xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์งานเข้า! ถูกแฉโครงการคริปโตขายโทเคนให้เกาหลีเหนือ-อิหร่าน ปูดสัมพันธ์ต่างชาติพัวพันความมั่นคงสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



องค์กรเฝ้าระวังการเงินสหรัฐฯ ตีแผ่รายงานร้อน “American Sell-Out” กล่าวหาธุรกิจคริปโต World Liberty Financial ของโดนัลด์ ทรัมป์ ลักลอบขายโทเคนให้กลุ่มที่เชื่อมโยงเกาหลีเหนือ อิหร่าน และแพลตฟอร์มฟอกเงินต้องห้าม กระทบหนักต่อความมั่นคงประเทศ ขณะที่อาณาจักรคริปโตของทรัมป์กอบโกยรายได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์

องค์กร Accountable.US เปิดรายงานใหม่ แฉเส้นทางโทเคนของ World Liberty Financial (WLFI) ที่ชี้ชัดการทำธุรกรรมกับกลุ่มเสี่ยงระดับชาติ ทั้งเกาหลีเหนือและอิหร่าน รวมถึงผู้ใช้งานที่เชื่อมโยงแพลตฟอร์มฟอกเงินที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร ข้อมูลดังกล่าวสั่นสะเทือนสังคมการเมืองและการเงินในสหรัฐฯ หลังพบว่าอาณาจักรคริปโตของทรัมป์สร้างรายได้ส่วนตัวเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ และกำลังขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็วในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

ธุรกรรมเชื่อมโยงศัตรูหลักสหรัฐฯ

รายงานระบุธุรกรรมอื้อฉาว เช่น การซื้อโทเคน WLFI มูลค่า 10,000 ดอลลาร์ในวันสาบานตนประธานาธิบดี โดยผู้ใช้งาน “Shryder.eth” ซึ่งมีธุรกรรมกว่า 55 ครั้งกับกระเป๋าเงินที่ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่ามีความเกี่ยวพันกับกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus ของเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกันยังพบการขายโทเคนกว่า 3,500 รายการให้ผู้ใช้งานรายหนึ่งที่มียอดฝากกว่า 26,000 ดอลลาร์ใน NoBitex.IR ตลาดซื้อขายคริปโตใหญ่ที่สุดของอิหร่าน และเป็นผู้ควบคุมบัญชีโซเชียลโปรอิหร่านที่เผยแพร่เนื้อหาต่อต้านสหรัฐฯ อย่างเปิดเผย

ไม่เพียงเท่านั้น WLFI ยังขายโทเคนกว่า 10,000 รายการให้ผู้ใช้งานที่เชื่อมโยงเครื่องมือฟอกเงิน “A7A5” ซึ่งพัฒนาโดยกลุ่มรัสเซียเพื่อเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร และถูกสหรัฐฯ ลงโทษไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ข้อมูลยังเผยอีกว่ามีผู้ใช้งานกว่า 62 รายที่เคยใช้ Tornado Cash บริการมิกซ์คริปโตที่ถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และได้รับโทเคน WLFI ก่อนที่ทรัมป์จะยกเลิกมาตรการแบนของรัฐบาลไบเดนในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ที่มา: รายงานของ Accountable.US
การตอบสนองล่าช้ากลายเป็นจุดอ่อนช่องโหว่ด้านกฎระเบียบ

World Liberty Financial เพิ่งประกาศแบล็กลิสต์บัญชีเพียง 5 รายเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 รวมถึงกระเป๋าเงินของ จัสติน ซัน ผู้ก่อตั้ง Tron ทั้งที่ธุรกรรมต้องสงสัยเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายเดือน กรณีของ Shryder.eth ถูกสั่งระงับล่าช้าที่สุดในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 สะท้อนถึงมาตรการกำกับดูแลที่ล่าช้าและไร้ประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ข้อมูลการเปิดเผยทรัพย์สินทางการเงินยังย้ำว่า ทรัมป์ได้รับผลตอบแทนกว่า 57 ล้านดอลลาร์จาก WLFI และคริปโตปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 73% ของความมั่งคั่งทั้งหมดของเขา ในเวลาเดียวกัน อาณาจักรคริปโตของตระกูลทรัมป์ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดจาก 60 บริษัท ขึ้นเป็น 185 บริษัทด้าน Bitcoin ภายในเวลาเพียง 1 ปี มูลค่าการซื้อขายทะลุพันล้านดอลลาร์เป็นส่วนใหญ่ในตลาดต่างประเทศ

ที่มา: รายงานของ Accountable.US
มิติความมั่นคงและแรงกดดันการเมือง

ผลสะเทือนจากรายงานดังกล่าวไม่ได้จำกัดแค่ตัวเลขธุรกรรม แต่ขยายสู่ประเด็นความมั่นคงระดับชาติ โดย เอลิซาเบธ วอร์เรน ส.ว.สหรัฐฯ เรียกร้องคำอธิบายหลังจากกลุ่ม Lazarus ก่อเหตุแฮกแพลตฟอร์ม Bybit สูญเงินกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ พร้อมเตือนว่าร่างกฎหมาย GENIUS Act อาจเปิดช่อง “ทางด่วนแห่งการทุจริตของทรัมป์” หากขาดกลไกคุ้มกันที่เข้มแข็ง

รายงานยังชี้ว่าบริษัท Trump Media & Technology Group (TMTG) ครอบครอง Bitcoin กว่า 2 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 40% ของมูลค่าตลาด แต่ราคาหุ้น TMTG กลับร่วงลง 47% ภายใน 6 เดือน ขณะที่ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน สวนทางกับการเติบโตของสินทรัพย์ที่ถือครอง

ในอีกมิติหนึ่ง หุ้นบริษัทเหมืองขุดบิทคอยน์ที่ก่อตั้งโดย เอริก ทรัมป์ บุตรชายของประธานาธิบดี พุ่งแรงกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในมูลค่าทางบัญชี หลังราคาหุ้นดีดตัวแรงเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา

เสียงวิจารณ์และแรงกดดันใหม่

โทนี คาร์ก ผู้อำนวยการ Accountable.US ตั้งคำถามว่าทำไมอาณาจักรคริปโตของครอบครัวทรัมป์ยังคงรับเงินจากนักลงทุนที่เชื่อมโยงอิหร่านและแพลตฟอร์มฟอกเงินที่ฉาวโฉ่ พร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนจากสภาคองเกรส เพื่อสร้างกลไกป้องกันไม่ให้ประธานาธิบดีและครอบครัวใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ขณะยังมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลลับของรัฐบาล

ปฏิบัติการคริปโตของทรัมป์กำลังเผชิญแรงเสียดทานรุนแรงทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง การเปิดโปงครั้งนี้ไม่เพียงสั่นคลอนความน่าเชื่อถือ แต่ยังสะท้อนปัญหาโครงสร้างเชิงระบบ ที่อาจทำให้สหรัฐฯ ต้องเผชิญภัยเสี่ยงจากคู่ปรับสำคัญในเวทีโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน