รายงานชี้ราคา Hashrate ของเหมืองขุดบิทคอยน์ร่วงต่อเนื่อง สะเทือนตั้งแต่ผู้ขุดรายเล็กจนถึงผู้ผลิตเครื่องขุด หลังราคาบิทคอยน์และรายได้จากการขุดลดฮวบ ดันอุตสาหกรรมเข้าสู่ภาวะ “อยู่รอดก่อนโต” พร้อมเทรนด์ใหม่ เหมืองแห่หันไปพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูลสมรรถนะสูงแทน
อุตสาหกรรมเหมืองบิทคอยน์ทั่วโลกกำลังเผชิญแรงกดดันหนัก หลัง “Hashprice” ซึ่งเป็นตัวชี้วัดหลักด้านความสามารถในการทำกำไรของนักขุด ร่วงลงใกล้ระดับ 40 ดอลลาร์ต่อ Petahash ต่อวินาที (PH/s) ซึ่งเป็นระดับที่อาจบีบให้ผู้ประกอบการรายเล็กต้องปิดกิจการ และสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานการขุดบิทคอยน์
รายงานจาก TheMinerMag ระบุว่า Hashprice ปัจจุบันอยู่ที่ราว 42 ดอลลาร์ต่อ PH/s ลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นพุ่งขึ้นเกิน 62 ดอลลาร์ต่อ PH/s การดิ่งลงสู่ระดับ 40 ดอลลาร์กำลังทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากที่มีกำไรเพียงเส้นบาง ๆ เริ่มพิจารณาปิดเครื่องขุดเพื่อลดความสูญเสีย
ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในเหมืองเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ขุดคริปโต ที่ยอดคำสั่งซื้อหดตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากลูกค้าหลายรายประสบภาวะขาดทุน นอกจากนี้ ยอดขายเครื่องขุดที่ตั้งราคาเป็นบิทคอยน์ยังได้รับผลกระทบจากราคาบิทคอยน์ที่ร่วงลงหลังเหตุการณ์ตลาดถล่มในเดือนตุลาคมอีกด้วย
บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น Bitdeer ต้องหันมาดำเนินกิจกรรม “ขุดเอง” (self-mining) เพื่อชดเชยยอดขายเครื่องขุดที่ตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงและค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดเครื่องจักร ทำให้หลายเหมืองต้องมองหา “ทางรอดใหม่” นอกเหนือจากการขุดบิทคอยน์โดยตรง
เหมืองบิทคอยน์หันหัวสู่ธุรกิจ AI หลังรายได้หดและค่าไฟฟ้าพุ่งไม่หยุด
นักขุดบิทคอยน์ต้องเผชิญชะตากรรมที่เลี่ยงไม่ได้ทุก 4 ปี กับ “การลดรางวัลบล็อกครึ่งหนึ่ง” (Bitcoin Halving) ซึ่งหั่นรายได้ลงทันที 50% ล่าสุดหลังการ Halving เดือนเมษายน 2567 รางวัลต่อบล็อกลดเหลือเพียง 3.125 BTC จากเดิม 6.25 BTC ในขณะที่พลังประมวลผล (Hashrate) และค่าไฟฟ้าที่ต้องใช้กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ย้อนกลับไปปี 2009 รางวัลต่อบล็อกยังอยู่ที่ 50 BTC และนักขุดใช้เพียงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (CPU) ก็สามารถขุดได้ แต่ปัจจุบันต้องใช้เครื่อง ASICs เฉพาะทางที่มีราคาหลายหมื่นดอลลาร์ต่อเครื่อง นี่คือสาเหตุที่ทำให้เหมืองขนาดกลางและเล็กจำนวนมากต้องหันไปลงทุนในศูนย์ข้อมูลประมวลผล AI และระบบ High-Performance Computing (HPC) เพื่อสร้างรายได้เสริมในตลาดที่มีการแข่งขันดุเดือด
การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเพราะบริษัทที่ขยับก่อนเริ่มเห็นผลตอบแทนเป็นพันล้านดอลลาร์ เช่น Cipher Mining ที่เพิ่งเซ็นสัญญามูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ กับ Amazon เพื่อให้บริการพลังประมวลผลแก่ Amazon Web Services (AWS) ตลอดระยะเวลา 15 ปี
ขณะที่บริษัทเหมืองคริปโต IREN ก็จับมือกับ Microsoft ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้บริการ GPU Computing มูลค่าสัญญาสูงถึง 9.7 พันล้านดอลลาร์
“เหมืองขุดบิทคอยน์” ยุคใหม่ต้องคิดเกินกว่าการขุด
สถานการณ์ที่ Hashprice ดิ่งแตะระดับ 40 ดอลลาร์/PH/s คือสัญญาณเตือนว่าอุตสาหกรรมนี้กำลังเข้าสู่ “ยุคคัดตัวอยู่รอด” อย่างแท้จริง เหมืองที่ไม่สามารถปรับตัวให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือขยับเข้าสู่ตลาดใหม่ เช่น AI และ HPC อาจต้องหลุดวงโคจรไปโดยปริยาย
ขณะที่ตลาดขุดบิทคอยน์กำลังพิสูจน์ว่า “การอยู่รอดไม่ใช่แค่การขุดได้ แต่ต้องขุดให้คุ้ม” และในโลกที่พลังคำนวณกำลังกลายเป็นทองคำใหม่ ใครที่ปรับตัวทัน จะไม่เพียงอยู่รอด แต่จะกลายเป็นผู้นำในสมรภูมิดิจิทัลแห่งศตวรรษนี้.


