวงเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมนีให้แก่รัฐบาลไทยในรอบถัดไป (ปี พ.ศ. 2570 – 2575) ซึ่งจะเริ่มเจรจาในรายละเอียดระหว่างกันตั้งแต่เดือนมกราคม 2569 เป็นต้นไป
อีกทั้ง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้หารือกับผู้แทนจาก Environmental Defense Fund (EDF) เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและความร่วมมือด้านการลดการปล่อยก๊าซมีเทน โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางยกระดับมาตรการลดการปล่อยในภาคส่วนสำคัญ รวมถึงการสนับสนุนให้สถาบันปิโตรเลียมและพลังงานแห่งประเทศไทยมีความสนใจ และพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก ให้ตอบสนองต่อการบรรลุเป้าหมายระยะยาวของประเทศ
ในวันเดียวกันนี้ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้แทนของประเทศไทย เข้าร่วมแลกเปลี่ยนทรรศนะในการประชุมระดับสูง JCM ครั้งที่ 11 โดยย้ำความร่วมมืออันยาวนานกับญี่ปุ่นที่ช่วยขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม โดยทั้งสองประเทศได้บรรลุหมุดหมายสำคัญด้วยการเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่ดำเนินการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจก ภายใต้กลไกข้อ 6.2 ของความตกลงปารีสได้จริง ซึ่งสะท้อนถึงความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และเป็นกลไกสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย NDC นอกจากนี้ ประเทศไทยยืนยันความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือกับญี่ปุ่นและประเทศหุ้นส่วน เพื่อมุ่งสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ยังจัด Thailand Pavillion เปิดให้เข้าชมนิทรรศการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งวันนี้ มีเวทีเสวนาที่เข้มข้นในหลากหลายประเด็น ได้แก่ บัญชีคาร์บอนช่วยเร่งความโปร่งใสและความเชื่อมั่นบนเส้นทาง Net Zero 2050 การแสดงพลังของเยาวชนท่ามกลางวิกฤตภูมิอากาศ การลงทุนสีเขียว การครบรอบ 10 ปีข้อตกลงปารีส ทศวรรษแห่งการมุ่งมั่น การลงมือและความรับผิดชอบ ปิดท้ายด้วยการจัดการความเสี่ยงแบบบูรณาการเพื่อการรับมือกับความสูญเสียและความเสียหาย


