ตลาดหุ้นประเดิมรับโค้งสุดท้ายไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ด้วยความสดใส โดยวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นดีดตัวแรงกว่า 15 จุด สร้างจุดปิดสูงสุดในรอบปีที่ระดับ 1,464.66 จุด ปลุกความหวังของนักลงทุนว่า การฟื้นตัวของตลาดรอบนี้คงได้เห็นดัชนีทะลุ 1,500 จุดกันเสียที
ความคึกคักของตลาดหุ้นถูกจุดชนวนจากกองทุนวายุภักษ์ 1 ซึ่งเริ่มนำเงินจำนวน 150,000 ล้านบาท ในวันแรก โดยข้อมูลปรากฏชัดเจนว่า เงินวายุภักษ์ไหลเข้ามาแล้ว
เพราะยอดซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบันเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พุ่งขึ้น 8,823 ล้านบาท สูงกว่าปกติอย่างผิดสังเกต ขณะที่มียอดขายหุ้น 5,358 ล้านบาท หักลบแล้ว นักลงทุนสถาบันมียอดซื้อหุ้นสุทธิ 3,464 ล้านบาท และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ดันให้ดัชนีพุ่งทะยาน
แรงซื้อหุ้น 8,823 ล้านบาท น่าจะเป็นการซื้อของกองทุนวายุภักษ์แทบทั้งหมด ส่วนแรงขายหุ้น 5,358 ล้านบาท อาจเป็นแรงขายของกองทุนรวมเดิม ที่โยนหุ้นให้ “วายุภักษ์”
หุ้นที่อยู่ในเป้าหมายของ “วายุภักษ์” หรือหุ้นขนาดใหญ่ปัจจัยพื้นฐานดี ผลประกอบการมั่นคง จ่ายเงินปันผลในอัตราที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ ราคาทะยานโดยถ้วนหน้า เช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT หุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC หรือหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC
ตลาดหุ้นที่ซบเซาเงียบเหงามา 1 สัปดาห์เศษ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสีใหม่ นักลงทุนรายย่อยมีความหวังอีกครั้ง มองโลกสวย โดยมองว่าหุ้นเข้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่ และจะวิ่งต่อไปจนทะลุ 1,500 จุด
มีการคำนวณกันเบื้องต้นว่า ทุกเงิน 10,000 ล้านบาทที่กองทุนวายุภักษ์นำเข้ามาซื้อหุ้น จะผลักดันให้ดัชนีขยับขึ้น 10 จุด ซึ่งวงเงินที่เหลืออีกกว่า 140,000 ล้านบาท ถ้านำมาซื้อหุ้นจนหมดอาจผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด หรืออาจขึ้นไปแตะที่ระดับ 160 จุดเลยทีเดียว
แต่ “วายุภักษ์” มีเวลาลงทุน 10 ปี จึงไม่รีบร้อนนำเงินส่วนใหญ่เข้ามาซื้อหุ้นในระยะสั้น แต่จะรอดูจังหวะที่เหมาะสม และทยอยซื้อหุ้นในกลุ่มเป้าหมาย คือหุ้นขนาดใหญ่ปัจจัยพื้นฐานดี และมีเงินปันผลสม่ำเสมอ
ดังนั้น จึงอย่าคาดหวังแรงซื้อที่จะดึงให้หุ้นพุ่งทะยานมากเกินไป แต่อาจมั่นใจในระดับหนึ่งได้ว่า เมื่อ “วายุภักษ์” เข้ามาแล้ว ตลาดหุ้นจะไม่เกิดความผันผวนรุนแรง เพราะถ้าหุ้นตกแรงโดยไม่มีเหตุผล กองทุนวายุภักษ์จะเข้ามาช้อนซื้อหุ้นทันที
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น "วายุภักษ์" คงทยอยเก็บหุ้นต่อไป เพราะราคายังไม่แพงเกินไป อยู่ในวิสัยที่จะถือเพื่อการลงทุนระยะยาวได้ และอาจขับเคลื่อนให้ดัชนีขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,500 จุดได้
ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองว่า ถ้าทะลุขึ้นไปถึง 1,500 จุด หุ้นคงไม่ไปต่อ ต้องรอปัจจัยใหม่เข้ามาขับเคลื่อน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย
และคาดกันไว้ว่า ภายในปีนี้แบงก์ชาติจะประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งจะกระตุ้นให้ตลาดหุ้นเกิดความคึกคักเช่นเดียวกับตลาดหุ้นจีน แต่คงไม่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงเหมือนหุ้นจีน
กองทุนวายุภักษ์ 150,000 ล้านบาท แสดงอิทธิฤทธิ์ในตลาดหุ้นแล้ว ช่วยปลุกความหวังของนักลงทุนรายย่อยอีกครั้ง แต่เป็นการฟื้นความคึกคักของตลาดหุ้นเพียงชั่วคราว และในระยะสั้นเท่านั้น
แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจ หรือการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระตุ้นให้ตลาดหุ้นพลิกฟื้นในระยะยาว
นักลงทุนรายย่อยที่เทขายหุ้นทำกำไร โยนหุ้นใส่กองทุนวายุภักษ์ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
เพราะหุ้นรอบนี้น่าจะวิ่งต่อได้อีกหน่อย และไปหยุดพักที่ 1,500 จุดเท่านั้น